วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร พญาโศก ตอนที่ 5


หลังจากได้ยินเสียงปืน ชาตรีติดตามพลางสอดส่ายสายตามองหาจนพบปลอกกระสุนที่ลำหับยิงหล่นอยู่บนพื้น เขาหยิบขึ้นมาดูอย่างจำได้

“ปลอกกับกระสุนจากปืนที่ลำหับใช้ป้องกันตัว ว่าแต่ใครยิงปืนกระบอกนี้ ทำไมยิงนัดเดียวไม่มีการยิงโต้ตอบ”

ชาตรีกวาดตาสำรวจรอบๆ เห็นเลือดติดเศษเสื้อที่ลำหับฉีกพันขา จำได้ว่าเสื้อของลำหับ แน่ใจว่าเธอโดนยิง...แต่ไม่ทันจะทำอะไรต่อ ได้ยินเสียงคนคุยกันใกล้เข้ามา ชาตรีหาที่หลบซ่อนตัวโดยเร็ว

“หมายเลขหนึ่งโกรธมากจนหน้าเขียวที่จูเนียร์ขโมยเด็กไปคืนแม่”

“เด็กก็หลานแท้ๆ แม่เด็กก็ลูกแท้ๆ คงไม่รุนแรงกับลูกมากมายหรอกน่า”

“รุนแรงสิ ดูจูเนียร์เถอะ ตัวนิดเดียวโดนหวดด้วยเข็มขัดหลังลาย โดนขังเดี่ยว”

สองคนกำลังวิจารณ์กันเพลิน ชาตรีพรวดออกมายกปืนเล็งใส่หน้าตาดุดัน หนึ่งในสองจะทำอย่างเดียวกันเพื่อตอบโต้แต่ช้ากว่าชาตรี

“อย่าดีกว่า ถ้าไม่มั่นใจว่าไวพอ”

“แกต้องการอะไร”

“ให้แกพาฉันไปค่ายของพวกแก”

สองคนปฏิเสธเป็นเสียงเดียวเพราะค่ายของรามคือความลับสุดยอด

“แต่แกต้องพาฉันไป ฉันมองเห็นทางจากแกสองคนแน่นอน ไม่ว่าพวกแกจะยึดมั่นบ้าคลั่งในอุดมการณ์เลวร้ายของแกแค่ไหน ฉันเชื่อว่าพวกแกยึดมั่นในการมีชีวิตอยู่มากกว่า ไม่พาไปก็บอกมาว่าค่ายของพวกแกอยู่ที่ไหน”

สองคนส่ายหน้าดิก ชาตรียิ้มเย็น แววตาเข้มดุ

“โอเค ตอนนี้แกยังยึดมั่นในอุดมการณ์ อีกสักครู่ฉันจะทำให้มันสั่นคลอนแคลนเอง แกสองคนไปนั่งตรงนั้น”

ชาตรีขยับปืนชี้ไปใต้ต้นไม้ สองคนเดินไปนั่งแล้วถูกมัดหันหลังให้กัน

“แกจะทำอะไรพวกฉัน”

“ทำให้แกบอกทางไปค่ายของพวกแกกับฉัน”

“เราบอกไม่ได้”

“แน่ใจนะ”

สองคนนิ่งเงียบ ชาตรียิ้มกริ่ม เล็งปืนใส่รังมดแดงบนต้นไม้ก่อนลั่นไก รังมดแดงร่วงลงทันใดใส่ร่างสมุนของรามทั้งสองคนเต็มรัก

พริบตาเดียวเสียงร้องโอดโอยดังระงม สองคนโดนมดแดงรุมกัดปวดแสบปวดร้อนคันคะเยอไปทั้งตัว

“แกเคยเห็นคนโดนมดแดงกัดตายมั้ย มันน่าสังเวชมาก ศพไม่สวย แหว่งวิ่น โดนมดแดงกินเข้าไปถึงลูกนัยน์ตา เจาะมันสมอง”

“พอที!” คนหนึ่งแผดเสียงอย่างสุดทน

“ก็บอกมาสิ” ชาตรีคาดคั้นแล้วยิงมดแดงอีกรังร่วงพรูลงมาซ้ำที่เดิม

ooooooo

เฉิดเฉลากับยศพงษ์เหิมเกริมเล่นชู้กันออก นอกหน้า คืนหนึ่งภัทราเห็นกับตาว่าทั้งคู่กอดจูบกันในรถตรงหน้าบ้านในสภาพเมาแประ

ภัทราแอบถ่ายคลิปวีดิโอเอาไว้แล้วนำมาโชว์เมื่อเฉิดเฉลาพูดจาก้าวร้าว ก่อนจะกลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โต เพราะลูกสะใภ้ต้องการคลิปนั้นมา ขณะที่ภัทราก็ไม่ยอมให้เพราะจะเอาไว้เป็นหลักฐานให้ลูกชายฟ้องหย่า

สองคนยื้อยุดกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ภัทราจะวิ่งหนีไปข้างบน เฉิดเฉลาไม่เลิกราตามขึ้นมาแย่ง ส่งผลให้ภัทราพลาดตกบันไดอาการน่าเป็นห่วง แต่เฉิดเฉลายังจะทำร้ายให้ถึงตาย ถ้าคนรับใช้ไม่เข้ามาเจอเสียก่อน...

ทางด้านชาตรีที่อยู่ในป่า ในที่สุดเขาเดินทางไปถึงค่ายของรามหรือหมายเลขหนึ่ง พยายามจะเข้าไปช่วยลำหับกับคนังแต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะพวกของรามมีไม่น้อย

ลำหับถูกขังแยกกับคนังและจูเนียร์ รามลงโทษจูเนียร์ด้วยการเฆี่ยนตีอย่างไร้ความเมตตา ยึดมั่นอุดมการณ์ของตนอย่างเคร่งครัด ไม่นับญาติกับใครทั้งสิ้น

ชาตรีแฝงตัวเข้ามาในค่ายได้สำเร็จ เห็นจูเนียร์ถูกทำโทษแล้วอนาถใจ แต่เขาต้องเร่งหาลำหับให้เจอก่อนมาช่วยจูเนียร์...กว่าชาตรีจะเจอลำหับก็เกือบเอาตัวเองไม่รอด ไหนจะต้องฝ่าด่านไปเอาตัวคนังที่อยู่คนละจุดมารวมกันแล้วพาหนี รามโกรธแทบกระอัก สั่งลูกน้องระดมคนปูพรมตามจับตัวมันมาให้ได้ แล้วจะฆ่าให้ตายหมดทุกคน

ชาตรีหอบสองแม่ลูกหนีไปตามลำน้ำ ลำหับอักเสบแผลที่ขาแต่อดทนถึงขีดสุดเพื่อลูกชาย ฝ่ายพวกรามยังคงติดตามไม่ลดละ กระทั่งเกือบฟ้าสาง

ชาตรีคาดว่าน่าจะปลอดภัย แต่ที่ไหนได้ เขาคิดผิดถนัด พวกรามยิงปืนจากอีกฝั่งมาเป็นระยะ ชาตรีส่งสองแม่ลูกขึ้นฝั่งแล้วให้รีบหนีไปให้ไกลที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงตน

ชาตรีขว้างระเบิดไปยังฝั่งพวกรามอยู่เพื่อสกัด ไม่ใช่เอาชีวิต ถึงกระนั้นก็มีคนบาดเจ็บเพราะสะเก็ดระเบิดหลายราย รามโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและไม่ยอมรามือ ลำหับรู้แน่แก่ใจเพราะในอดีตพ่อเคยยิงแม่ของเธอมาแล้วอย่างโหดเหี้ยม แต่ถึงยังไงเขาก็คือพ่อ เธอขอร้องชาตรีอย่าทำอะไรราม ชาตรีรับปาก แต่มีข้อแม้ถ้าเขาตามมาทันและจะยิงเธอกับลูก เขาต้องปกป้องเธอ

เสียงปืนดังหลายนัดอยู่ห่างๆ ลำหับตกใจ ชาตรีเชื่อว่าเป็นการยิงข่มขวัญ เขาพยายามพาสองแม่ลูกหนีต่อไป พร้อมกันนั้นก็ใช้โทรศัพท์มือถือที่ใส่ถุงพลาสติกกันน้ำเพื่อติดต่อคนจากหน่วยงานหนึ่งให้มาช่วย

คนังร้องไห้เพราะหิวนม ชาตรีให้ลำหับหยุดพักเพื่อให้นมลูกทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเธอจะมีน้ำนมหรือไม่ ส่วนตัวเองแยกห่างออกมาพยายามติดต่อขอความช่วยเหลืออีกครั้งก่อนที่แบตมือถือจะหมดลง

ช่วงเวลานี้เอง ไม่คาดคิดว่ารามกับสนจะตามมาทัน รามยืนตระหง่านเบื้องหน้าลำหับ ประกาศดุดันจะเอาคนังไว้กับตน ลำหับไม่มีสิทธิ์พาลูกกลับบ้าน ลำหับไม่ยอม วิงวอนขอร้องพ่อทั้งน้ำตา แต่รามกลับตวาดใส่อย่างไร้เยื่อใย

“ฉันไม่ใช่พ่อของแก ฉันไม่มีลูกเนรคุณอย่างแก ไอ้บ้านั่นมันหายไปไหน”

“คุณพ่อ ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะค่ะ”

รามไม่ฟัง หันไปบอกสนหรือหมายเลขสองให้ยิงปืนหลายนัดเชิญไอ้ผู้พิทักษ์คนนั้นมาตายตรงหน้าลำหับ

“ผมว่ามันน่าจะรีบมาแน่นอน ทันทีที่ได้ยินเสียงปืน ผมจะจัดการมันเอง”

“ไม่ต้อง...แกอยู่ที่ไหนไอ้คนไม่มีชื่อ ได้ยินฉันแล้วรีบออกมาก่อนที่ฉันจะยิงนังผู้หญิงนี่แล้วเอาเด็กไป”

“อย่าออกมา ไม่ต้องห่วงหนู” ลำหับตะโกนก้อง

ขณะนั้นชาตรีติดต่อขอความช่วยเหลือสำเร็จแล้วจะกลับมาที่เดิม เห็นรามกับสนยืนจังก้าจึงหลบซ่อนตัว เฝ้ามองการกระทำของทั้งคู่เพื่อหาทางหนีทีไล่

รามใช้ปืนจี้ลำหับที่โอบกอดคนังไว้ตลอดเวลา พอลำหับดิ้นรนพร้อมกับตะโกนบอกชาตรีไม่ให้ออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก รามโกรธมากตบปากลำหับอย่างแรงจนแทบฟุบ คนังร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ

“ลุกขึ้น แล้วไปกับฉันเดี๋ยวนี้”

ลำหับกัดฟันประคองลูกน้อยลุกขึ้นพร้อมกันแต่ไม่สำเร็จ ล้มลงกองกับพื้น รามเรียกสนมาดู จังหวะนี้เองชาตรียิงไหล่สนจนทรุดลงบาดเจ็บ รามพรวดมาที่ลำหับซึ่งกำลังถืออาวุธลับ แต่ไม่กล้าทำร้ายพ่อตัวเอง

“แกจะทำอะไรฉัน ร้ายกาจมากนะแก ดีล่ะ กล้าดีปามาสิ”

ลำหับไม่กล้า รามเข้ามากระชากเธออย่างไม่ปรานี

“ไปกับฉันเดี๋ยวนี้ เฮ้ย! แกคนนั้นน่ะ ออกมาเลย ออกมาดูฉันจัดการนังนี่”

ชาตรีปรากฏตัวพร้อมปืนในมือ เล็งไปที่ราม ส่วนสนนอนฟุบบาดเจ็บทำอะไรไม่ถนัด

“ปล่อยเธอกับเด็ก”

“ไม่!”

“อย่านะคะ อย่ายิงพ่อหนู”

“บอกแล้วไงว่าจะไม่ยิงเขา ถ้าเขาไม่ยิงเธอกับลูก หมายเลขหนึ่ง ถ้าพูดกันไม่ฟังก็มาแลกชีวิตกัน สองคนนี่ตาย คุณก็ตาย”

“แกไม่ยอมให้พวกมันตายหรอก และมันก็ไม่ยอมให้แกยิงฉันด้วย”

สนกัดฟันพยายามยกปืนเล็งชาตรี “ดี! มาตายกันให้หมดนี่แหละ”

ขณะที่สถานการณ์คับขัน เสียง ฮ. ดังมาจากด้านบน รามกับสนตกใจเงยหน้าขึ้นมอง ชาตรีฉวยโอกาสยิงข้อมือรามและยิงสนซ้ำอีกครั้งจนปืนหลุดจากมือทั้งสองคน ลำหับกรีดร้องเรียกพ่อด้วยความเป็นห่วง แต่รามโกรธตะเบ็งเสียงดังลั่น

“แกสั่งให้มันยิงฉัน”

ลำหับส่ายหน้า ผวาไปบังรามไว้ทั้งที่คนังยังติดอยู่กับอก ทันใดเสียงจากด้านบนประกาศได้ยินชัด

“อย่าแตะต้องอาวุธ ยกมือไว้บนศีรษะ แล้วถอยไปยืนรวมกันทั้งสองคน”

“คุณบอกตำรวจมาจับคุณพ่อ...หนีไป หนีไปค่ะคุณพ่อ หนูไม่ยอมให้ใครจับคุณพ่อ...อย่าจับพ่อหนู อย่าทำร้ายพ่อหนูนะคะ”

“ถอยออกมาลำหับ ถอยมาจากเขา เขาต้องโดนจับข้อหากบฏขายชาติ”

“ไม่! ถ้าจะทำอย่างนั้นก็ฆ่าหนูให้ตายก่อน”

ชาตรีนิ่งไปอย่างหงุดหงิด รามกับสนยืนกุมไหล่กุมมืออยู่ด้านหลังลำหับที่ยืนบังไว้

เสียงประกาศจากด้านบนดังขึ้นอีก “โปรดฟังอีกครั้ง ขอให้ทำตามที่บอกทันที”

ลำหับร้องไห้น้ำตานองหน้า สบตาชาตรีแล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยว “ขอร้องเถอะค่ะ ถ้าคุณไม่เชื่อหนู หนูจะฆ่าตัวตาย” เธอหยิบเหล็กแหลมออกมา แต่ไม่ทันจะทำอะไร รามแย่งมันไปจี้คอเธออย่างรวดเร็ว

“เห็นหรือยังลำหับ เห็นหัวใจของเขาหรือยัง... หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง ครั้งหน้าเจอกันอีกจะไม่มีแบบนี้แน่...เชิญ”

รามแค้นใจที่สุด ประกาศใส่ลำหับก่อนเดินหายเข้าไปในป่าพร้อมสนว่า “อย่านึกว่าแกทำดีแล้วฉันจะมีใจเมตตาแก”

ลำหับร่ำไห้สะอึกสะอื้น ผสานเสียงร้องของคนังที่อยู่ในภาวะทั้งหิวและตกใจ...

หลังจากเหตุการณ์สงบ ชาตรีเอาลำหับที่เจ็บขาขี่หลัง แล้วผูกติดคนังไว้ที่อกของตน พาเดินต่อไปยังจุดที่ ฮ.จะมารับสองแม่ลูกได้

“หนูขอโทษที่ปกป้องคุณพ่อ หนูขอบคุณที่ไว้ชีวิตเขาและปล่อยให้เขาหนีรอดไป”

“หยุดพูดเรื่องนี้ ฉันไม่ต้องการฟัง ไปรอขึ้น ฮ. กลับไปซะ”

“คุณเป็นใครกันแน่ โจรที่ไหนบอกให้ ฮ.มาช่วยเราได้”

“เป็นอะไรก็ช่าง เธอกับลูกรอตรงนี้ ฮ.จะพาเธอกับลูกไปโรงพยาบาล”

“แล้วคุณก็จะรีบไปเหมือนทุกทีอีกแล้ว...ทำไมคะ”

“บอกแล้วว่าไม่ชอบเจอหน้าตำรวจ แม่นางพญาแผ่เมตตากับงูเห่าไม่ยอมให้เขาโดนจับ สักวันเถอะ เธอจะโดนเขาฉก”

“คุณโกรธหนู หนูขอโทษ แต่นั่นพ่อของหนู”

“แน่ใจหรือว่านั่นพ่อของเธอจริงๆ”

“หมายความว่ายังไงคะ”

ชาตรีไม่ตอบ ย่อตัวให้ลำหับลงจากหลังและส่งคืนคนัง ก่อนเดินจากไปเงียบๆ ลำหับรู้สึกผิดมากร่ำร้องเสียงสั่นเครือ

“คุณคะ หนูขอโทษ หันมารับฟังคำขอโทษหนูด้วย” ชาตรีไม่หันมา ลำหับกอดลูกน้อย รำพันน้ำตานองหน้า “หนูขอโทษ ได้ยินไหมว่าหนูขอโทษ...ลูกจ๋า คุณลุงเขาโกรธเราแล้ว”

ooooooo

หลังจากทะเลาะกับเฉิดเฉลาจนพลาดตกบันไดลงมาภัทราอาการน่าเป็นห่วง นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสภาพแทบจะเป็นเจ้าหญิงนิทราพูดจาไม่ได้

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากคู่กรณีกับคนรับใช้อีกสองคนที่พอคาดเดาได้ว่าต้นเหตุมาจากเฉิดเฉลา

แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ทั้งที่มันอยู่ในโทรศัพท์มือถือของภัทราที่คนรับใช้เก็บเอาไว้แต่ไม่ได้เปิดดู

บริพัตรเป็นห่วงนายแม่เหลือเกิน อยากให้ท่านพูดได้เร็วๆ ตรงข้ามกับเฉิดเฉลาแอบสาปแช่งให้ตาย ซ้ำยังพยายามหาโอกาสลงมือกับแม่ผัวอีกแต่ไม่สำเร็จ

ขณะที่ภัทรายังรักษาตัวในโรงพยาบาล ลำหับกับคนังถูกส่งมารักษาที่เดียวกัน บริพัตรเกือบเห็นสองแม่ลูกถ้าเฉิดเฉลาไม่เดินมาดึงเขาไปเสียก่อน

ส่วนลำหับก็จงใจหลีกหลบแต่กระนั้นก็ได้ยินเฉิดเฉลาพูดเรื่องความเจ็บป่วยของภัทรา

ลำหับเป็นห่วงอยากรู้ว่าท่านเป็นอะไรและอยากไปเยี่ยมแต่ยังไม่มีโอกาส เธอกับลูกอยู่รักษาตัวผ่านไป

วันเดียวชาตรีก็ปลอมตัวมาเยี่ยมในคราบของคนส่งดอกไม้ นำซอสามสายจากบ้านไร่มาให้เธอด้วย ลำหับขอบคุณและขอโทษเรื่องรามที่เธอขอร้องเขาให้ปล่อยไป ชาตรีโกรธเธอไม่ลง แถมรับปากจะสืบเรื่องภัทราให้ เสร็จแล้วจะพาลำหับออกจากโรงพยาบาลเพราะเธอไม่ต้องการพบเจอบริพัตร

ทางด้านรามกับสนที่พากันกลับค่ายในสภาพ พ่ายแพ้ รามสั่งบริวารของตนเก็บสัมภาระย้ายที่อยู่ใหม่เพื่อความปลอดภัย คิดแค้นใจชายไร้ชื่อที่บุกเข้ามาถึงค่ายแล้วพาลำหับกับคนังหนีไป สั่งสนสืบให้ได้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมต้องทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์สองแม่ลูก...

ฝ่ายเฉิดเฉลากลุ้มใจเรื่องคลิปวีดิโอในมือถือของภัทราแล้วพาลหงุดหงิดที่เมื่อกลางวันเห็นบริพัตรให้ความสนใจสองแม่ลูกที่มีคนลือกันแซ่ดว่าบาดเจ็บถูกส่งตัวมาด้วย ฮ. เธอไม่ได้เอะใจว่าเป็นใคร พอมาบ่นให้ยศพงษ์ฟังแล้วเขาพูดถึงลำหับกับลูกขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจเลยฉุกคิด แต่ไม่กี่อึดใจก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป

“เขารู้ที่ไหนว่ามันท้อง มันมีลูก ถ้ารู้ป่านนี้คงหนีไปหามัน ยอมให้มันพาไปขายชาติแล้ว เฮ้อ! อยากจะเป็นบ้าตายไอ้เรื่องคลิปที่อีแก่นั่นมันแอบถ่ายเราไว้ นั่นก็งานใหญ่ ทำไมมันไม่ตายไปเลยนะ”

“มันตายแต่คลิปยังอยู่ แล้วคนรับใช้อะไรนั่นมันทำท่ายังไงบ้าง”

“มันดูเฉยๆ สงสัยว่ายังไม่เห็นหรือไม่ก็ยังโลว์เทคเปิดคลิปไม่เป็น”

“ยัยแก่ก็ยังพูดไม่ได้ เว้นไว้ก่อน แต่นังคนรับใช้พูดมากแน่ต้องจัดการก่อน เอามือถือมาไม่ได้ก็ทำให้มันกลายเป็นขยะไปซะ ตอนนี้เธอควรหมกตัวอยู่ที่ห้องยัยแก่นั่นตลอดเวลา รอเวลาและโอกาสให้ได้ มันต้องมีสิน่า”

เฉิดเฉลาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง

ooooooo

บริพัตรยังคงให้ความสนใจสองแม่ลูกที่ได้ยินว่าบาดเจ็บถูกทำร้ายจากในป่ามารักษาตัว เขามาด้อมๆ มองๆหน้าห้องแล้วเจอชาตรีปลอมตัวมาในคราบคนส่งดอกไม้

ชาตรีเบี่ยงเบนความสนใจของบริพัตรด้วยการอ้างว่ามีคนให้ตนเอาดอกไม้มาให้คนชื่อภัทรา บริพัตรจึงพาเขาไปด้วยความเต็มใจ เฉิดเฉลาอยู่ในห้องผู้ป่วย ซักถามคนส่งดอกไม้ว่ามาจากใคร ชาตรีตอบสั้นๆว่าไม่ทราบ ตนมีหน้าที่ส่ง แล้วขอตัวออกไปทันทีเลย

ขณะเขาเดินลิ่วออกมามองซ้ายขวาจะเข้าห้องลำหับ ไม่คิดว่าคนรับใช้บ้านบริพัตรจะเดินตามมาถามว่าลำหับส่งดอกไม้ให้เขามาเยี่ยมภัทราใช่ไหม

ชาตรีไม่ตอบรับแต่ทำตีเนียนชวนคุยไปเรื่อย จนได้ข้อมูลที่คนรับใช้เผลอปากเม้าท์ออกมาทั้งภัทราป่วยเพราะตกบันไดซึ่งน่าจะโดนผลักและเรื่องบริพัตรกำลังขอหย่าเมีย

เมื่อลำหับทราบจากชาตรีก็ตกใจเรื่องภัทราป่วย แต่ทำไม่สนใจเรื่องบริพัตรจะหย่าเมีย ชวนชาตรีกลับบ้านเพราะกลัวพวกนั้นจะมาเจอ ฝ่ายเฉิดเฉลาพยายามจะเอาโทรศัพท์มือถือของภัทราจากคนรับใช้แต่ไม่สำเร็จ แถมตอนนี้มันยังตกไปอยู่ในมือบริพัตร ยากยิ่งขึ้นไปอีกที่จะได้มา

ในขณะที่ชาตรีจะพาลำหับกับคนังออกจากโรงพยา– บาลเกือบเผชิญหน้ากับบริพัตร โชคดีชาตรีไหวตัวพาสองแม่ลูกลงทางบันไดหนีไฟไปรอที่ลานจอดรถ แต่ในระหว่างรออยู่นั้นลำหับแหงนหน้าขึ้นไปบนตึก เป็นจังหวะที่บริพัตรก้มมองลงมาพอดี สองคนเห็นกันเต็มตา ตกตะลึงกันไปชั่วขณะ

บริพัตรไม่คิดจะติดตามเพราะลำหับมีชาตรีอยู่เคียงข้างพร้อมเด็กน้อย ได้แต่พึมพำอวยพรให้ลำหับโชคดี...

ชาตรีพาสองแม่ลูกกลับมาอยู่ที่บ้านไร่หลังเดิม แต่คราวนี้ติดสัญญาณกันขโมยไว้ให้เพื่อความปลอดภัย ตั้งรหัสกันไว้อย่างดิบดี แล้วยังกำชับคนงานในไร่ให้คอยสอดส่องดูแล

หลังจากทดสอบสัญญาณกันขโมยที่พร้อมใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วชาตรีขอตัวกลับ ลำหับขอบคุณและถามเขาว่าไม่หิวหรือ

“หิวสิ ถึงจะรีบกลับ เพราะกลัวไส้ขาดระหว่างทาง”

“อาหารที่คุณพาหนูแวะซื้อมาน่าจะทำให้คุณเลิกหิวจนไส้ขาดได้นะคะ”

ชาตรีอมยิ้มแก้มตุ่ย มองหน้าลำหับแล้วแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ “แปลว่าอะไร แปลไทยเป็นไทยให้ฟังด้วยสิ”

“ถ้าฟังแล้วแกล้งไม่เข้าใจหรือไม่เข้าใจจริงๆ ก็เชิญกลับไปให้ไส้ขาดเถอะค่ะ”

“แหม...แกล้งโง่ก็หงุดหงิด ขอบใจที่ชวนกินข้าว แต่ฉันทำให้เธอกินเองดีกว่า”

“ขอบคุณ...”

“พอแล้ววันนี้รับคำขอบคุณจากเธอมาหลายครั้ง เดี๋ยวจะอิ่มขอบคุณจนกินข้าวไม่ได้ คำขอบคุณไม่ช่วยให้หายหิวได้”

ลำหับแอบค้อน ชาตรีหันไปฮัมเพลงพญาโศก พลางหยอกเย้าเธออย่างอารมณ์ดี

“เล่นเพลงพญาโศกประกอบการทำอาหารด้วยสิ รู้นะว่าเธอคิดถึงคุณแม่ซอสามสายของเธอมากแค่ไหน”

ลำหับยิ้มรับแทนคำตอบ สีซอเพลงพญาโศก ส่วนชาตรีไปแสดงฝีมืออยู่ในครัว

ผ่านไปไม่นานอาหารสองอย่างง่ายๆ ไข่เจียวกับยำปลากระป๋องก็พร้อมจัดขึ้นโต๊ะ ชาตรียิ้มแป้นท่าทางภูมิใจมากกับฝีมือตนเอง

“ไข่เจียว ยำปลากระป๋อง คงต้องใช้ฝีมือมากเลยนะคะ” ลำหับกระเซ้ายิ้มๆ

“แน่นอน ไข่เจียวก็ต้องใช้ฝีมือมากว่าไข่ต้มไข่ดาว ยำปลากระป๋องก็ต้องใช้ความสามารถมากกว่าปลากระป๋องเฉยๆ กินสิ อร่อยนะ”

ชาตรีตักกับข้าวใส่จานให้ลำหับ ลำหับชะงักคิดถึงบริพัตรที่เคยทำแบบนี้ให้เธอ ชาตรีสังเกตสีหน้าเธอเศร้าหมองก็พอรู้ว่าเป็นอะไร

“ขอโทษ...ฉันทำหรือพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ คุณไม่ได้ทำไม่ได้พูดอะไรผิด หนูแค่...”

ชาตรีเข้าใจ เดินอ้อมมาโอบไหล่เธอปลอบโยน “ความรักไม่จำเป็นต้องสมหวัง ขอเพียงคนที่เรารักยังรักเราอยู่เพียงพอแล้ว”

ลำหับสะอื้นเบาๆ สลัดความคิดคำนึงถึงบริพัตร หวนกลับมาให้ความสำคัญกับลูกน้อย

“หนูยังห่วงลูกคนัง หนูอยากหาที่ซ่อน พอสัญญาณดังปุ๊บหนูจะเอาเขาไปซ่อนก่อนทันที”

“สัญชาติญาณแม่สุดๆ นางพญาโศก...โอเค เราจะทำที่ซ่อนให้คนัง”

“ถ้าหนูโดนจับตัวไปก่อนที่ตำรวจและคุณยังมาไม่ถึง ช่วยดูแลเขาด้วยนะคะ”

“โอเคครับคุณแม่”

“ขอบคุณมากค่ะ ลำพังตัวหนูไม่เป็นไร แต่ลูกหนูต้องปลอดภัย”

“เขาต้องปลอดภัยแน่นอน ฉันสาบานต่อหน้าไข่เจียวกับปลากกระป๋อง”

“ถ้าหนูเกิดตายไปวันไหน หนูขอยกลูกให้คุณดูแลต่อนะคะ”

“แน่นอน แต่เธอยังไม่ตายหรอก ฉันสาบานทั้งกับตนเองและใครคนหนึ่งเอาไว้ว่าจะปกป้องเธอ ยอมตายแทนเธอได้”

“คุณช่างแสนดี...เหมือนเทวดามาโผล่ให้หนูพบเห็นในวันที่หนูลำเค็ญจนแทบเอาตัวไม่รอด”

ชาตรีมองลำหับทั้งรักและสงสารห่วงใยสารพัด ทำท่าจะก้มลงจูบเรือนผม ขณะที่เธอซบไหล่อยู่ แต่หักห้าม และยับยั้งชั่งใจถอยออกมา

“ฉันตั้งปณิธานเอาไว้ว่า...ต้องหาความสุขความสงบและชีวิตที่ดีให้เธอ ฉันหวังว่าสักวันเธอกับคุณบริพัตรจะมาร่วมเดินทางคู่กันไปจนวันตาย พ่อแม่ลูกต้องไม่พรากจากกัน”

ลำหับสะอื้นเบาๆ ซบหน้ากับอกกว้างของเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

ooooooo



ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น