วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 2


พ่อเลี้ยงศรกับเฉิดเฉลาจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกบุญธรรมที่ตั้งชื่อว่าเสกสรรอย่างเอิกเกริก มีแขกเหรื่อมากหน้าหลายตามาร่วมยินดี

สองคนยืนรับแขก โดยที่เฉิดเฉลาอุ้มลูกน้อย กระซิบคุยกับพ่อเลี้ยงศรอย่างเบิกบาน

“ขอบคุณเรื่องโฉนดที่ดินพร้อมบ้านหลังนี้ สำหรับลูกชายของเราค่ะ”

“มีลูกชายสืบสกุลทั้งทีมีหรือจะใจจืดใจดำ มีเมียที่ยอมเสียสละไม่แสดงตัวเพื่อให้ผัวไปแต่งงานกับคนอื่นตามสบาย ขอบใจเฉิดเหมือนกัน”

“คนอื่นที่ว่า...พูดถึงก็มาทันที”

บริพัตรพาลำหับเข้ามาพร้อมด้วยซอสามสาย สองฝ่ายทักทายกันด้วยรอยยิ้ม บริพัตรมีของขวัญจากครอบครัวมาให้ ส่วนลำหับจะเล่นซออวยพรให้เด็กน้อย

“หวังว่าคงจะไม่มาสีซอเพลงพญาโศกเป็นของขวัญนะลำหับ”

เฉิดเฉลาพูดซะทุกคนหน้าเจื่อน พ่อเลี้ยงศรรีบแก้ต่างออกตัวแทนเธอว่า

“เฉิดเฉลาเขาชอบล้อเล่น หลานผมคนนี้ขี้เล่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

จังหวะนี้ ยศพงษ์เดินเมาเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญ ปรายตามองเฉิดเฉลาแวบหนึ่งก่อนยื่นหน้ามาดูเด็กน้อย

“น่ารักมากครับ นี่ขนาดลูกบุญธรรมหน้ายังถอดพ่อเลี้ยงออกมาเป๊ะๆ ถ้าหากว่าเป็นลูกจริงๆจะขนาดไหนกัน จริงไหมครับคุณเฉิดเฉลา”

“ค่ะ เฉิดเจาะจงเลือกเอาน้องที่หน้าคล้ายคุณลุงที่สุดแหละค่ะ”

“แขกมากันมากพอสมควรแล้ว ผมขอเชิญไปสังสรรค์กันด้านโน้น จัดโต๊ะรอไว้เรียบร้อยแล้วครับ เชิญ วันนี้แขกมากหน้าหลายตาจริงๆ” พ่อเลี้ยงศรรวบรัดเพราะกลัวความจริงที่ปกปิดจะปรากฏ

ชาตรีไม่ตายและมาปรากฏตัวในงานนี้ในคราบของนายห้างร้านขายผ้า เจ้าภาพไม่แน่ใจว่ารู้จักแต่ก็เชื้อเชิญตามมารยาท คนอื่นๆจำเขาไม่ได้ แม้แต่บริพัตรที่เคยเจอกันมาก่อน

มุมหนึ่งในงาน เฉิดเฉลาหลบมาคุยกับยศพงษ์อย่างสะใจ

“ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นับแต่นี้ต้องพยายามผลักดันให้เขาแต่งงานกับเด็กลำหับให้ได้”

“เราสองคนจะได้ไม่ต้องมาลักกินขโมยกินกัน ต่อไป”

“ไม่ได้ เราจะเปิดเผยตัวเองไม่ได้ ในเมื่อตัวคุณเองก็มีเพ็ญพักตร์อยู่ทั้งคน นอกซะจากว่าเพ็ญพักตร์หย่าหรือลาโลกไปแล้ว”

“พูดน่ากลัว ผมต้องดูดเงินของเขามาเป็นของเราให้หมดก่อนสิ ก็แค่จะหมายความว่าเราจะพบกันง่ายสบายขึ้น”

“ก็ง่ายขึ้น หลังจากที่นายศรได้ลำหับไปแล้ว แผนการต่อไปฉันต้องได้บริพัตร”

“มักมาก! อยากเป็นหญิงสามผัวหรือไง”

“มีสามผัวเพื่ออุดมการณ์ของเรา บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ เพื่อที่เธอจะได้ใช้บริพัตรให้เป็นประโยชน์ทางธุรกิจโดยมีเฉิดเป็นตัวพาหะ”

“เพื่อให้เฉิดเฉลาได้บริพัตรมาเป็นสามีตามที่หวังลมๆแล้งๆมานานเต็มทีอีกด้วย รู้นะว่าแอบคิดอะไร”

“ไอ้บ้า!” เฉิดเฉลาด่าไม่จริงจัง จับแก้มเขาหยอกล้อ ชาตรีแอบมองห่างๆ ไม่รู้ว่าสองคนพูดอะไร แต่รู้สึกได้ว่าฝ่ายหญิงคิดจับปลาหลายมือเกินไป

ในงาน ลำหับสีซอเพลงไพเราะจนได้รับเสียงปรบมือชื่นชมดังกราวใหญ่ แต่ท่ามกลางเสียงปรบมือนั้นมีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนขอเพลงพญาโศกขึ้นมา

ชาตรีนั่นเอง เขาจงใจก่อกวน เฉิดเฉลาไม่พอใจเดินมาปรามน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดัน

“ขอโทษนะคะ มาผิดงานหรือเปล่าคะ เอาล่ะค่ะ ลำดับต่อไปนายศรของพวกเราจะขอมอบของขวัญให้กับสาวน้อยลำหับ นางพญาซอสามสายของเราในค่ำคืนนี้ ขอบอกว่าน่าจะเป็นของขวัญที่เซอร์ไพรส์มากๆค่ะ ขอเชิญนายศรค่ะ ปรบมือให้เกียรตินายที่แสนใจดีของเราด้วยค่ะ”

ศรเดินขึ้นบนเวที ถือกล่องเครื่องประดับเล็กๆมาหยุดตรงหน้าลำหับ จูงเธอให้ลุกขึ้น ทุกคนด้านล่างมองและซุบซิบ ศรเปิดกล่องหยิบแหวนเพชรเม็ดใหญ่ออกมาชูขึ้นให้ทุกคนเห็น เรียกเสียงฮือฮาได้ทั้งงาน

“เซอร์ไพรส์ๆๆๆ” เสียงชาตรีดังระรัว ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว ก่อนจะกลับไปสนใจสองคนบนเวที

“อะไรกันนี่ ไม่นะลำหับ” บริพัตรพึมพำ สองตาเพ่งมองไปยังลำหับอย่างใจคอไม่ดี

ลำหับยืนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้า เฉิดเฉลาเจ้ากี้เจ้าการร้องบอกพ่อเลี้ยงศรสวมแหวนให้ลำหับ รวมทั้งสนที่มาร่วมงานในสภาพเจ็บขาที่ถูกยิงก็ตะโกนเชียร์ให้สวมแหวน

เฉิดเฉลาหมั่นไส้ลำหับ เดินขึ้นไปจับมือเธอพร้อมกระซิบว่าผู้ใหญ่ให้ของอย่าเสียมารยาท

ในที่สุดศรก็ได้สวมแหวนเพชรเม็ดงามที่นิ้วมือลำหับ แล้วกระซิบอย่างยินดีว่า “สำหรับนางพญาซอสามสายที่น่ารักที่สุด”

ลำหับทำอะไรไม่ถูก รีบลงจากเวทีตรงไปห้องน้ำ ชาตรีเดินมาดักและส่งยิ้มมองแหวนที่นิ้วมือของเธอ

“แหวนสวยมากนะครับ”

“ขอทางด้วยค่ะ”

“อยากฝากตัวเป็นศิษย์ซอสามสายจังเลยครับ

สีเพลงเดียวได้รางวัลเป็นแหวนเพชรหลายกะรัต”

ลำหับจำเขาไม่ได้และไม่อยากคุยด้วย จะเดินเลี่ยงไปแต่ยังโดนเขาดักหน้าดักหลังอยู่ดี จนกระทั่งบริพัตรส่งเสียงเข้ามา เธอบอกเขาว่าอยากกลับบ้านแล้ว

บริพัตรเดินมาจับข้อศอกลำหับเดินไป ไม่มองไม่แยแสชายแปลกหน้า ชาตรีพึมพำอย่างรู้ทัน

“เขาหลงรักเด็กในอุปการะ แล้วเธอล่ะลำหับ รักตอบเขาหรือว่ารักของขวัญจากนายศร”

ขาดคำ พ่อเลี้ยงศรเดินลิ่วเข้ามาถาม “ผมเห็นลำหับเดินมาทางนี้ เธอเข้าห้องน้ำหรือนายห้าง”

“เธอกลับไปแล้วกับผู้ปกครองของเธอ”

พ่อเลี้ยงศรชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วหุนหันไปโวยวายฉุนเฉียวใส่เฉิดเฉลา

“ไอ้บริพัตรมันเอาลำหับกลับไปแล้ว ค่าแหวนเพชรนั่นมันเฉียดล้าน ได้แค่สวมแหวน”

“ได้สวมแหวนบนเวทีเพียงแค่ไม่ใช่นิ้วนาง แต่เท่ากับประกาศว่าลำหับคนนี้นายศรตีตราจองแล้ว ใครจะกล้าแตะนางอีกไม่มีหรอก คุ้มเกินคุ้มแล้วค่ะ”

“แต่ไอ้บริพัตรมันอาจกล้า ดูท่าว่ามันหวงมาก”

“เฉิดสาบานว่าจะเอาเด็กนั่นมาเป็นของนายศร

ให้จงได้ บริพัตรอยากจะหวงนักก็ไม่มีปัญหา เฉิดจัดการได้ค่ะ”

พ่อเลี้ยงศรพยักหน้า ใจชื้นขึ้น ชาตรีแอบมองทั้งคู่ห่างๆ ไม่ได้ยินว่าพูดอะไร แต่เดาเอาเองว่าน่าจะวางแผนอะไรสักอย่าง

ooooooo

2 ปีต่อมา...

เฉิดเฉลายุยงให้พ่อเลี้ยงศรขอลำหับมาเป็นเมียเพื่อกีดกันเธอให้พ้นจากบริพัตรที่ตนเองหมายปอง เมื่อทั้งคู่มาสู่ขอลำหับจากภัทรา ท่าทางจะไม่สำเร็จเพราะภัทราขอถามความเห็นของลำหับก่อน เฉิดเฉลาจึงวางแผนเจ้าเล่ห์ขอคุยกับลำหับเป็นการส่วนตัว

เธอใช้ไม้ตายเรื่องรู้ว่าลำหับเป็นลูกของรามคนขายชาติมาบีบบังคับแถมยังโกหกด้วยว่าครอบครัวบริพัตรผู้มีพระคุณของลำหับกำลังจะล้มละลาย แต่ถ้าลำหับยอมแต่งงานกับเศรษฐีอย่างพ่อเลี้ยงศรก็จะช่วยพยุงฐานะของครอบครัวนี้ได้

ลำหับนิ่งไปอย่างหนักใจ เฉิดเฉลาลอบสังเกตแล้วกดดันพร้อมพูดจาเอาตัวรอดว่า

“เธอสามารถทดแทนพระคุณพวกเขาได้ นายศรจะปลดหนี้สินให้ครอบครัวไพชยนตร์ แต่เธออย่าบอกใครว่าฉันมาบอกความลับของพวกเขา เขาอายมาก เขาแสนดีมาก เกรงใจเธอ ไม่กล้าหักหาญน้ำใจ เขาจะให้เธอตัดสินใจเองว่ายินยอมไหม อนาคตของครอบครัวนี้ขึ้นอยู่กับเธอ บอกเธอเท่านี้แหละ หวังว่าเราจะได้ดองเป็นญาติกัน”

เฉิดเฉลาเดินยิ้มพรายออกไป ทิ้งให้ลำหับยืนนิ่งน้ำตาซึม มองเข้าไปในบ้านเห็นภัทรากับบริพัตรคุยกันหน้าเครียดก็เข้าใจตามที่เฉิดเฉลาบอกว่าสองแม่ลูกกำลังจะล้มละลาย

ในที่สุดลำหับก็ตัดสินใจตอบตกลงแต่งงานกับพ่อเลี้ยงศร บริพัตรเข้าใจผิดคิดว่าเธออยากสบายอยากร่ำรวย ซึ่งลึกๆแล้วเขาแอบชอบเธอ โดยภัทราก็พอจะมองออกจึงกลุ้มใจแทนลูกชาย

วันหนึ่ง บริพัตรมีปากเสียงกับลำหับด้วยเรื่องแต่งงาน ลำหับเสียใจมากถึงกับแอบหนีออกจากบ้าน แล้วพบชาตรีที่หายหน้าไปนาน ชาตรีจับเธอขึ้นรถเพื่อกลับมาส่งบ้านบริพัตร แต่ขู่ว่าจะพาไปให้คนขายชาติ ลำหับตกใจปฏิเสธเสียงหลง ก่อนบอกเขาว่าอยากไปที่โขดหินกลางป่าที่เขากับบริพัตรเจอเธอครั้งแรก

ชาตรีตามใจขับรถพาเธอไป แต่พอเธอบอกอยากอยู่ที่นี่ตามลำพังสักพัก ชายหนุ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดโมโห

“คิดอะไรบ้าๆ เหลวไหล จะมาทำอะไร มาสีซอเล่น เธอเป็นอะไร ไม่ดีใจเหรอที่จะได้เป็นคุณผู้หญิงแสนร่ำรวย”

“คุณนั่นแหละคอยตามจับตัวหนูตลอดเวลา หายไปสองปีนึกว่าจะเลิกรา กลับมาทำร้ายกันอีกทำไม”

“น่าขำ หายไปสองปีจนเธอดีใจคิดว่าฉันตายแล้วใช่ไหม ถามหน่อยเถอะ อยากแต่งงานกับมหาเศรษฐีนั่นมากแล้วหนีออกมาจากบ้านที่แสนปลอดภัยให้ฉันจับตัวเธอทำไม”

“ใครอยากโดนจับตัว ทำไมคุณถึงต้องการจับตัวหนูไปให้พวกเขานัก”

“มีใครบอกเธอใช่ไหมว่าฉันจะจับตัวเธอไปให้พวกขายชาติล้างสมอง”

ลำหับชะงักและอึกอักเพราะเฉิดเฉลาเพิ่งบอกแบบนั้นจริงๆ เธอแปลกใจทำท่าจะถาม ชาตรีสวนมาก่อนอย่างรู้ทัน

“เอาเป็นว่าฉันรู้ และฉันก็รู้ว่าความจริง เธอคงไม่ได้รักหรือพอใจผู้ชายแก่คราวพ่อหรือแก่กว่าพ่อเธอ แต่เธอตกลงเพราะรักเงินของเขาใช่ไหม”

“ไม่จริง คุณดูถูกหนูมากไปแล้ว หนูไม่เคยต้องการเงิน ไม่เคยอยากมีเงินมากมาย แต่หนูทำเพราะความจำเป็น”

“ความจำเป็นบ้าๆน่ะสิ”

“หนูไม่ได้บ้า หนูไม่ได้อยากได้ใคร่ดี” ลำหับปฏิเสธทั้งน้ำตานองหน้า

“ฉันจะไม่เคี่ยวเข็ญถามเธอว่าจำเป็นเรื่องอะไร บอกมาคำเดียวเท่านั้นว่าเธออยากแต่งงานหรือไม่อยากแต่งกับตาแก่นั่น”

“บอกแล้วจะมีอะไรดีขึ้นมาไม่ทราบ”

“มีแน่” ชาตรีตอบหนักแน่น

หลังจากคุยกันเรียบร้อยแล้ว ชาตรีพาลำหับไปส่งบ้านบริพัตร เป็นเวลาที่บริพัตรยอมรับกับภัทราว่าเขารักลำหับจริงๆ

ชาตรีจอดรถหน้าบ้านและพูดกับลำหับอีกครั้งว่า “เสียใจด้วย แก้ไขอะไรลำบากซะแล้ว เขาเตรียมการไว้หมดทุกอย่าง ต้องปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป ถ้าเธอหนีไป ใครที่ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ไม่พ้นคุณบริพัตรของเธอหรอกลำหับ เธอจะทำให้เขาเดือดร้อน พวกนายศรต้องโกรธเขา ต้องหาว่าจัดการพาเธอหนี เข้าบ้านไปเถอะ ไปรอให้ถึงวันหมั้น บางทีปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้น”

ชาตรีส่งซอสามสายให้ลำหับพร้อมสำทับว่า “เข้าไปสิ อย่าให้ใครรู้ว่าเธอหนีออกมา”

“ขอบคุณที่เตือนสติหนู”

ลำหับกลับเข้าบ้านเงียบกริบโดยที่สองแม่ลูกไม่รู้ว่าเธอหายตัวไปพักใหญ่ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเธอยืนยันกับภัทราว่าจะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงศรตามที่รับปากไว้แล้ว บริพัตรได้ยินถึงกับหน้าซีด เสียใจอยู่ลึกๆ

ooooooo

ถึงวันหมั้นหมาย ลำหับพร้อมตั้งแต่เช้า เธอต้องการให้พิธีเสร็จเร็วที่สุด ซึ่งภัทราขอทางพ่อเลี้ยงศรไว้แล้วว่าอย่าเอิกเกริก ทำกันภายใน

“แต่วันแต่งเขาคงไม่ยอมให้มันภายในไม่เอิกเกริก เขาต้องประกาศโชว์ภรรยาคนสวยร้อยล้านให้ประชาคมที่นี่รับรู้ เตรียมรับมือให้ดีเถอะลำหับ นายแม่ครับ ผมขอตัว”

“จะไปไหนล่ะบริพัตร”

“นายเรียกไปทำงานด่วน ปฏิเสธไม่ได้ครับ งานหมั้นนี้ไม่มีผมสักคนก็ไม่ได้ทำให้มันพังพินาศหรอกครับ”

บริพัตรเดินออกไปโดยไม่มองลำหับที่นั่งก้มหน้างุดน้ำตาแทบหยด ภัทรามองสองคนอย่างอ่อนใจ แอบบ่นเบาๆว่าลูกชายของตนพาลเสียแล้ว

ขบวนของพ่อเลี้ยงศรมาถึงหน้าบ้านบริพัตรแล้ว ในจำนวนนี้มียศพงษ์มาด้วย พ่อเลี้ยงศรแปลกใจถามเฉิดเฉลา ก็ได้คำตอบว่า

“เขามาเป็นพยานไงคะ มาเป็นพีอาร์ เขากระจายข่าวส่งข่าวถ่ายรูปแจกหนังสือสารพัด ส่งไปได้ถึงกรุงเทพฯ นายศรชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ”

“โอเค ชอบแบบนี้ แต่ไม่ค่อยชอบนายยศพงษ์ เขามองเฉิดสายตาบ่งบอกมากไปนิด หึงนะจะบอกให้”

“โธ่ ตกลงจะหึงใครกันแน่คะ บริพัตรหรือยศพงษ์ ทั้งที่นายศรกำลังจะได้ใหม่อยู่นาทีสองนาทีนี่แล้ว เฉิดน่ะเก็บไว้เป็นของเก่าสะสมเถอะ มาแวะชมเดือนละครั้งพอค่ะ”

“พูดเกินไป ฉันเก็บเฉิดไว้ให้เป็นแม่ของลูกต่างหาก...อ้าว เอ๊ะนั่น เขาจะไปไหน”

บริพัตรกำลังจะออกนอกบ้าน เฉิดเฉลาปรี่มาถามหน้าระรื่น

“คุณบริพัตรไม่อยู่ดูพิธีของคุณลุงกับลำหับเหรอคะ”

“ไม่ครับ ไหนว่าอยากทำกันเงียบๆ ผมมีธุระสำคัญมากต้องทำ”

ยศพงษ์รีบแทรกเข้ามา “คุณบริพัตรไม่อยู่อีกคนคงจะเงียบมากขึ้นอีกนิด แต่ผมจะส่งข่าวส่งรูปเหนือใต้ออกตกให้ทั่วประเทศ”

บริพัตรพูดอะไรไม่ออกนอกจากขอตัว พ่อเลี้ยงศรมองตามพลางกระซิบกับเฉิดเฉลาว่าเขาไม่พอใจ

“ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ นอกจากปาฏิหาริย์อัศจรรย์พันลึกมาเกิดเท่านั้น”

“อิมพอสสิเบิล...เป็นไปไม่ได้” พ่อเลี้ยงศรกระหยิ่มยิ้มย่อง เดินนำเฉิดเฉลาเข้าบ้าน ยศพงษ์สะพายกล้องตามหลังไปอย่างเนียนๆ

ถึงเวลาสวมแหวนหมั้น ชาตรีปลอมตัวปกปิดหน้าตาเข้ามาพร้อมปืนในมือชิงตัวลำหับออกไป ทุกคนตกใจมาก ภัทรารีบโทร.บอกบริพัตร ส่วนพ่อเลี้ยงศรหัวเสียดุด่าลูกน้องของตนเป็นการใหญ่

ขณะนั่งรถไปด้วยกัน ชาตรีถามลำหับว่าเชื่อในปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นหรือยัง เธอพยักหน้ายอมรับแต่บ่นไม่สบายใจว่าครอบครัวบริพัตรต้องล้มละลายเพราะตนอกตัญญู

“อะไรนะ ล้มละลาย เธอเอาอะไรที่ไหนมาพูด บ้าแล้ว”

“ก็...”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว ที่เธอตกลงทุกอย่างนี่ทั้งที่ฝืนใจก็เพราะต้องการช่วยพวกเขาไม่ให้ล้มละลาย เด็กโง่ เธอโดนยัยแม่มดเฉิดเฉลาหลอกเอาน่ะสิ”

“โดนหลอก ทำไมคะ ทำไมเขาต้องหลอกหนูเพื่อให้หนูแต่งงานกับลุงของเขาด้วยเงินทองมากมายขนาดนั้น”

“ลุง? โอ๊ย! อยากหัวร่อให้ฟันหักทั้งปาก”

“หัวเราะทำไมคะ”

“ลุงนอกไส้น่ะสิ หรืออีกนัยหนึ่งสามีลับสิไม่ว่า ...รู้เอาไว้ด้วยว่าบ้านคุณบริพัตรของเธอน่ะครอบครองที่ดินจากมรดกตกทอดมากมาย มีแต่คนอยากมาขอซื้อไปทำโรงแรม ทำรีสอร์ต แต่สองแม่ลูกนี่เขาพอเพียงสมถะ”

ชาตรีหัวเราะขบขัน ลำหับนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เข้าใจว่าเฉิดเฉลาหลอกตนเพื่ออะไร

ooooooo

พ่อเลี้ยงศรโมโหมากทั้งเรื่องลำหับถูกจับตัวไปและเรื่องไม่ชอบมาพากลระหว่างเฉิดเฉลากับยศพงษ์ เพราะเมื่อตอนเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้ามาในงานหมั้น เฉิดเฉลาหวาดกลัวแทนที่จะวิ่งมาหาเขากลับโผไปซบกอดยศพงษ์ด้วยความเป็นห่วง

กลับถึงบ้าน พ่อเลี้ยงศรอาละวาดลากถูเฉิดเฉลาอย่างสุดแค้น ตวาดด่าอย่างรุนแรง

“นังแพศยา สงสัยมานานแล้ว ว่าทำไมไอ้ยศพงษ์มันดูแปลกๆ หน็อย...คบชู้ หรือว่าลูกที่บอกว่าของกูที่แท้ลูกมัน”

“ไม่จริงนะคะ ไม่จริงเด็ดขาด”

“ไม่จริง แล้วตอนอับจนคับขันดันห่วงมันมากกว่าผัว”

“เฉิดตกใจนี่คะ เฉิดก็เลยทำอะไรผิดๆถูกๆ ยกโทษให้เฉิดนะคะ จะให้เฉิดทำอะไรเพื่อไถ่โทษในความโง่เขลาของเฉิดก็ได้ทั้งนั้นค่ะ”

“ฆ่ามันซะ”

เธอแอบสะดุ้งแล้วรวบรวมสติตอบรับ “ค่ะ เฉิดจะไปฆ่าเขา แต่เราไปด้วยกันนะคะ นายศรจะได้เห็นกับตาว่าเฉิดฆ่าเขาจริงๆ”

“นัดมันไปพบที่ไหนที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน แล้วจัดการมันซะ”

“ค่ะ ส่วนเรื่องลำหับ เฉิดจะตามตัวกลับมาสังเวยนายศรให้เร็วที่สุด”

“มันเป็นใคร ทำไมกล้าฉายเดี่ยวมาเหยียบจมูกฉัน” พ่อเลี้ยงศรคำรามเคียดแค้น เฉิดเฉลามองเขาด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย...

เวลาเดียวกันนั้น ชาตรีพาลำหับไปยังโขดหินกลางป่า บอกให้เธอรอบริพัตรอยู่ที่นี่ หญิงสาวนิ่วหน้าไม่เข้าใจและทำท่าจะซักไซ้ แต่อีกฝ่ายเสียงดังสวนมาก่อน

“อย่าถามซ้ำ หรือว่าฟังภาษาไทยไม่เข้าใจ ไปรอคุณบริพัตรที่นั่น สีซอลีลานางพญาโศกสามโลกของเธอเข้าไป เขาจะมาตามเสียงซอมาซบอกเธอเอง”

“แต่หนูไม่มีซอ”

“แล้วนั่นอะไร ปีนขึ้นไปดูสิ”

ลำหับทำตามแล้วก็พบซอสามสายวางบน

โขดหินจริงๆ เธอหยิบซอมาลูบคลำอย่างหวงแหนเพราะมันคือตัวแทนของแม่ที่ให้มา แต่อดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาได้ยังไง

“ก็เหมือนกับเธอนี่แหละ มาที่นี่ได้ยังไง นั่งรอไปเถอะ ฉันต้องไปแล้ว”

“เดี๋ยวจะมีตำรวจมารับหนูหรือคะ”

“นายศรมั้ง เธออยากให้ใครมารับเธอมากที่สุดล่ะ มีอะไรในใจก็เปิดอกพูดกันให้หมดเปลือก”

“เดี๋ยวค่ะ”

“อย่าอ้อน พิรี้พิไรน่ารำคาญรู้ไหม จะเอาอะไรอีก หรืออยากให้ฉันเป็นบุคคลที่สามระหว่างเธอกับเขา”

ลำหับหน้าจ๋อย กล่าวขอบคุณและรับปากจะไม่บอกใครว่าพบเขา

ooooooo

บริพัตรได้รับข้อความลึกลับให้ไปรับลำหับที่เก่าที่เคยพบกันครั้งแรก เขาปรึกษาภัทราว่าจะเชื่อได้หรือไม่ ภัทราบอกลูกชายว่าเราไม่มีทางเลือกและไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าเป็นจริงอย่างข้อความเราก็ได้ลำหับคืนมา

ฟังคำแม่แล้ว บริพัตรรีบเดินทางไปทันที เขาเจอลำหับจริงๆ สองคนพูดคุยปรับความเข้าใจและสารภาพรักกันและกัน ท่ามกลางสายตาของชาตรีที่แอบมองอยู่เงียบๆ

ด้านเฉิดเฉลาที่โดนพ่อเลี้ยงจับได้ว่าเล่นชู้ กับยศพงษ์ เธอรับปากแข็งขันฆ่ายศพงษ์ แต่ความจริง เธอกับเขารวมหัวกันหลอกพ่อเลี้ยงศรไปฆ่าทิ้งในป่าหลังบ้าน โดยทำให้เหมือนว่ามีการหักหลังค้ายาเสพติดแล้วฆ่ากันตาย

แต่ก่อนที่พ่อเลี้ยงศรจะโดนเฉิดเฉลายิงตายในระยะเผาขน เธอเผยความจริงว่ารอวันนี้มานาน วันที่เธอได้แก้แค้นให้แม่ที่โดนเขายิงตายอย่างโหดเหี้ยมเลือดเย็น ขณะที่ยศพงษ์ก็เย้ยหยันอย่างสะใจว่า

“กูกับเฉิดเป็นผัวเมียกันมาก่อนหน้าที่เฉิดจะโดนมึงปล้ำขืนใจ มึงนั่นแหละเป็นชู้กับเมียกู ไอ้โง่”

“เด็กนั่นก็ไม่ใช่ลูกมึง มึงสอนกูให้บอกใครว่าขอมาเลี้ยง กูก็สนองให้มึงแล้ว เด็กนั่นมันก็จะได้สมบัติมึงทั้งหมด แปลว่ากูนี่แหละได้”

“รวมถึงกูด้วย” ยศพงษ์หัวเราะแล้วดึงเฉิด-เฉลามากอดจูบต่อหน้าพ่อเลี้ยงศรที่โดนยิงนอน

ตาโพลงพูดไม่ออก ร่างเกร็งกระตุกหลายครั้งก่อนแน่นิ่งหมดลมหายใจ

เช้าวันถัดมา เฉิดเฉลาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินทางมาที่บ้านบริพัตร ภัทราเข้าใจว่าเธอจะมาถามข่าวลำหับ แต่กลายเป็นว่าเธอมาถามหาพ่อเลี้ยงศร

“เขาไม่ได้มาที่นี่หรอกค่ะ”

“คือเมื่อเช้าตื่นมาไม่มีใครเห็นคุณลุงที่บ้าน หาทั้งบ้านไม่พบ เข้าใจว่ามาที่นี่มาถามข่าวของลำหับ”

“ทางนี้ก็กำลังจะให้คนส่งของหมั้นทั้งหมดคืนค่ะ”

“คืนของหมั้น เฉิดงงไปหมดแล้วค่ะ ส่งคืนทำไมคะ”

บริพัตรจูงมือลำหับออกมาพอดี เฉิดเฉลาตะลึง แปลกใจว่าลำหับกลับมาได้ยังไง

“ลำหับขอยกเลิกการหมั้นกับคุณลุงของเฉิด” คำตอบของบริพัตรทำให้เฉิดเฉลาไม่พอใจ ซักถามลำหับกลับมาได้ยังไง บริพัตรตอบเลี่ยงว่า “ช่างเถอะครับ เป็นอันว่าลำหับกลับมาอย่างปลอดภัย และไม่ต้องการหมั้นแล้ว”

“ทำไมคะ”

“ลำหับกำลังจะแต่งงานกับผมโดยเร็วที่สุด เฉิดมาก็ดีแล้ว ฝากของหมั้นทั้งหมดไปคืนคุณลุงด้วย ฝากขอโทษและขอบคุณที่ให้เกียรติลำหับ”

เฉิดเฉลาหน้าตึง ปรายตามองลำหับด้วยความไม่พอใจและชิงชัง กลับไปวางแผนกับยศพงษ์เพื่อไม่ให้มีการแต่งงานระหว่างลำหับกับบริพัตร
เพียงวันรุ่งขึ้น เฉิดเฉลาก็กลับมาคุยกับภัทรา

อีกครั้งที่บ้าน ทำตาแดงๆจะร้องไห้ว่ามาปรับทุกข์เรื่องคุณลุงที่หายไป ก่อนจะเข้าประเด็นงัดไม้ตายเรื่องความหลังของลำหับว่ามีพ่อเป็นคนขายชาติ แต่ภัทราไม่สนใจสิ่งนี้ เฉิดเฉลาเจ็บใจ ดิ้นอีกเฮือกไปข่มขู่กล่าวหาลำหับ

“ไอ้คนที่มาฉุดคร่าเธอนั่นแหละเป็นคนจับตัวคุณลุงฉันไป จนป่านนี้ยังหาตัวไม่พบ เธอรู้กันกับมันใช่ไหม”

“หนูกับเขาไม่รู้จักกัน”

“แล้วมันบ้าหรือยังไง มาฉุดคู่หมั้นชาวบ้านไปแล้วปล่อยคืนมา หรือว่ามันฉุดคร่าเธอไปข่มขืนแล้วปล่อยมา แต่เธอไม่กล้าบอกใครใช่ไหม”

“คุณกำลังคุกคามขู่เข็ญหนูและดูถูกหนูนะคะ”

“แล้วทีพ่อแกปล่อยให้คนในชาติตายเพราะตัวมันช่วยคนเลวขายชาติมันไม่ยิ่งกว่าหรือ มันน่าดูถูกจะตายไป”

“คุณเฉิดเฉลา!” ลำหับตะลึง ไม่คิดว่าจะมีคนรู้ เรื่องนี้

“คิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้รึไง หน้าไม่อาย พ่อแกขายชาติแล้วแกก็มาลอยหน้าอยู่ในบ้านคนรักชาติ แกคิดอะไรของแก จะแต่งงานกับเขาเพื่อหลอกล่อให้เขาไปเป็นสมุนพ่อแก ช่วยพ่อแกขายทำลายชาติใช่ไหม”

“ไม่จริง! หนูไม่ได้คิดอย่างนั้น”

“ถ้าไม่ได้คิดอย่างนั้น แกลองคิดใหม่ คุณบริพัตรกำลังจะลงสมัครผู้แทน แต่ถ้าใครรู้ว่าผู้แทนของเขามีเมียเป็นลูกคนขายชาติ ใครจะเลือกเขา ถ้าแกรักเขาจริงต้องเสีย สละ ไปจากเขาซะ ไปให้พ้น หลีกทางให้อนาคตที่งดงามของเขาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ใช่อุปสรรคขวากหนามอย่างตัวแก”

“ครั้งก่อนคุณหลอกหนูว่าที่นี่มีปัญหาเรื่องเงิน”

“อย่ามาย้อน เรื่องครั้งก่อนมันผ่านไปแล้ว แต่ครั้งนี้มันจริงแท้แน่นอน พ่อแกคือคนขายชาติ แกปฎิเสธไม่ได้หรอก” เฉิดเฉลาทิ้งไม้ตายแล้วจากไป ทิ้งให้ลำหับน้ำตาไหลพรากสะเทือนใจอย่างที่สุด

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น