วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 4


คิมหันต์ยังนั่งมองเหม่อไปนอกหน้าต่างเรือนหอหลังนั้น รำพึงกับตัวเอง...

“ความแค้น เป็นอารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล เหนือการควบคุม และไม่มีขีดจำกัด หลายคนเชื่อว่าความแค้นดับลงได้ด้วยความรัก...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป หลายครั้งที่ความรักเป็นฝ่ายดับมอดไปเพราะไฟแค้น...ขึ้นอยู่กับว่า เรายอมจำนนต่อความรู้สึกฝั่งไหนมากกว่ากัน”

คิมหันต์รำพึงเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์กับพักตราที่เลิกกันไปสี่ปีและกำลังกลับมาเริ่มต้นใหม่ว่า...

“บางครั้ง...ความเคียดแค้นกลับเป็นต้นกำเนิดของความรัก ความสมหวังอย่างคาดไม่ถึง...แต่ทุกครั้งที่ความแค้นถูกระบาย มันมักจะส่งผลเป็นความเสียใจ ที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีกเลย...”

คิมหันต์คิดถึงคำถามของชุมสายที่ว่า “แกรู้ตัวรึเปล่าว่าแกทำอะไรลงไป ไอ้คิม”

“ฉันไม่เคยทำอะไรโดยไม่รู้ตัว” เป็นคำตอบที่มั่นใจตัวเองอย่างที่สุด!

ooooooo

มุกรินนั่งแท็กซี่ไปถึงซอยเปลี่ยว ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ของธาดาตามที่ชุมสายบอก แต่มองหาป้ายซอยแยกไม่เจอ เห็นขี้เมาสามคนนั่งอยู่ที่เพิงริมถนนของมอเตอร์ไซค์วินจึงเข้าไปถาม ถูกพวกมันพูดลวนลามเธอจึงเดินหนีไป

เมื่อเห็นป้ายบอกซอยที่ถูกกิ่งไม้บัง มุกรินเดินเข้าไปหาจนเจอบ้านเลขที่ที่ต้องการ ร้องเรียกพี่ใหญ่ก็ไม่มีเสียงตอบจึงเปิดประตูเข้าไป เธอผงะเมื่อเจอธาดานอนอยู่กับดวงดาว

มุกรินผิดหวังพี่ชายอย่างที่สุด ความเคลือบแคลงไม่เชื่อมั่นกระหน่ำซ้ำความรู้สึกของเธอ มุกรินต่อว่าธาดาอย่างรุนแรงว่า

“พี่ใหญ่มีชู้...มีเมียน้อย...อย่างนี้ไง พี่มลถึงได้ทะเลาะกับพี่ใหญ่เพราะเรื่องนี้ พี่ใหญ่เลว...ทำอย่างนี้ได้ยังไง!” ธาดาพยายามที่จะชี้แจง แต่ความไม่พอใจของมุกรินพลุ่งพล่านบอกว่าอย่างนี้นี่เองพี่ใหญ่ถึง

ไม่ยอมอยู่บ้าน “พี่ใหญ่โกหกมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้คิมเขาทำถูกแล้ว ที่เขาเกลียดพี่ใหญ่มาก เพราะพี่ใหญ่เป็นคนอย่างนี้นี่เอง มุกไม่เชื่อพี่ใหญ่อีกต่อไปแล้ว...พี่ใหญ่อาจจะฆ่าพี่มลจริงๆ แล้วมาโกหกมุกด้วยก็ได้”

ธาดาตบหน้ามุกรินอย่างแรง น้ำตาแห่งความผิดหวังของมุกรินทะลักออกมา ประกาศว่า

“มุกเกลียดผู้ชายแบบนี้... ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกแล้ว” มุกรินวิ่งออกไปจากบ้าน วิ่งเตลิดไปอย่างไม่รู้ทิศทาง โชคร้ายไปเจอขี้เมาสามคนเข้าอีก พวกมันจะรุมข่มขืน โชคดีที่คิมหันต์ออกตามหาเธอเจอเข้า เขาต่อสู้และเอาปืนในรถขู่ จนมันพากันหนีไป เขาจึงอุ้มเธอขึ้นรถพาไปพักที่โรงแรมม่านรูด
ประคองมุกรินไปที่เตียงแล้ว คิมหันต์โทร.บอกชุมสายว่าเจอมุกรินแล้วและให้เขาโทร.บอกธาดาให้มาหาน้องสาวเขาด้วย เดี๋ยวจะส่งชื่อและพิกัดไปให้
ไม่นานธาดาและดวงดาวก็มาถึง ดวงดาวขอนั่งรอในรถ ให้ธาดาเข้าไปหามุกรินที่ห้องคนเดียว

เมื่อเจอมุกรินในห้อง แทนที่ธาดาจะเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับโมโหมุกรินหาว่าเข้าโรงแรมกับคิมหันต์ ถามว่าเสียอะไรไปบ้างแล้ว มุกรินไม่ตอบแต่ย้อนถามพี่ชายที่มั่วกับดวงดาว เธอบอกว่าเมื่อก่อนตนเคยเชื่อเขา แต่เดี๋ยวนี้ไม่เชื่อแล้ว เขาเลวอย่างที่วิมลรัตน์กล่าวหาจริงๆ

ธาดาจะไปส่งมุกริน ขณะขับรถออกมา ดวงดาวเห็นคิมหันต์ที่จอดรถดูอยู่ เธอยกมือถือถ่ายรูปเขาไว้

ooooooo

ไปถึงบ้านมุกริน ธาดาเห็นลังกองอยู่ถามว่าเก็บของทำไม จะย้ายไปไหน มุกรินบอกว่าตนจะย้ายแล้วเพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา ธาดาชวนมุกรินไปอยู่บ้านตน แต่เธอปฏิเสธ

ธาดาย้ำว่าถ้าคิมหันต์มาอย่าให้เข้าบ้านนะ พอมุกรินบอกว่าเขาไม่มาหรอก เพราะเขาต้องไปอยู่กับคู่หมั้น

ธาดาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟด่าคิมหันต์อย่างหยาบคายว่าทิ้งมุกรินไปไม่ทันไรก็มีคู่หมั้นใหม่แล้ว

“พี่ใหญ่อย่าว่าคนอื่น ตัวพี่ใหญ่เองก็ทำไม่ต่างจากคนอื่น” ธาดาฟังแล้วอึ้ง ตัดบทกำชับก่อนกลับไปว่า

“มุกนอนพักให้สบายก่อนเถอะ แต่อย่าเพิ่งไปไหนเป็นอันขาด พี่จะหาทางออกเรื่องนี้ให้เอง...เชื่อพี่นะ”

มุกรินตัดบทว่าเลิกบอกให้ตนเชื่อเสียทีเถิด มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ธาดาขอโทษที่ตบหน้าเธอแล้วชวนดวงดาวกลับ ดวงดาวขยับเข้าไปพูดกับมุกรินว่า

“ฉันรู้ว่าคุณรังเกียจฉัน เพราะถ้าฉันเป็นคุณ ฉันก็คงจะทำไม่ต่างจากคุณนี่แหละ แต่ขอบอกให้รู้ว่า ฉันไม่ได้เข้ามาเพื่อปอกลอกอะไรพี่ชายคุณ มันแค่จังหวะชีวิตช่วงหนึ่งที่บังเอิญคลิกกันพอดี...แต่ไม่มีอะไรยืนยันว่ามันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน...ก็เท่านั้น...คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ”

“เธอจะพูดยังไงก็ได้ เพราะเธอเป็นฝ่ายได้”

“ก็แล้วแต่จะคิด ขอก้าวก่ายอีกนิดนะ ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออยากแยกไปอยู่คนเดียวใช่ไหม ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน” แล้วดวงดาวก็แนะนำหอพักที่ถูกและปลอดภัยบริการดีให้ บอกว่าตนชื่อดวงดาวแล้วแยกไป

พอดวงดาวแยกไป มือถือมุกรินก็ดังขึ้น เธอดูหน้าจอแล้วตัดสินใจกดปุ่มรับ เสียงคิมหันต์พูดมาทันทีว่า

“ผมเดาว่าคุณคงถึงบ้านแล้ว นอนหลับให้สบายนะพรุ่งนี้อาจมีโนติสไปถึงคุณเพื่อให้ย้ายออกจากบ้านนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติตามกฎหมาย คุณไม่ต้องตกใจ ผมยืดเวลาให้คุณอ้อยอิ่งได้อีกสักวันสองวันก็แล้วกัน”

มุกรินขว้างมือถือลงพื้นทันที!

ooooooo

วันนี้พักตราไปที่บริษัท Fast Track แต่เช้าจนพนักงานพากันแปลกใจ เธอสั่งพนักงานให้ไปตามเจ้านายพวกเธอและฝ่ายโปรดักชั่นทุกคนไปที่ห้องประชุม ตนมีงานให้ทำ ย้ำกับพนักงานว่า ให้บอกมุกรินด้วย

พนักงานบอกว่าวันนี้มุกรินลา พักตราบ่นน่าเสียดายจัง แล้วเดินไปที่ห้องประชุม

เมื่อมากันครบแล้ว ปรารภยืนที่หัวโต๊ะถามว่า “คุณพักตร์มีงานอะไรไม่ทราบครับ”

“งานหมั้น...ฉันต้องการให้งานออกมาหรู ดูดี มีรสนิยม และแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เพราะแขกในงานล้วนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาในแวดวงธุรกิจและนายทหาร” พนักงานถามว่างบประมาณเท่าไร “ไม่อั้น แต่ฉันขอให้มุกรินเป็นครีเอทีฟงานนี้นะ เพราะเธอรู้จักว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้เป็นอย่างดี”

“ตกลงว่าเป็นงานหมั้นของใครครับ...คุณพักตรายังไม่ได้ให้ชื่อเราเลย” ปรารภถาม

“คิมหันต์ สุริยะศักดิ์ กับ พักตรา เลิศปัญญาวุฒิ มีใครไม่รู้จักคู่รักคู่นี้บ้าง” พักตรามองกวาดไปรอบที่ประชุม ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ปรารภถามว่าเมื่อไหร่ พักตราบอกว่า “ต้นเดือนหน้า”

พนักงานคนหนึ่งพึมพำว่าอีกสามอาทิตย์ พักตรามองขวับ “ถูกต้อง อย่าบอกว่าทำไม่ทันนะ เพราะไม่งั้น มันจะไม่สมชื่อ Fast Track” เมื่อปรารภรับคำ พักตราย้ำ “ฝากบอกมุกรินด้วยว่า ถ้าอยากรู้ประวัติชีวิตรักเพิ่มเติมให้ติดต่อที่ฉันโดยตรง และหวังว่าเธอจะทำงานนี้อย่างสุดฝีมือนะ”

“ผมหวังเช่นนั้นครับ”

ooooooo

ปรารภออกมาถามสีดาว่ามุกรินไปไหน ทำไมตนติดต่อไม่ได้เลย สีดาบอกว่าตนไม่ทราบ เธอบอกว่าขอลาไปทำธุระสักสองวัน ปรารภบ่นอุบอิบว่าธุระอะไรถึงต้องปิดมือถือ

ปรารภไปที่บ้านมุกรินเจอป้าย “ขายบ้านด่วน ติดต่อคุณชุมสาย” ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์ ปรารภ โทร.หาธาดา ถามว่าเขาประกาศขายบ้านหรือ ธาดาตกใจ ถาม “คุณว่าไงนะ?!”

“ผมติดต่อน้องสาวคุณไม่ได้ ก็เลยแวะมาดูที่บ้านคุณ แต่ไม่มีใครอยู่ ประตูรั้วใส่กุญแจล็อก แล้วก็ติดป้ายขาย...มุกรินอยู่กับคุณหรือเปล่า” ธาดาบอกว่า ไม่อยู่ “คุณมีทางติดต่อเธอได้ไหม ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ”

ธาดาขอบคุณประชด ปรารภเหน็บกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ผมแค่ทำหน้าที่แทนพี่ชายเธอ”

ธาดาถามว่าแน่ใจหรือว่าจะทำหน้าที่แค่พี่ชาย พอปรารภบอกว่าถ้ามุกรินไม่รังเกียจพ่อหม้ายลูกติด ตนก็พร้อมจะเป็นมากกว่านั้น

“ระวังลูกชายคุณจะมีปัญหานะครับ คุณปรารภ” ธาดาประชดแล้วตัดสายเลย ดวงดาวถามว่ามุกรินหาย ใช่ไหม

“อืม...รู้ได้ไง” ดวงดาวบอกว่าเดาเอา “งั้นเดาซิว่ายายมุกหายไปไหน”

“อาเดาเองเถอะ...หนูกลัวจะเดาถูก” ดวงดาวยียวนเพราะตนเป็นคนแนะนำหอพักให้มุกรินเอง

ooooooo

พักตรามีความสุขมาก ควงคิมหันต์ไปทาน อาหารในร้านหรู เอ่ยถามด้วยลีลาเซ็กซี่ยั่วยวนว่า จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหม คิมหันต์บอกว่าจำได้แต่มันนานมากแล้ว

“ห้าปีกว่าค่ะ...วันนั้นร้าน Molly ของเจ๊มลยังเล็กๆอยู่เลย พักตร์เข้าไปซื้อของ แล้วคิมแอบถ่ายรูปพักตร์” เขาถามอย่างไม่ใส่ใจนักว่าใช่หรือ? “ใช่สิ...แต่คิมอายพักตร์... ก็เลยแกล้งบอกว่าลองกล้องอยู่ ถามจริงๆ ตอนนั้นคิมแอบสนใจพักตร์บ้างไหม”

“ก็พักตร์เป็นลูกค้าที่สวยที่สุดในร้านนี้”

“ถ้าวันนั้น พักตร์ไม่เล่นตัวนัก เราคงจะลงเอยกันไปแล้วล่ะไม่ปล่อยให้ยายมุกมาตัดหน้าไปอย่างนี้หรอก” คิมหันต์นิ่ง “วันที่พักตร์แนะนำยายมุกให้รู้จักคิมน่ะ พักตร์แค่อยากจะลองใจคิมเล่นๆเท่านั้นเอง ไม่น่าเลย...”

คิมหันต์ตัดบทว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลย เธอเลยชวนคุยเรื่องงานหมั้น บอกว่าวันนี้ตนไปที่บริษัท คุณพ่อบอกให้ Fast Track จัดงานให้เราทั้งหมด คุณพ่อจะออกค่าใช้จ่ายให้เอง ถามเขาว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษในงานของเราไหม

“เอาแบบที่พักตร์ชอบก็แล้วกัน...ผมยังไงก็ได้”

“ตามใจพักตร์มากๆอย่างนี้ เดี๋ยวพักตร์เคยตัว นะคิม...”

พอดีมือถือคิมหันต์ดังขึ้น เขาขอตัวไปรับสาย เป็นสายจากชุมสายถามว่ารู้ไหมว่าใครๆตามหาตัวมุกรินกันวุ่นไปหมด คิมหันต์ตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจสำหรับฉัน”
ชุมสายบอกว่าใครๆก็คิดว่าเขาเป็นต้นเหตุ เพราะทั้งเจ้านายและพี่ชายมุกรินต่างโทร.หาตนทั้งนั้น

“งั้นเหรอ...”

“แกระวังตัวให้ดีแล้วกัน ฉันว่าพวกเขาคงจะบุกไปหาแกเร็วๆนี้แหละ”

“ขอบใจที่โทร.มาเตือน แต่พวกมันไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก” คิมหันต์ตอบอย่างไม่แยแส

ooooooo

ที่หน้าบ้านวิมลรัตน์...รถของธาดาและปรารภจอดขวางประตู ทั้งสองยืนกอดอกพิงรถตัวเองอยู่ คิมหันต์ขับรถมากับพักตรา เขาจอดรถห่างออกไป พักตราบอกว่าตนโทร.แจ้งตำรวจนะ

คิมหันต์ไม่ตอบ เขาก้าวลงจากรถตรงไปหาธาดา ถูกธาดาพุ่งเข้าหาตวาดถามทันที “แกเอาน้องสาวฉันไปไว้ไหน!”

“น้องสาวคุณไม่มีค่าพอที่ผมจะเอาตัวมากักเก็บไว้” ธาดากระชากคอเสื้อเข้าไปตวาดว่าไม่จริง เพราะวันก่อนเขายังพามุกรินเข้าโรงแรมอยู่เลย คิมหันต์ตอบนิ่งๆว่า “เพราะผมไม่อยากปล่อยให้เธอโดนขี้เมาข่มขืนกลางซอยต่างหาก”

ธาดานิ่งไปแต่มือยังขยุ้มคอเสื้อคิมหันต์แน่น คิมหันต์ถามเย้ยว่า

“จะต้องให้บอกไหมว่าซอยไหน...เธอวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านใคร เพราะไปเห็นอะไรในบ้านนั้น...ถ้ายังไม่ปล่อยมือจากคอเสื้อฉัน แกจะเจ็บหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานะ”

“เจ็บมันก็ต้องเจ็บด้วยกันล่ะวะ” ธาดาท้า ปรารภตัดสินใจเข้าไปดึงธาดาออกมาบอกให้พอเถอะ ธาดาหันไปด่าอีก

“แกมันเลวนัก ไอ้คิม” คิมหันต์สวนทันควันว่า ไม่ถึงครึ่งของแกหรอก ก็พอดีพักตรามาบอกว่าตำรวจกำลังมา ตนเพิ่งพูดกับสารวัตรเมื่อกี๊นี้เอง

ธาดาบอกว่าตำรวจมาก็ดีตนจะได้แจ้งข้อหาลักพาตัว ถูกพักตราถามว่าคิมจะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อเขาทิ้งมุกรินแล้วและกำลังจะหมั้นกับตน ปรารภเร่งธาดาให้กลับดีกว่า ปรารภถูกพักตราปรามว่าการงานไม่ทำ ออกมาเพ่นพ่านบ้านคนอื่น เดี๋ยวจะฟ้องพ่อ

“ไอ้คิม ถ้ามุกรินเป็นอะไรไป ฉันเอาเรื่องแกแน่ๆ เพราะที่มุกต้องซวยอย่างทุกวันนี้เพราะแกคนเดียวเท่านั้นจำไว้!” ธาดาชี้หน้าคิมหันต์ แล้วหันไปทางพักตรา “แล้วคุณจะรู้ว่านรกมีจริงที่มาหลงรักไอ้ผู้ชายอย่างไอ้คิม!”

คิมหันต์พุ่งเข้าชกธาดาล้มกลิ้ง ปรารภรีบพาธาดาไปขึ้นรถ ส่วนพักตราก็ควงแขนคิมหันต์ชวนไปกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเราแล้ว

ooooooo

ดวงดาวอยู่ที่บ้านเช่า เธอโทรศัพท์ไปหาแม่บ้านที่หอพักศรีสุขที่ตัวเองเคยพักและแนะนำมุกรินไปเมื่อวันก่อน ทักทายกับแม่บ้านอย่างคุ้น ถามจนรู้ว่ามุกรินมาพักอยู่ที่นี่แล้ว

คืนนี้ธาดากลับบ้านในสภาพบอบช้ำมีคราบเลือดที่ริมฝีปาก ดวงดาวถามว่าไปมีเรื่องมาอีกแล้วหรือ ธาดาบอกว่าถูกหมากัดปากมา พรุ่งนี้จะไปแจ้งความคนหายให้ตำรวจช่วยตามหามุกรินให้ด้วย ดวงดาวบอกว่า

“อาแจ้งเรื่องนี้ด้วยสิ มีคนเอากระดาษมาติดหน้าบ้านเราว่า ขอให้นายธาดา คุรุรัตน์ นำทรัพย์สินทั้งหมดตามรายการต่อไปนี้มาคืนโดยด่วน...” ดวงดาวอ่านรายการทั้งนาฬิกากี่เรือน แหวนกี่วง สร้อยคอทองคำหนักเท่าไรกี่เส้น ลงท้ายขู่ว่า

“หากท่านบ่ายเบี่ยงไม่ทำตามพินัยกรรม เราจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นรุนแรงที่สุด”

ธาดาโกรธจัดด่าคิมหันต์อย่างเจ็บใจ!

เพราะสืบรู้มาแล้วว่ามุกรินมาอยู่ที่หอพักศรีสุข รุ่งขึ้นดวงดาวมาหาเธอที่ห้อง มุกรินถามว่าพี่ใหญ่ให้มาตามหรือ?

“เปล่า...ฉันไม่ได้บอกใครว่าเธออยู่ที่นี่” พอเข้าห้องก็ถามว่าไม่ไปทำงานหรือ มุกรินบอกว่าตนลาหยุด “ไม่ยอมรับโทรศัพท์ใครๆด้วยอย่างนี้ลาออกเลยไม่ดีกว่าเหรอ”

มุกรินบอกว่าตนยังต้องการเงินเดือน ดวงดาวเปลี่ยนเรื่องถามว่าเธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม มุกรินถามว่าจะบอกว่าเธอกับพี่ใหญ่คือพรหมลิขิตหรือ ดวงดาวบอกว่าเรียกว่าอุบัติเหตุจะดีกว่าไหม

“มันคือ กิเลส ตัณหา ราคะมากกว่า” มุกรินชี้ ดวงดาวเสริมว่าซึ่งทุกคนมีเหมือนกันหมด “ไม่เหมือน...คนที่รู้ ผิดชอบชั่วดี ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ใช่ผิดลูกผิดผัวคนอื่น”

ดวงดาวไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำพูดของมุกริน แต่กลับถามว่าอยากรู้ไหมว่าตนมีอะไรกับพี่ชายเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ มุกรินนิ่งอย่างไม่สนใจ แต่ดวงดาวอยากเล่า เธอเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งแรกและครั้งต่อๆมากับธาดา บอกว่าที่จริงพี่ชายเธอไม่ได้มีดีอะไรเลยแต่มันเป็นความบังเอิญมากกว่า...

“บังเอิญว่าเขากับฉัน เติมสิ่งที่ขาดของกันและกันได้พอดี...ฉันขาดผู้ปกครอง เขาขาดความอบอุ่น ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามีปัญหากับเมียเรื่องอะไร และฉันก็ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องนั้นของเขา เราสัญญากันว่า ถ้าใครล้ำเส้นเมื่อไหร่ เลิกกัน หรือถ้าใครมีความรักเมื่อไหร่ ก็เลิกเช่นกัน”

“นี่เธอไม่ได้รักพี่ใหญ่เลยเหรอ”

ดวงดาวบอกว่ามันเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน ไม่มีอะไรผูกมัดมากกว่านั้น บอกมุกรินว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ตนไม่สนใจ แต่ตนอยากเล่าเพราะถูกชะตากับเธอ แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่า

“ผู้ชายคนนั้นแฟนเก่าเธอน่ะ เขายังรักเธออยู่นะ” มุกรินถามว่ารู้ได้ไง ดวงดาวบอกว่าเห็นแววตาเขา และเธอเองก็ยังรักเขาอยู่เหมือนกัน มุกรินสวนทันทีว่าตนเกลียดเขา “อย่าเถียงใจตัวเอง เดี๋ยวมันจะสายไป รีบตักตวงความสุขตั้งแต่ตอนที่มีโอกาสดีกว่า” เห็นมุกรินส่ายหน้า ดวงดาวถามว่า “มีเบอร์เขาไหมล่ะ ฉันจะพิสูจน์ให้ดู”

มุกรินมองนิ่ง ดวงดาวตัดบทว่าตามใจ ทักว่าดู เหมือนเธอจะป่วย แล้วรวบรัดว่า

“คำถามสุดท้ายแล้วกัน...ระหว่างพี่ชายเธอกับนายคิมหันต์ เธออยากให้ใครโผล่มาเยี่ยมเธอที่นี่มากกว่ากัน?”

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะพักตราพาคิมหันต์ไปดูห้องสูทสำหรับมาอยู่ด้วยกันระหว่างหมั้นเพราะตนไม่ไว้ใจให้เขาอยู่บ้านพี่มล อ้างว่าอาจมีคนมาทำร้ายเขาได้ง่าย และตนก็ไม่อยากให้เขาอยู่ไกลหูไกลตาด้วย

พักตรากอดเขาอ้อนว่า “เราแค่หมั้นกันก็จริง แต่อีกไม่นานเราก็ต้องแต่งงานกัน พักตร์ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมาอีก...โอเคนะคะ”

ระหว่างนั้นมือถือคิมหันต์มีข้อความเข้า เขาเปิดดูมีข้อความว่า มุกรินป่วยอยู่ที่ห้องไหน หอพักอะไร อยู่ที่ไหน ย้ำในตอนท้ายว่า “ข้อความนี้คงมีประโยชน์ หากคุณยังรักเธอเหมือนที่เคยรัก”

คิมหันต์อ่านแล้วนิ่งคิด...

เพียงบ่ายๆ ชุมสายก็ไปถึงหอพักตามที่อยู่ที่คิมหันต์ได้รับ เขาไปเคาะประตูเรียกอยู่นานก็เงียบ ชุมสายไปหาแม่บ้านอ้างว่าตนเป็นพี่ชายให้เอากุญแจสำรองไขเข้าไปดูเพราะเรียกนานแล้วแต่ในห้องยังเงียบ

เมื่อไขกุญแจเข้าไป ชุมสายตกใจเมื่อเห็นมุกรินนอนเกือบหมดสติอยู่บนเตียง เขารีบพาเธอส่งโรงพยาบาล ตกค่ำจึงโทร.บอกคิมหันต์ว่า

“คุณมุกอยู่ในความดูแลของหมอเรียบร้อยแล้วนะ ตอนนี้กำลังรอผลเอกซเรย์ปอดอยู่ ไข้ขึ้นสูง ทำให้เธอเกือบช็อกไป ตอนนั่งรถมาเธอแทบจะไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ”

คิมหันต์ให้เปิดห้องพิเศษให้เธอและให้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ด้วย ชุมสายถามว่าจะไม่มาเยี่ยมเธอหรือ คิมหันต์ตอบอย่างไม่แยแสว่าอยากไปเมื่อไหร่ก็จะไปเอง ชุมสายติงว่า “แต่มันควรจะมีคนเฝ้าเธอนะ”

“โทร.บอกแฟนใหม่เขาสิ” คิมหันต์เย้ยในที ชุมสายถามว่ามีแฟนใหม่แล้วหรือ ใครล่ะ “ปรารภ เจ้านายเขาไง”

คืนนี้เอง ปรารภก็มาที่ห้องพักคนไข้ที่โรงพยาบาล มุกรินถามว่าเขามาได้อย่างไร? ปรารภบอกว่าชุมสายโทร.บอก ถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง

“ไม่รู้สึกตัวค่ะมันวูบไปเฉยๆ มารู้สึกตัวอีกที

คุณชุมสายก็พาเข้ามาที่นี่แล้ว แล้วเขาก็หายไปเลย” ปรารภถามว่าหมอว่าเป็นอะไร พอเธอบอกว่าปอดบวม เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เดี๋ยวนี้หมอเก่ง ไม่ต้องกังวล ถามว่าแล้วธาดารู้หรือยัง มุกรินตอบเนือยๆว่า “มุกไม่รู้ว่าคุณชุมสายโทร.บอกใครบ้าง”

“ก็คงเป็นนายคิมหันต์คนนึงละมั้ง... หรือไม่นายคิมหันต์เองนั่นแหละที่เป็นคนส่งชุมสายมาดูมุก” เขามองเธอนิ่งก่อนถามว่า “ทำไมมุกไม่รับโทรศัพท์ใครเลยล่ะ หนีอะไร หรือหนีใคร?”

“ถ้าหมอให้กลับได้เมื่อไหร่ มุกจะไปทำงานนะคะ” มุกรินไม่ตอบคำถามแต่เปลี่ยนเรื่อง ปรารภย้ำอีกครั้งว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรอย่าลืมว่ายังมีตนอยู่ข้างๆอีกคน ถูกมุกรินติงว่า “พี่รภก็ต้องไม่ลืมนะคะว่าพี่ยังมีลูกชายอีกสองคนที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่มุกคนเดียวนะคะ”

“แหม...ดักคอพี่ซะหน้าหงายเลยนะมุก” ปรารภแก้เกี้ยว แล้วพากันหัวเราะ บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น ปรารภเลยโมเมว่า “ไม่รู้ล่ะ คืนนี้พี่นอนเฝ้ามุกที่นี่ พี่ไม่กลับ” ว่าแล้วก็นอนที่โซฟาหน้าตาเฉย มุกรินมอง รับรู้ถึงความปรารถนาดีของเขา

ooooooo

พักตรามาหาคิมหันต์ที่บ้านแต่เช้า สั่งถวิลให้ไปบอกคิมหันต์ว่าตนมาแล้ว ถวิลขึ้นไปบอก ถามว่าเขาจะไปไหนหรือ

คิมหันต์บอกว่าไม่รู้แล้วแต่พักตรา ถวิลทำใจกล้าถามว่าเขาไม่สงสารมุกรินบ้างหรือ?

“ฉันสงสารพี่มลมากกว่า...น้าหวินและทุกๆคนในบ้านหลังนี้ก็ควรจะคิดถึงพี่มลให้มากๆด้วย” ถวิลติงว่ามุกรินไม่ได้ทำผิดอะไร “ต้องให้ฉันสอนเรื่องผิดถูกอีกกี่ครั้งน้าหวินถึงจะเข้าใจ!” คิมหันต์เสียงเข้มจนถวิลแทบจะร้องไห้ “น้าหวินคิดเสียว่ามันเป็นกรรมเก่าของมุกรินก็ได้นะ ถ้าจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น”

คิมหันต์ออกไปสำราญกับพักตรา ดวงดาวที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่บ้านเช่า ครู่หนึ่งเธอกดข้อความที่โทรศัพท์มือถือ

ขณะคิมหันต์กับพักตรากำลังสำราญอยู่ในร้านอาหารหรูนั่นเอง เขาได้รับข้อความว่า

“ผู้หญิงของคุณนอนป่วย ไม่ไปดูใจหน่อยเหรอ” คิมหันต์อ่านแล้วนิ่ง อึดใจเดียวก็ไปเริงร่ากับพักตราตามเดิม

เช้านี้ธาดาไปเยี่ยมมุกรินที่ห้องพักคนไข้ เขาต่อว่าน้องสาวว่าเป็นอะไรทำไมไม่โทร.บอก ทำเหมือนเราไม่ใช่พี่น้องกัน ถูกมุกรินสวนว่า

“ก็เหมือนที่พี่ใหญ่ทำกับมุกนั่นแหละ” ธาดาถามว่าต้องให้ตนขอโทษกี่ครั้งเธอถึงจะหายโกรธ “ไม่ทราบค่ะ”

“มุก...พี่เป็นคนธรรมดาคนนึง ที่อาจทำอะไรผิดไปบ้าง พลาดไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรพี่ก็เป็นพี่ของมุกนะ พี่เป็นคนเดียวที่ดูแลมุก พี่พามุกไปเรียนเมืองนอก พี่ส่งเสียมุกทุกอย่าง หลังจากที่พ่อแม่เราตาย พี่ไม่ได้พูดเพื่อหวังทวงบุญคุณ แต่ต้องการให้มุกรู้ว่า พี่คือผู้ชายคนเดียวที่ห่วงใยมุกมากที่สุด”

“แต่มุกไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่พี่ใหญ่ห่วงใย”

ธาดาบอกว่าดวงดาวเป็นเด็กดี เขาน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของเธอได้ พอดีดวงดาวโผล่หน้ามาบอกว่ามีคนมาเยี่ยมมุกรินจะให้เข้ามาไหม พอธาดาถามรูปร่างลักษณะ เขาเดาได้ว่าเป็นคิมหันต์! อารมณ์เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นทันที พอเห็นคิมหันต์ถือช่อดอกไม้มา ธาดาตะคอกถาม

“แกมาทำไม! แกไม่มีสิทธิ์มาเยี่ยมมุก แกกับมุกเลิกกันแล้ว”

“มันเป็นกฎหรือ? ทีคุณมีเมียแล้วยังแหกกฎมีเด็กได้เลย ทำไมผมจะแหกกฎบ้างไม่ได้”

ธาดาถามว่าอยากมีเรื่องกับตนหรือ คิมหันต์บอกว่าถ้าไม่ให้เยี่ยมตนก็จะยืนเฉยๆอยู่ตรงนี้ พอดีมือถือธาดาดังขึ้นเขารับสาย บอกปลายสายว่าอยู่โรงพยาบาลจะไปเดี๋ยวนี้เลย หันบอกมุกรินว่า

“พี่ต้องไปก่อน...มีนัดกับพรรคพวกที่จะลงทุนทำบริษัทนำเข้ารถ ดาวอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนมุกนะ เดี๋ยวอากลับมารับ” ก่อนออกไปยังกำชับดวงดาวว่าให้ปิดประตูแน่นๆ อย่าให้สิ่งชั่วร้ายผ่านไปในห้อง หันมองหน้าคิมหันต์ปรามว่า

“แล้วบอกทนายของแกด้วยว่า อย่าส่งโนติสบ้าๆ นั่นมาที่บ้านฉันอีก กะอีแค่นาฬิกากับแหวนอยากฟ้องก็ฟ้องเลย”

พอธาดาออกไป ดวงดาวถามคิมหันต์ว่าจะเข้ามาไหม เขาย้อนถามว่าอยากให้ตนเข้าไหมล่ะ

“ไม่งั้นฉันคงไม่ส่งข้อความไปบอกหรอก...เข้ามา อย่าลีลาเยอะ”

คิมหันต์เข้าไปยืนข้างเตียง ถามลอยๆว่าผลเอกซเรย์เป็นอย่างไร มุกรินบอกว่าปอดติดเชื้อ เขาถามเหน็บทันทีว่าเจ้านายมานอนเฝ้าทั้งคืนสินะ มุกรินไม่ตอบ ย้อนถามว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าตนอยู่ที่นี่

“เด็กของพี่ชายคุณเขาอยู่ข้างเดียวกับผม” ดวงดาวได้ยิน พูดแทรกขึ้นว่าตนแค่อยากเห็นคนรักกันได้รักกันเท่านั้นแล้วออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้ทั้งสองได้มีโอกาสพูดคุยกันตามลำพัง

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงนั่งเฝ้าคุณอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืน ไม่ไปไหนเลย...” คิมหันต์นั่งที่โซฟาข้างเตียงเอ่ยสบายๆ “ดีนะที่คุณเผยธาตุแท้มาเสียก่อน ผมจะได้ไม่ทำอะไรงี่เง่าแบบนั้นอีก”

“คุณกำลังบอกว่าทั้งหมดที่ผ่านมาระหว่างเรา เป็นเรื่องงี่เง่างั้นเหรอ” มุกรินพลิกตัวมาถามเสียงเข้ม คิมหันต์ไม่ตอบเขาหัวเราะพูดลอยๆว่าไม่น่าเชื่อเนาะ “ใช่...ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้เห็นธาตุแท้ของคุณเหมือนกัน ฉันเคยหลงคิดว่า คุณคือผู้ชายที่ดีที่สุด มันเป็นการหลงผิดที่งี่เง่าที่สุด!”

“ไม่ที่สุดหรอก เพราะการหลงผิดที่สุดของคุณก็คือ หลงเชื่อพี่ชายของคุณ ซึ่งวันนี้คุณก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่า เขาโกหกหลอกลวงคุณมาตลอด โชคร้ายของคุณที่มีพี่ชายเลว แต่เป็นโชคดีของนายธาดาที่มีน้องสาวโง่อย่างคุณ”

มุกรินโกรธจัด ตะโกนไล่เขาออกจากห้องไปเดี๋ยวนี้เลย บอกดวงดาวให้เอาผู้ชายคนนี้ออกไป คิมหันต์ทำเป็นนึกได้บอกว่า

“อ้อ...ดอกไม้นี่พักตราเขาฝากมาเยี่ยม และนี่ก็การ์ดงานหมั้นของผมกับพักตรา” พอดีดวงดาวเปิดประตูเข้ามา ได้ยินคิมหันต์บอกมุกรินว่า “ถ้าคุณว่าง ผมขอเชิญ...คุณจะได้เห็นในวันนั้นว่า คนที่มีความสุขจริงๆหน้าตาเป็นอย่างไร”

“ออกไป! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!” มุกรินคว้า ของใกล้มือปาใส่คิมหันต์ไม่ยั้ง ดวงดาวรีบลากคิมหันต์ออกไป

ooooooo

พอออกมาแล้วดวงดาวถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าเรื่องธรรมดาของคนที่รักกัน ดวงดาวมองหน้าถามว่าไม่รักแล้วมาทำไม เขาบอกว่ามากวนเล่นๆ

ดวงดาวยิ้มเยาะว่า เขาปากกับใจไม่ตรงกันเพราะแววตาเขาฟ้อง คิมหันต์บอกว่าเธอถูกหลอกแล้ว แต่พอดวงดาวบอกว่าต่อไปตนจะไม่ส่งข่าวอะไรให้เขาอีก คิมหันต์บอกไม่เป็นไร อยากรู้อะไรตนโทร.หาเธอเองก็แล้วกัน

“ยังไม่ลบเบอร์ออกอีกเหรอ เดี๋ยวผู้หญิงที่ชื่อพักตราเห็นเข้าจะเป็นปัญหานะ”

“ปัญหาของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ เลิกกับนายธาดาเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะดวงดาว...”

คิมหันต์เดินไปแล้ว ดวงดาวมองตามยิ้มนิดๆ กับตัวเอง...

ooooooo

ชุมสายโทรศัพท์ถามคิมหันต์ว่าทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า คิมหันต์ถามว่าตนทำอะไร พอชุมสายบอกว่าเรื่องไปเยี่ยมมุกริน คิมหันต์ย้อนถามว่าเขาเป็นคนบอกให้ตนไปเยี่ยมไม่ใช่หรือ?

“ถ้าไปแล้วเป็นอย่างนี้แกอย่าไปเลยดีกว่า” คิมหันต์ถามว่าเขาย้ายข้างไปเป็นพวกโน้นตั้งแต่เมื่อไหร่ “ฉันไม่ได้ย้ายข้าง ฉันอยู่ข้างเดียวกับความถูกต้องเว้ย”

“แล้วที่ไอ้สองพี่น้องนั่นทำกับฉัน ทำกับพี่มล มันถูกต้องไหม แกยังมาออกตัวสงสารพวกมันอีกหรือ”

“ฉันสงสารเพราะแกทำไม่ถูกน่ะสิ แกโกรธเขา เกลียดเขา แกก็บอกเลิกเขาแล้ว ก็จบแล้วสิ พอแล้วสิ แกจะไปตอกย้ำให้มันเพิ่มความเกลียดชังกันขึ้นมาอีกทำไม หรือว่าแกเองนั่นแหละที่ลืมเขาไม่ได้ อารมณ์แปรปรวนใช่ไหมล่ะ บางวันนึกจะสงสารก็สงสาร บางวันนึกจะรังแกก็รังแก จะบอกให้นะ ไอ้อย่างนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชายโว้ยไอ้คิม”

ชุมสายทั้งด่าทั้งอบรมแล้วถามว่าวันนี้ว่างไหมแวะมาที่ออฟฟิศตนหน่อย คิมหันต์บอกไม่ว่างเพราะมีนัดกับพักตราและพลโทอรรถ

“งั้นก็ตามสบาย...โชคดีมีความสุขเว้ย”

คิมหันต์กดปุ่มตัดสาย สีหน้าแววตาเขาครุ่นคิด...

เมื่อไปพบกับอรรถที่บ้านพักตรา อรรถถามว่าอีกสองอาทิตย์จะถึงวันหมั้นแล้ว มีปัญหาอะไรไหม ตนแจกการ์ดเชิญผู้ใหญ่ครบหมดแล้ว จะมาเบี้ยวกันไม่ได้นะ จงใจถามคิมหันต์ว่ามีอะไรไหม เขาบอกว่าไม่มี

หลังจากคุยเรื่องแจกการ์ดเชิญแขกแล้ว อรรถคุยรายละเอียดการใช้ชีวิตคู่หลังงานหมั้น อรรถบอกว่าพักตราเป็นคนเสนอแนวคิดนี้และตนก็เห็นด้วย แล้วแจกแจงรายละเอียดว่า

หลังงานหมั้นให้เขามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งตนได้สั่งทำห้องใหม่ไว้ให้แล้ว แต่เพื่อไม่ให้เป็นการครอบครองเขามากไปจึงจัดแบ่งให้ในหนึ่งสัปดาห์ให้มาอยู่ที่นี่สี่วัน อีกสามวันจะให้พักตราไปอยู่กับเขาที่คอนโด ซึ่งตนซื้อให้เป็นของรับหมั้นแล้ว

กำหนดการใช้ชีวิตแล้วอรรถบอกว่า แบบนี้ชีวิตของสองคนราบรื่นแน่นอน ถามว่าเห็นด้วยไหม พักตรายิ้มแย้มเบิกบานมีความสุขมาก ในขณะที่คิมหันต์พูดไม่ออก ฝืนยิ้มไปกับพักตราด้วย

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อมุกรินไปทำงาน เจอแต่สีดาอยู่ในห้องคนเดียว สีดาบอกว่าทุกคนไปที่ห้องประชุมหมดแล้ว ตนมีหน้าที่มาเรียกเธอ แต่บอกว่า ถ้าตนเป็นเธอจะไม่เข้าไปในนั้นเป็นอันขาด

เป็นการประชุมเพื่อจัดงานหมั้นที่ครีเอทีฟแจ้งแก่ที่ประชุมว่า ต้องบึ้ม ต้องใหญ่ ต้องจัดเต็มทั้งหมด นับแต่ขบวนแห่ขันหมากเลย

พักตราชมว่าดีมากแต่ตนขอเวลาพูดถึงความรักของตนสองคนด้วยจะเป็นวีดิโอพรีเซ็นเตชั่นหรือให้ตนสองคนพูดบนเวทีก็ได้ ปรารภติงว่าเอาไว้ตอนงานแต่งไม่ดีกว่าหรือ

“ฉันจะเอาตอนนี้ งานนี้ ตอนแต่งก็ค่อยทำอีกที... เห็นด้วยไหมมุก” มุกรินสะดุ้งตอบรับเบาๆ พักตราหันสั่งคิมหันต์ “คิมช่วยดูเรื่องอาหารแทนพักตร์หน่อยนะคะพักตร์ขอแยกไปบรีฟกับมุกเป็นการส่วนตัวหน่อย ดูเหมือน เธอจะตามคนอื่นไม่ทัน” แล้วสั่งมุกรินให้ตามไปที่ห้องตน

พักตราพามุกรินไปที่ห้องทำงานของตน บอกว่าตนจะมานั่งทำงานที่นี่ในตำแหน่ง CEO บริษัท แล้วคุยว่าคุณพ่อเห็นตนกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาจึงมอบการงานที่มั่นคงให้ ส่วนคิมหันต์คุณพ่อก็อาจจะสร้างสตูดิโอให้แล้วดึงมาจอยกับ Fast Track ในอนาคตก็ได้

“ตกลงจะบรีฟฉันเรื่องอะไร” มุกรินถาม พักตราบอกว่าไม่มีอะไรแค่ตนอยากคุยส่วนตัวกับเธอไม่อยากพูดต่อหน้าคนอื่น ฉันพอเข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไงกับงานหมั้นของเราสองคน และมันคงจะรู้สึกมากขึ้นเมื่อถึงวันแต่งงาน”

พักตรายังตอกย้ำให้เจ็บปวดยิ่งขึ้นว่าขอให้มุกรินอยู่กับปัจจุบันอย่างตน คือ ปัจจุบันคิมหันต์ไม่รักเธอแล้ว ทั้งยังมอบหมายให้มุกรินเป็นพิธีกรงานหมั้นและงานแต่งของตนด้วย ย้ำว่าห้ามปฏิเสธเพราะนี่คือคำสั่งของ CEO บริษัท!

ฝ่ายคิมหันต์ก็ฝากฝังมุกรินกับปรารภให้เขาช่วยดูแลเธอด้วยเพราะเธอเป็นคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ทั้งหมดต้องการการซัพพอร์ตจากใครสักคนและเขาก็เป็นผู้ชายที่ไว้ใจได้ที่สุดในบรรดาคนรอบตัวเธอ

“คุณยังห่วงมุกอยู่?”

“ใช่...ผมอยากให้เธอแข็งแรงและอยู่ไปนานๆ เพื่อทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียคนรักไปจนชั่วชีวิต”

“ไอ้เลว!” ปรารภด่าเมื่อคิมหันต์เดินไปอย่างสะใจ ปรารภกลับมาบอกมุกรินว่า งานหมั้นของคิมหันต์กับพักตราตนไม่ใส่ชื่อเธอไปในทีม เพราะ “คุณไม่ควรมีส่วนร่วมกับงานนี้ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ผมรับผิดชอบเอง”

มุกรินขอบคุณเขา แต่พอปรารภจะไป เธอถามว่า “มุกยังเหลือวันลาอีกแปดวันใช่ไหมคะ?”

ooooooo

เย็นนี้ดวงดาวไปหามุกรินที่หอพัก แม่บ้านบอกว่ามุกรินกลับมาและออกไปแล้ว ดวงดาวทำทีว่าลืมกุญแจห้องที่มุกรินให้ไว้ ขอให้แม่บ้านช่วยเอากุญแจสำรองไขให้ พอเข้าไปในห้อง ดวงดาวเห็นห้องเหมือนไม่มีคนอยู่ แม่บ้านบอกว่ามุกรินกลับมาและเพิ่งออกไปพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ สงสัยจะไปต่างจังหวัด ดวงดาวเอามือถือมากดข้อความส่งออกทันที

คิมหันต์อยู่กับพักตราเธอตื๊อให้เขานอนค้างที่คอนโดด้วยกัน คิมหันต์บอกเธอว่า ตนจะไม่มีอะไรกับเธอจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน และคืนนี้เขาก็เอาตัวรอดได้ ระหว่างนั้นเองเขาได้รับข้อความจากดวงดาวว่า

“she ไม่อยู่ที่หอ เก็บเสื้อผ้าไปด้วย คนรักกันน่าจะรู้ว่าไปไหน...แค่นี้นะ”

คิมหันต์ได้รับข้อความนี้แล้วเขานิ่งเครียด ครุ่นคิด รุ่งขึ้นเขาไปที่บ้านวิมลรัตน์แต่เช้า เจอชุมสายนั่งรออยู่แล้ว ชุมสายทักว่าพักนี้เขาไม่กลับบ้านบ่อยขึ้นนะ ไปนอนบ้านพักตราหรือ คิมหันต์ทำเสียงอืม...ในลำคอ

“แกรักเขาหรือตกกระไดพลอยโจน?” คิมหันต์บอกว่าเอาไว้ตอบได้เมื่อไหร่แล้วจะบอก ถามว่ามีธุระอะไรถึงมาแต่เช้า “เราอาจจะได้หลักฐานใหม่ในคดีพี่มล มีคนบอกว่าเห็นกลุ่มนักศึกษาถ่ายหนังสั้นหรือสารคดีอยู่แถวๆซอยนี้ในคืนเกิดเหตุ พวกนั้นอาจจะเห็นอะไรบางอย่างระหว่างไฟดับ ซึ่งอาจจะมีประโยชน์ต่อฝ่ายเรา”

คิมหันต์บอกให้เดินหน้าเลย เขาเก็บกระเป๋าเสร็จพอดี จะออกไป ชุมสายถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปถ่ายรูปต่างจังหวัดสักวันสองวัน ว่าแล้วคว้ากระเป๋าไปเลย ชุมสายมองตามพึมพำสงสัย

“ไปถ่ายรูปแล้วทำไมไม่เอากล้องไป?” เขามองกล้องกับอุปกรณ์ที่วางอยู่มุมห้อง

ooooooo

พักตราไปที่บริษัทเรียกปรารภมาถามเรื่องการเตรียมงานหมั้น จึงรู้ว่างานนี้ปรารภไม่ได้ทำเองแต่ให้โปรดิวเซอร์ที่ดูแลงานนี้มาทำแทน เพราะตนติดงานการท่องเที่ยวที่เชียงรายที่ลงนามกันไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว

พักตราให้เรียกมุกรินมารับผิดชอบงานนี้ ตนจะสั่งงานเอง ปรารภบอกว่ามุกรินไปเก็บข้อมูลที่เมืองจันท์สองวันคงกลับ ถูกพักตราดักคออย่างไม่พอใจว่า อย่าบอกว่ากลับมาแล้วต้องไปงานที่เชียงรายต่อ พอปรารภตอบครับ เธอสั่งทันที

“ฉันไม่ให้ไป เปลี่ยนคนอื่นไปแทนยายมุกเดี๋ยวนี้เลย ฉันต้องการให้ยายมุกอยู่ในงานหมั้นของฉัน เข้าใจไหม”

ปรารภเดินออกไปไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ พักตราโทร.เช็กคิมหันต์ทันทีว่าถึงไหนแล้ว เขาบอกว่าเพิ่งออกจากกรุงเทพฯ เธออ้อนให้เขาส่งรูปมาให้ดูและตนก็จะส่งรูปลองชุดไปให้เขาดูด้วย

“ครับผม...” คิมหันต์ตัดสายแล้วกดโทร.ออก

ทันที เขาโทร.ถามดวงดาวว่าแน่ใจใช่ไหมว่ามุกรินหายไปจากหอพัก?

“ถ้าคุณรักเธอจริงคุณต้องหาเธอเจอ แต่ถ้าคุณไม่รักเธอแล้ว คุณก็ควรจะใช้เวลาอยู่กับคู่หมั้นของคุณ” แล้วตัดสายเลย

ooooooo

มุกรินขับรถน้ำตาไหลไปตลอดทาง จนถึงชายทะเลที่เธอกับคิมหันต์มาฉลองครบรอบวันหมั้นกันที่นี่ เธอจอดรถคิดถึงความหลังอย่างเจ็บปวด

“นึกแล้วว่าคุณต้องอยู่ที่นี่...คุณหนีผมไม่พ้นหรอกมุกริน” คิมต์หันเข้าไปทักเธอที่รถ มุกรินเช็ดน้ำตา บอกว่าตนไม่ได้คิดจะหนี “งั้นคุณก็รอให้ผมมาหา...ใช่ไหม...คุณคงรู้ว่าดวงดาวต้องโทร.บอกผมว่าคุณหายตัวไป แล้วคุณก็มานั่งรออยู่ตรงนี้ รอว่าเมื่อไหร่ผมจะมาเสียทีใช่ไหม...”

ต่างคาดเดาใจกัน คิมหันต์รวบรัดว่า แปลว่าใจเราตรงกัน เขาก้มถามว่า

“คุณยังรักผมอยู่...คุณมาที่นี่เพื่อนึกถึงความหลังระหว่างเรา” มุกรินนิ่งกับการคาดคะเนของคิมหันต์ เขาเอ่ยต่อว่า “ผมเคยบอกคุณแล้วว่าถ้าคุณยังเลิกรักผม
ไม่ได้ คุณจะเดือดร้อน จะทุกข์ทรมาน คุณลืมแล้วเหรอ”

“ฉันไม่เก่งเหมือนคุณนี่ ฉันพยายามแล้ว ฉันอาจจะต้องใช้เวลา...แต่มันก็ไม่ได้หนักหัวคุณสักนิด ฉันจะรักคุณหรือเลิกรักคุณ มันก็ไม่มีผลอะไรกับคุณทั้งนั้น”

“มีสิ...เพราะผมก็ยังรักคุณอยู่...” มุกรินอึ้งถามว่ารู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา? “ผมพูดว่า ผมรักคุณ คุณคิดว่าผมจะตามมาทำไม ถ้าผมไม่รักคุณ”

มุกรินมองเขาอึ้ง คิมหันต์ก้มจูบเธออย่างอ่อนโยน ต่างกอดกันแนบแน่นด้วยความรักที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้ง...

ooooooo

คืนนี้คิมหันต์กับมุกรินมีความสุขด้วยกันใน รีสอร์ตที่ชายหาด...ส่วนพักตราเธอมีความสุขมากกับการเตรียมงานหมั้นและลองชุดในงานหมั้น...

พักตราโทร.หาคิมหันต์ เขาถือโทรศัพท์ออกมาคุยถามว่าเมื่อตอนเย็นเธอโทร.มาหาหรือ ตนทำงานอยู่ รับไม่ทัน พักตราถามว่าส่งรูปลองชุดมา ดูหรือยังเขาไม่ตอบว่าดูหรือไม่แต่ชมว่าสวยดีนี่ครับ เธอให้เขาส่งรูปที่ถ่ายให้ดูบ้าง

“ผมยังถ่ายอะไรไม่ได้เลย อยู่ๆฝนก็ตกหนัก อากาศไม่ดี ผมอาจจะต้องอยู่ต่ออีกวันนึงนะพักตร์ ไม่งั้นงานไม่เสร็จเดี๋ยวมันจะไปยุ่งตอนงานหมั้นของเรานะ”

พักตราโอเคเสียงอ่อย บอกว่าตนก็ต้องเก็บตัวไม่ออกไปไหน จะได้สวยที่สุดในวันหมั้นของเรา

เมื่อกลับเข้ามาในห้องพัก คิมหันต์กับมุกรินต่างยังดื่มด่ำกับความสุขและความรัก มุกรินถามเขาว่ารู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองทำอะไรลงไป

“ผมรู้ตัวตลอดเวลา...ระหว่างเดินที่ทะเล ผมถามตัวเองว่า ทำไมไม่ทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว” มุกรินถามว่าสายไปแล้วใช่ไหม เขาบอกว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อมุกรินเอ่ยขึ้นว่าเดี๋ยวเขาก็ต้องกลับไปหมั้นและหลังจากนั้น... คิมหันต์ขอร้องว่าอย่าพูดถึงเรื่องนั้น เธอถามว่าจะไม่พูดได้อย่างไรในเมื่อเรื่องของเรามีผลต่อคนเหล่านั้นโดยตรง

เมื่อต่างยอมเปิดใจรับว่าต่างก็ยังรักกัน คิมหันต์เสนอว่า เรามาสัญญากันดีไหม สัญญาว่าเมื่อเราอยู่ด้วยกัน เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่จะทำให้เกิดปัญหา มุกรินถามว่าเรื่องอะไรบ้าง?

“เรื่องพี่ชายคุณกับพี่สาวผม...เราจะลืมความบาดหมางเรื่องคดีความ ทิ้งมันไว้ข้างหลังเพื่อให้เรากลับมารักกันเหมือนเดิมได้ไหม” มุกรินบอกว่าตนพยายามจะทำอย่างนั้น แต่เขาปฏิเสธตลอด “ผมจะไม่ปฏิเสธอีกแล้ว ผมรู้แล้วว่าผมขาดคุณไม่ได้ ใครก็แทนที่คุณไม่ได้ และผมหวังว่าจะไม่มีใครแทนที่ผมได้เช่นกัน ใช่ไหม?”

เมื่อมุกรินพยักหน้า คิมหันต์จูบเธออย่างรักใคร่ต่างกอดกันด้วยความรักอีกครั้ง...

คิมหันต์โทร.บอกดวงดาวว่าตนเจอมุกรินแล้วและอยู่ด้วยกันที่รีสอร์ต ดวงดาวแสดงความยินดีด้วย คิมหันต์กำชับว่า

“ถ้าคุณอาของเธอกลับมา แล้วเกิดเขาเป็นห่วงน้องสาว คุณก็หาวิธีทำให้เขาสบายใจเอาเองก็แล้วกัน”

มุกรินฟังเขาคุยกับดวงดาวอยู่ เธอเปรยๆว่า 

“คุณดวงดาวคงดูถูกมุกเหมือนที่มุกเคยดูถูกเขา”

“ไม่หรอก ดวงดาวเป็นคนสปอร์ต เข้าใจอะไรง่าย... ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ”

เมื่อธาดากลับมา เขาถามดวงดาวว่าไปหามุกรินบ้างหรือเปล่า บอกให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียตนเป็นห่วง ดวงดาวได้กลิ่นเหล้าถามว่าเมามาหรือ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า

“เปล่า...แค่เล่นเสียนิดหน่อย...นอนดีกว่า” แล้วธาดาก็ล้มตัวนอนทั้งเซ็งเสียพนันและเมา

ooooooo

เช้าตรู่ที่รีสอร์ต...คิมหันต์ตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่คนเดียว หันไปเห็นมีกระดาษแผ่นเล็กเขียนวางไว้ว่า

“อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะ ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ มุกริน”

คิมหันต์ตกใจรีบลงไปที่ชายหาด เจอมุกรินเดินอยู่ชายหาด เขาทักอย่างร่าเริงว่า คงไม่คิดลุยน้ำหายไปเลยหรอกนะ

มุกรินบอกว่าตอนนี้ยังแต่อีกหน่อยไม่แน่ คิมหันต์หยอกว่าคิดจะทำเมื่อไหร่บอกด้วย ตนจะมาถ่ายคลิปลงยูทูบ ผู้คนจะได้จดจำความรักของเราไง เธอถามว่า “มุกตายคนเดียวมันจะเป็นความรักของเราได้ยังไง?”

“ใครบอก...ผมจะเดินตามลงไปด้วย...กอดคอไปตายด้วยกันเลยล่ะ...ตั้งกล้องทิ้งไว้ฝากให้ใครที่มาเห็นช่วย up load ให้” มุกรินหัวเราะขำบอกว่าเพ้อเจ้อแล้วล่ะ “ชีวิตคนเราก็เพ้อเจ้อทุกคนแหละมุก ไม่มีอะไรจริงสักอย่าง มันเป็นสมมติทั้งนั้น สมมติว่านี่คือเรา นั่นคือเขา นี่คือครอบครัว นั่นคนนอก นี่รักกัน นั่นเกลียดกัน สุดท้ายชีวิตก็จบลงด้วยการไม่มีอะไรติดตัวไปได้สักอย่าง”

“คิมคิดได้เองหรือมีใครสอน” มุกรินถามทึ่ง

“คิดได้ แต่ยังทำไม่ได้ ผมยังติดยึดกับโมหะ โทสะอยู่ ผมยังโกรธพี่ชายคุณอยู่ โกรธมากด้วย ผมฝันทุกคืนว่าผมฆ่าเขา บีบคอเขาจนตายคามือ”

“เราตกลงกันว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีกไม่ใช่เหรอ”

“ผมกำลังจะบอกว่า คุณคือที่พักใจของผม ผมพร้อมจะลืมทุกอย่างเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากสูญเสียความสุขแบบนี้ไป” มุกรินบอกว่าตนก็เหมือนกัน “สัญญานะว่าเราจะยังคบกันแบบนี้นัดเจอกันแบบนี้”

“คุณยกเลิกงานหมั้นกับพักตราได้ไหมคะ” คิมหันต์บอกว่าตนก้าวมาไกลเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว “งั้นมุกก็ไม่กล้าสัญญาหรอกค่ะ มุกไม่รู้ว่ากลับไปกรุงเทพฯจะต้องเจออะไรบ้าง”

“เจอผมไง จำไว้นะมุก เราจะมีที่ที่เป็นส่วนตัวระหว่างเราสองคน เพื่อให้ความรักของเราคงอยู่ตลอดไป”

“มุกจะพยายาม”

มุกรินรับปาก ทั้งสองกอดกันด้วยความรัก ท่ามกลางแสงอรุณและเกลียวคลื่น...

ooooooo


ที่มา  ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น