วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพลิงตะวัน ตอนที่ 8


ขณะที่พยาบาลพิเศษกำลังสาธิตวิธีผสมอาหารเหลวตัวใหม่ของวัฒนาให้กันเกราดูอยู่ในครัว อึ่งถืออุปกรณ์ทำความสะอาดมาที่ห้องของวัฒนาเห็นธงไทยกับตะวันยืนอยู่หน้าห้องก็ร้องทักว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ระวังจะโดนเล่นงานเอาได้ ทั้งคู่ไม่ได้จะเข้าไปรบกวนอะไรท่านเจ้าสัว แค่พาเพื่อนเก่าของท่านมาเยี่ยม

“เพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันนาน ตะวันเคาะห้องแต่คุณพยาบาลไม่อยู่”

“ไปเตรียมอาหารค่ะ จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะคะ ท่านจะได้ดีใจมีคนมาเยี่ยมบ้าง งั้นเดี๋ยวอึ่งค่อยมาทำความสะอาดนะคะ” พูดจบอึ่งหิ้วอุปกรณ์ต่างๆกลับไป

ภายในห้องของวัฒนา ทรงพลนั่งอยู่บนรถเข็นใกล้ๆกับเตียงนอน มองไปยังเจ้าของห้องที่หลับสนิท เขาเริ่มขยับตัว ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ พอเห็นชัดๆว่าใครนั่งอยู่ข้างเตียง ตกใจตาเหลือกราวกับเห็นผี...

ฝ่ายกันเกราดูพยาบาลปรุงอาหารเหลวเสร็จก็เดินออกจากครัว สวนกับอึ่งพอดี อดทักไม่ได้ทำไมทำความสะอาดห้องของวัฒนาเสร็จเร็วนัก เธอยังเข้าไปทำให้ไม่ได้เนื่องจากท่านมีแขกมาเยี่ยม กันเกรางง แขกที่ไหน ทำไมตนถึงไม่รู้ แล้วใครเป็นคนพามา ในเมื่อไม่มีใครอยู่บ้าน

“คุณตะวันค่ะ คุณตะวันพามา”

“อะไรนะ! แม่นั่นพามา...ตายแล้ว” กันเกราวิ่งปรู๊ดออกไปโดยมีพยาบาลพิเศษวิ่งตาม อึ่งได้แต่ยืนงง...

ในระหว่างที่วัฒนาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน นันทาเห็นลูกชายนั่งกระสับกระส่ายอยู่ในรถ อยากกลับไปเห็นหน้านังงูเห่านั่นเร็วๆ ก็หมั่นไส้ แกล้งสั่งให้คนขับรถแวะร้านขนมเจ้าประจำเพื่อถ่วงเวลา นันทวัฒน์รู้ว่าแม่แกล้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทิ้งตัวพิงเบาะรถด้วยสีหน้าหงุดหงิด...

ทางฝ่ายเปลวกลับจากซื้อของ ไม่เห็นทรงพลอยู่ที่ห้องรับแขก สอบถามเด็กรับใช้ได้ความว่าไม่อยู่ไปบ้านเพื่อน เธองงมากไปได้อย่างไรในเมื่อเธอเอารถไป พอรู้ว่าปรางค์ทองเป็นคนมารับตัวไป เธอถึงกับนั่งไม่ติด...

ทรงพลเห็นวัฒนาหน้าตาตื่นพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถทำได้ ก็หัวเราะสะใจ

“ไอ้ที่จมูกนั่นน่ะ ท่าทางจะเกะกะนะ ไม่เป็นไรเพื่อน เดี๋ยวฉันจะเอาออกให้” ทรงพลว่าแล้วเอื้อมมือไปหยิบสายออกซิเจนออก

ที่หน้าห้องของวัฒนา ตะวันเอาแต่ชะเง้อเข้าไปในห้องจนธงไทยต้องปลอบว่าอย่าเป็นกังวลไปเลย ทรงพลคงกำลังพูดให้ท่านเจ้าสัวเข้าใจในตัวเธอได้ เธอพยักหน้ารับรู้ ยังไม่ทันจะว่าอะไร กันเกราจ้ำพรวดๆเข้ามาโดยมีพยาบาลพิเศษวิ่งตามมาด้านหลัง มองตะวันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ฉันเกือบจะหลงกลหล่อน นังงูเห่า” ไม่พูดเปล่า กันเกราผลักตะวันพ้นทางแล้วพรวดพราดเข้าไปในห้อง เห็นทรงพลถือสายออกซิเจนอยู่ในมือ ขณะที่วัฒนาหายใจพะงาบๆสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด เธอโวยวายใส่ทรงพลว่าคิดจะทำอะไร เขาไม่ได้ผิดหวังที่ถูกขัดจังหวะ เพราะถึงอย่างไรเขาไม่ได้อยากให้วัฒนาตาย แค่อยากจะทรมานเล่นเพื่อความบันเทิง กันเกราเห็นวัฒนาช็อกหมดสติ รีบสั่งการให้พยาบาลพิเศษโทร.ตามรถพยาบาล

ooooooo

ทันทีที่พาทรงพลกลับถึงบ้าน ตะวันต่อว่ายกใหญ่ที่หลอกใช้เธอ วัฒนาเกือบต้องตายเพราะความโง่ของเธอ เขายิ้มสะใจ คนอย่างมันตายได้ยิ่งดี เพราะเป็นคนทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้

“ท่านหมายความว่ายังไง”

“ปรางค์ หนูจำอะไรไม่ได้เลยหรือลูก จำไม่ได้หรือว่าหนูเข้าไปบ้านหลังนั้นเพื่ออะไร”

ตะวันไม่เข้าใจว่าทรงพลหมายถึงอะไร เปลวไม่อยากให้เธอรู้ถึงความเลวร้ายของตัวเอง ชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่าเธอเข้าไปในบ้านวัฒนาก็เพื่อแต่งงานกับคนที่เธอรัก แล้วรีบดึงตัวธงไทยกับตะวันออกมาหน้าบ้าน บอกให้เขาพาตะวันกลับไร่นวลตะวันอย่ากลับมาที่นี่อีก ตนไม่อยากเห็นเธอตกเป็นเครื่องมือของใครอีกต่อไป

“แต่ท่านเป็นพ่อ เป็นผู้มีพระคุณของเรานะคะ ถ้าไม่มีท่าน เราสองคนคงจะ...”

“ปรางค์ แยกให้ออก ระหว่างการตอบแทนบุญคุณกับการก่อกรรม”...

นันทากับนันทวัฒน์รีบไปที่ห้องไอซียูทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากกันเกรา เห็นวัฒนานอนหลับไม่ได้สติมีเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมดก็ใจเสีย หมอเจ้าของไข้รายงานว่าครั้งนี้เขาอาการหนักมาก เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด นันทาขอร้องให้หมอดูแลเขาอย่างดีที่สุดอย่าให้เขาจากไป หมอรับคำแล้วเดินออกจากห้อง เธอไม่รอช้าหันมาเล่นงานลูกชาย เห็นหรือยังว่านังงูเห่านั่นทำอะไรกับพ่อของเขา

“แต่ปรางค์ไม่รู้เรื่องนะครับคุณแม่ เธอจำอะไรไม่ได้”

“แกเชื่อมันเหรอ”

พยาบาลหันมาส่งสัญญาณให้เบาเสียงลงหน่อย ทนงศักดิ์ซึ่งตามมาสมทบรีบพาทั้งคู่ออกไปคุยกันข้างนอก แล้วรายงานว่าวันนี้หมอไม่อนุญาตให้เฝ้าไข้ ดังนั้น นันทาควรจะกลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เขาจองห้องพิเศษไว้ให้แล้ว ท่านเจ้าสัวอยู่ในมือหมอแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง นันทาพยักหน้ารับรู้ ยังไม่ทันจะขยับ

ไปไหน ธงไทยกับตะวันเดินเข้ามาเสียก่อน เธอถึงกับเลือดขึ้นหน้า ตวาดใส่ว่ายังหน้าด้านมาที่นี่อีกหรือ

“ตะวันอยากมาเยี่ยม...”

“อยากมาเยี่ยมหรือมาทำให้ท่านเจ้าสัวตายเร็วขึ้น นังงูเห่า” นันทาปรี่เข้าไปตบหน้าตะวันทันที นันทวัฒน์กับทนงศักดิ์ต้องช่วยกันตัวออกมา ธงไทยรีบเข้าไปดูแลตะวันพลางต่อว่าทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย

“แล้วที่มันทำล่ะ คนอย่างมันสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น นายยังไม่รู้จักมันดีนายชาวไร่ รู้ตัวอีกทีชีวิตนายจะไม่มีอะไรเหลือเลย จำคำของฉันไว้”

“ผมไม่สนใจว่าอดีตของเธอจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้เธอเป็นคนใหม่แล้ว เธอไม่หลงเหลือความเป็นคนเดิมแล้ว ทำไมพวกคุณไม่ให้โอกาสเธอบ้าง”

ตะวันขอร้องนันทาให้โอกาสเธอได้ขอโทษวัฒนาด้วย นันทากลับไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นหน้า ธงไทยรีบพาตะวันออกมาให้พ้นจากอารมณ์เกรี้ยวกราดของนันทา

ooooooo

กันเกรารำคาญที่อึ่งเอาแต่ร้องไห้ สั่งให้หยุด ร้องได้แล้ว ตนไม่โทษเธอเรื่องนี้เพราะเธอไม่รู้จัก

นังงูเห่านั่นดีพอ ตนเองก็เกือบหลงเชื่อว่ามันจะกลับเนื้อ กลับตัวได้ เด็กรับใช้ซึ่งอยู่ทันปรางค์ทองและเคยเห็นฤทธิ์เดชมาแล้ว กลับเชื่อว่าเธอความจำเสื่อมจริงๆ เพราะเธอเปลี่ยนไปมากราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

“คนเราเกิดมาเหมือนผ้าขาว อยู่ที่คนเลี้ยงดูจะแต้มแต่งสีอะไรลงไป แม่นั่นน่ะถูกเลี้ยงมาด้วยความแค้น ความอาฆาต ก็กลายเป็นคนร้ายกาจ พอความจำเสื่อมไปเจอคนดีๆเลี้ยงดูมาก็กลายเป็นคนดีขึ้นมา แต่อดีตก็คืออดีต ทำเลวร้ายมามากใครลบล้างไม่ได้หรอก” กันเกราอธิบาย...

ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ตะวันเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด เสียใจที่เกือบทำให้วัฒนาตาย ธงไทยได้แต่ปลอบว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ อย่าเสียใจไปเลย เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้

“ตะวันอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด ตะวันอยากแก้ไข”

“บางทีถ้าเราไม่รู้มันเสียเลยอาจดีกว่าก็ได้นะตะวัน”...

ทางด้านทรงพลไม่พอใจที่เปลวปล่อยลูกกลับไป แทนที่จะให้สานงานแก้แค้นพวกบ้านวัฒนาต่อให้เสร็จ เธอไม่เห็นด้วย ลูกของเธอทำเพื่อเขามามากแล้ว และคนบ้านนั้นก็ได้รับผลกรรมไปแล้ว ขอร้องอย่าให้ลูกไปก่อกรรมทำเข็ญอีกเลย ทรงพลโกรธมากถึงกับด่าหยาบๆคายๆ

“อีเปลว อีเนรคุณ ฉันขุดแกมาจากซ่อง แกไม่รู้บุญรู้คุณเลยหรือ”

“ยี่สิบปีที่ผ่านมา ฉันถือว่าฉันชดใช้ให้ท่านไปหมดแล้วค่ะ” พูดจบเปลวเดินจากไป ทรงพลฉุนขาดตะโกนด่าไล่หลัง แต่เธอไม่สนใจทิ้งให้เขาสติแตกอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง...

ณ ริมทางเท้าไม่ห่างจากโรงพยาบาลที่วัฒนารักษาตัวนัก รันหงุดหงิดที่ต้องมาช่วยแม่ขายหมูปิ้ง พอต๋องขี่มอเตอร์ไซค์มารับ เธอแกล้งขอแม่ไปเข้าห้องน้ำแล้วโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ของเขาหนีเที่ยวทันที แม่พยายามร้องเรียกให้กลับมาก่อนแต่เธอไม่สนใจ จังหวะนั้นมีลูกค้ารายหนึ่งเข้ามาซื้อหมูปิ้ง สังเกตเห็นแม่ค้าท่าทางเงอะงะมองไม่ค่อยเห็นคิดจะโกงอย่างหน้าไม่อาย แทนที่จะจ่ายค่าหมูปิ้งที่ตัวเองซื้อในราคา 40 บาท เขากลับจ่ายธนบัตรใบละ 20 บาทให้ แต่บอกว่าเป็นใบละ 50 บาท

“อ๋อจ้ะ ตาไม่ค่อยดี เดี๋ยวนะจ๊ะ” แม่ของคีริน เชื่อใจ หยิบเหรียญสิบบาททอนให้ลูกค้ากำลังจะไป แต่ตะวันกับธงไทยผ่านมาเห็นพอดี ทนไม่ได้เข้าไปโวยวายว่าเห็นเขาให้ธนบัตรแค่ 20 บาทเท่านั้น ลูกค้าเห็นท่าทางเอาเรื่องของเธอกับธงไทยแล้วไม่กล้าหือ ควักธนบัตร 20 บาทอีกใบหนึ่งโยนให้แม่ค้า ธงไทยทวงเหรียญสิบบาทที่แม่ค้าทอนให้เมื่อครู่นี้คืนด้วย เขาโยนเหรียญลงพื้นแล้วอาศัยจังหวะนั้นวิ่งหนี ตะวันเก็บเหรียญสิบบาทคืนให้แม่ของคีรินซึ่งขอบใจทั้งคู่ยกใหญ่ เท่านั้นยังไม่พอ ตะวันเห็นฝนกำลังจะตก ชวนธงไทยช่วยแม่ค้าหมูปิ้งเก็บร้าน แถมอาสาพาไปส่งถึงบ้านอีกต่างหาก

ooooooo

เปลวหยิบเอกสารกับพาสปอร์ตที่แอบไปทำมาได้พักหนึ่งขึ้นมาดู พลางคุยโทรศัพท์กับพิม

“เอกสารพร้อมหมดแล้ว บัญชีก็มีเงินหมุนค่าใช้จ่ายในบ้านอยู่ ตัวเลขไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ส่วนเงินสดที่จะติดตัวไปก็มีเท่าที่แกเห็นนั่นแหละ...ขอบใจมากนะพิมสำหรับทุกอย่าง วีซ่าจะผ่านหรือไม่ก็แล้วแต่บุญกรรม”

เปลววางสายแล้วเดินไปดูเงินที่ซ่อนเอาไว้ ใจหายวาบที่เงินหายไปหมด มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือเด็กรับใช้ ตามไปคาดคั้นให้เอาเงินมาคืน เธอปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป ไม่ได้มีแต่เธอเท่านั้นที่เข้าห้องเปลวได้ ยังมีคุณท่านอีกคนหนึ่ง เปลวโกรธมาก

“ท่านเป็นแบบนั้น จะเข้าไปที่ห้องฉันได้ยังไง”

เด็กรับใช้ยืนกรานไม่ได้เป็นคนเอาเงินไปแล้วร้องไห้โฮ ทรงพลได้ยินเสียงเอะอะ เข็นรถเข็นเข้ามา

ถามว่ามีอะไรกัน เปลวโกหกว่าไม่มีอะไร แล้วไล่เด็กรับใช้ไปทำงานที่ค้างไว้ต่อไป ส่วนเธอเองก็ขยับจะไปเหมือนกัน ทรงพลไม่พอใจถามซ้ำว่ามีเรื่องอะไรกัน เปลวเดินหนีไม่ยอมตอบคำถาม

“อย่าทำแบบนี้กับฉันนะ เปลว” ทรงพลตะโกนไล่หลังอย่างหงุดหงิด...

ที่ไร่นวลตะวัน วันนี้อากาศร้อนจัด นวลทำงานในไร่ตั้งแต่เช้ายันบ่ายเริ่มไม่ไหว เป็นลมล้มฟุบไปตรงนั้น จ๊ะจ๋ารีบเข้าไปประคอง ขณะที่เจียมตะโกนเรียกให้ไผ่มาช่วยกันพาเธอกลับเรือนใหญ่...

ในเวลาเดียวกัน คีรินกำลังจะไปทำงาน แต่ไม่เห็นแม่กลับจากขายหมูปิ้ง ชักเป็นห่วง กำลังจะออกไปตาม เจอตะวันกับธงไทยกำลังช่วยกันเข็นรถขายของเข้ามากับแม่ของเธอเสียก่อน เธอขอบคุณทั้งคู่มาก แล้วอดสงสัยไม่ได้ว่ารันไปไหนทำไมไม่กลับมาด้วย แม่อึกอักก่อนจะแต่งเรื่องว่าท่านใช้ให้รันไปซื้อถุงพลาสติก คีรินมองถุงพลาสติกบนรถเข็นแล้วถอนใจ เดาได้ไม่ยากว่าแม่ให้ท้ายน้องอีกแล้ว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ธงไทยเห็นฝนตั้งเค้าใกล้ตกเต็มที ก็ขอตัวกลับก่อน พูดไม่ทันขาดคำ ฝนเริ่มลงเม็ด

“รถจอดตั้งไกล ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว เข้าบ้านป้าก่อนเถอะค่ะ”...

นันทาเห็นลูกชายผุดลุกผุดนั่งชะเง้อคอยาวรอนังงูเห่ากลับมาก็อดหงุดหงิดไม่ได้ พาลด่าว่าลูกตัวเองว่าทำตัวเหมือนคนบ้าไม่มีผิด เขาไม่เข้าใจทำไมแม่ถึงไม่ให้โอกาสเธอบ้าง ในเมื่อเธอเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว

“จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้ง แกมันโง่ ดูมันไม่ออก ฮึ ป่านนี้มันพากันไปนอนกกกับผัวใหม่ของมันที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” นันทายิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์บูด เดินหนีขึ้นห้อง พิชิตได้แต่มองเจ้านายด้วยความสงสาร

“ถ้าเธอมาแล้วผมจะรีบไปบอกคุณวัฒน์ครับ คุณวัฒน์เข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ”...

ตะวันเห็นแม่ของคีรินเอาใบตองมาเย็บเป็นกระทง กุลีกุจอเข้าไปช่วย คีรินเห็นเธอทำได้อย่างคล่องแคล่วอดชมไม่ได้ว่าเก่ง ตนทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นเลยสักอย่าง ตะวันอาสาจะสอนให้ แล้วเรียกคีรินมานั่งใกล้ๆ

“เออแน่ะ แม่จะสอนทำไม่เคยสนใจ คุณตะวันชวนนิดเดียวก็ยอมทำ”

ทุกคนพากันหัวเราะขำ คีรินรู้สึกถูกชะตากับตะวันอย่างบอกไม่ถูก

ooooooo

หนูพุทธนั่งนวดขาให้นวลที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง เจียมกับจ๊ะจ๋าถือถาดใส่อาหารเข้ามาเห็นเธอยังไม่ตื่นก็เริ่มเป็นกังวล ปกติแล้วนวลเป็นลมไม่นานก็ฟื้น ทำไมวันนี้นอนยาวนัก จ๊ะจ๋าแนะให้ไผ่พาเธอไปหาหมอดีกว่า นวลรู้สึกตัวตื่นพอดี เสียงแข็งใส่ว่าไม่ต้อง แค่เพลียเพราะแดดร้อนไม่จำเป็นต้องถึงมือหมอ

“ไม่ไหวก็อย่าฝืนเลยค่ะคุณ ไปให้หมอดูหน่อยเถอะ”

นวลยืนกรานเสียงแข็งว่าไหว หรือเจียมหาว่าเธอแก่ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องพูดชวนหนูพุทธกินข้าวกัน

ดีกว่า อ้างหิวมาก ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง เจียมกับจ๊ะจ๋าได้แต่มองหน้ากัน ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเธอดี...

ฝนขาดเม็ดแล้ว ถึงเวลาตะวันต้องบอกลาคีรินกับแม่ แม้จะไม่อยากกลับไปที่บ้านวัฒนาเท่าใดนัก แม่ของคีรินชวนให้มาเที่ยวที่นี่อีก ตะวันรับปากจะมาเยี่ยมเธอบ่อยๆ เพราะมาแล้วสบายใจ แล้วเข้าไปกอดเธอก่อนจะเดินออกไปกับธงไทย แม่ของคีรินมองตามเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ที่เดินจากไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข

“เขาไปกันหมดแล้ว หุบยิ้มได้แล้วแม่ แก้มปริแล้วเนี่ย” คีรินกระเซ้าจบ เข้าไปกอดแม่พลอยสุขใจไปด้วย

ขณะสองแม่ลูกกำลังจะเดินเข้าบ้าน ต๋องขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดส่งรัน แม่จำเสียงรถของเขาได้ รู้ว่า คีรินรอเล่นงานน้องอยู่ รีบชวนให้รันพาตนเข้าบ้าน แล้วไล่คีรินไปทำงานได้แล้ว เธอได้แต่มองน้องสาวตาเขียว รันจ้องตอบไม่เกรงกลัว แล้วจูงแม่เข้าบ้าน...

ท้องฟ้าคำรามครืนๆ ฝนทำท่าจะตกอีกครั้ง ธงไทยขับรถบ่ายหน้ากลับบ้านวัฒนา แต่สายตาคอยเหลือบมองตะวันเป็นระยะๆ เห็นเธอถอนใจเฮือกๆสีหน้าเป็นกังวลรีบเบนรถจอดข้างทาง ชวนเธอกลับไร่ของเรา หากบ้านนั้นทำให้ไม่สบายใจแล้วจะกลับไปทำไม เธอยืนกรานต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าใครทำกับเธอแบบนี้

“ถ้าตะวันรู้ว่าใครทำตะวัน ตะวันจะต้องจบเรื่องนี้ให้ได้ ถึงวันนั้นก็จะไม่มีใครมาตามจองล้างจองผลาญตะวันอีก แล้วตะวันจะได้กลับไปอยู่ไร่ของเราอย่างมีความสุข ไม่ต้องหวาดระแวง ช่วยตะวันนะคะพี่ไทย” เหตุผลของเธอฟังขึ้น ธงไทยจึงไม่อาจปฏิเสธได้...

ฝ่ายนันทวัฒน์ต้องใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้ม กลัวปรางค์ทองจะหายตัวไปเหมือนคราวที่แล้วอีก นันทาเห็นแล้วหงุดหงิด ต่อว่าลูกชายทำไมต้องทำตัวแบบนี้ ตัดใจลืมนังงูเห่านั่นได้แล้ว เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเป็นอะไรกับเขาและที่สำคัญเธอกำลังจะแต่งงานใหม่ เขาไม่สนใจ ในเมื่อเธอเป็นของเขา เขาจะเอาเธอคืนมาให้ได้

“แล้วหนูยุริญล่ะ หนูยุริญผิดอะไร เราจะทอดทิ้งเธอแบบนั้นไม่ได้นะ” คำพูดของแม่ทำให้เขาชะงัก หลายวันมานี่เขาลืมมยุริญไปสนิท ความจริงเขาชอบเธอมาก เพียงแต่ตอนนี้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดกลับมาแล้ว...

โชคไม่เข้าข้างคีรินเอาเสียเลย ร้านอาหารกึ่งผับที่เธอร้องเพลงอยู่ถูกคนร้ายบุกเข้ามาพังข้าวของเสียหาย เธอรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร แต่ทำอะไรไม่ได้ ร้านต้องปิดซ่อมหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย นั่นเท่ากับเธอต้องขาดรายได้ไปหนึ่งเดือนเช่นกัน

ooooooo

ธงไทยกับตะวันวิ่งฝ่าสายฝนมาจนเกือบถึงตึกใหญ่ของบ้านวัฒนา เขากลับดึงแขนเธอไว้ แล้วพาไปที่ศาลากลางสวน ขอคำมั่นสัญญาจากเธอว่าเราสองคนจะแต่งงานกัน เขาอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเธอไป

“ค่ะ ตะวันสัญญา”

ชายหนุ่มดีใจมาก ดึงเธอมากอด ตะวันกอดเขาตอบเช่นกัน นันทวัฒน์มองลงมาจากตึกใหญ่ด้วยดวงตาแดงก่ำจากฤทธิ์เหล้า อยากจะโดดลงไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่เขาทำได้แค่กระดกเหล้าในมือเข้าปาก

ครู่ต่อมาธงไทยจูงมือตะวันมาส่งหน้าตึกใหญ่ กันเกรากับนันทาออกมาเห็นก็ด่าว่าต่างๆนานาเป็นทำนองว่าค่ำมืดดึกดื่นไปทำบัดสีอะไรกันมาถึงได้กลับมาในสภาพแบบนี้ ทั้งคู่รีบปล่อยมือออกจากกัน ยังไม่ทันจะพูดอะไร นันทนาในสภาพเมาปลิ้นเดินนัวเนียฝ่าสายฝนเข้ามากับตรีทศเสียก่อน

นันทากับกันเกราอับอายมากถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตรีทศเห็นตะวันเนื้อตัวเปียกปอนเสื้อลู่แนบเนื้อมองตาเป็นมัน ตะวันไม่ชอบสายตาที่เขามอง รีบเดินเลี่ยงขึ้นตึก ส่วนธงไทยก็กลับเรือนพักคนงาน กันเกรารีบประคองนันทนาเข้าบ้าน ขณะที่ตรีทศเห็นท่าไม่ดี ขยับจะกลับ แต่นันทาเรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน นายตรีทศ เธอชอบลูกสาวฉันจริงๆหรือ”

“ก็ ชอบสิครับถามได้”

นันทาเห็นสายตาที่เขามองตะวัน รู้ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่และเธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหากเขาอยากจะทำตามที่คิด ตรีทศฉีกยิ้มพอใจที่นันทาเปิดทางให้...

ขณะที่นันทาวางแผนจะยืมมือตรีทศกำจัดนังงูเห่าไปให้พ้นทาง คีรินเป็นกังวลกับการมองเห็นของแม่ที่อาการทรุดลงเรื่อยๆ หยิบเงินที่กันไว้สำหรับใช้ในการผ่าตัดตาแม่ซึ่งซ่อนเอาไว้ออกมานับแล้วใจหายเพราะยังขาดอีกจำนวนมาก แถมตอนนี้ร้านอาหารที่เธอทำงานก็ต้องปิดซ่อม จังหวะนั้นเฮียฮุยโทรศัพท์มาตื๊อให้คีรินรับงานที่เคยคุยกันเอาไว้

“นึกเสียว่าช่วยเฮียหน่อยนะคีริน งานนี้มันต้องใช้คนมีฝีมืออย่างลื้อจริงๆ ไม่งั้นเฮียไม่รบกวนลื้อหรอก เอางี้ เฮียให้เจ็ดแสน เอาไปเลยอีกเท่าตัว เฮียยอมขาดทุน แต่ไม่ยอมเสียชื่อ”

“เจ็ดแสนเลยหรือเฮีย...ฉันเลิกมาพักใหญ่แล้ว กลัวว่าจะทำงานไม่ได้ มือไม้มันแข็งหมดแล้ว ขอเวลาฉันตัดสินใจหน่อยนะ” คีรินวางสายพลางถอนใจหนักใจเนื่องจากไม่อยากก่อกรรมทำเข็ญอีก

ooooooo

ตะวันฝันร้ายว่ากำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับธงไทย แต่อยู่ๆเขาหายวับไปต่อหน้าต่อตา เธอพยายามกวาดตามองหาไปทั่วก็ไม่พบ เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง ทำให้เธอตกใจตื่น ลืมตาโพรงขึ้นท่ามกลางความมืดภายในห้องพัก ถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป พลิกตัวจะหลับต่อ แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นเงาใครบางคนอยู่ในห้อง

แสงฟ้าแลบสว่างวาบเข้ามาทำให้เห็นว่าเป็นพิชิต ตะวันลุกพรวดจะร้องให้คนช่วย แต่เขาไวกว่าพุ่งมา ล็อกตัวพร้อมกับปิดปากเธอไว้ ดุเสียงเข้มจะร้องทำไม หรือว่าจำคนคุ้นเคยไม่ได้ แล้วค่อยๆคลายมือออก

“หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ”

“อย่ามาทำเสแสร้งหน่อยเลย คุณกลับมาทำไม ต้องการอะไรอีก”

“ฉันไม่รู้ ฉันจำไม่ได้จริงๆ ที่คุณพูดหมายความว่าอย่างไร”

จากนั้นเหตุการณ์ตอนที่เธอมาเสนอตัวให้เขาถึงห้องพักก็พรั่งพรูออกจากปากพิชิต ตะวันถึงกับน้ำตาร่วงไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองทำได้ขนาดนั้น พิชิตยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหู

“เชื่อเถอะ คุณทำได้มากกว่านี้อีก จะว่าไปผมก็ชักจะคิดถึงคุณแล้วล่ะสิ จะไม่รื้อฟื้นความหลังกันหน่อยหรือ” ไม่พูดเปล่าพิชิตขยับตัวเข้าใกล้ ตะวันกลัวตัวสั่นขยับหนี เขากลับคิดว่าเธอแสดงละครได้แนบเนียน รุกไล่หนักข้อขึ้น พลันเสียงนันทวัฒน์เคาะประตูห้องพร้อมกับเสียงร้องเรียก “ปรางค์ทอง” ดังขึ้น ตะวันหันไปมองที่ประตู หันกลับมาอีกที พิชิตหายไปแล้ว แม้น้ำเสียงจะบ่งบอกว่านันทวัฒน์เมามาก แต่ความกลัวพิชิตมีมากกว่า ตะวันพุ่งเปิดประตูให้เขาเข้ามา นันทวัฒน์ไม่พูดพล่ามตรงเข้าปลุกปล้ำเธอด้วยความเมา

หญิงสาวอ้อนวอนขอร้องให้หยุด แต่เขาเมาเกินกว่าจะได้ยิน พิชิตเข้ามาใช้สันมือทุบก้านคอเขาสลบเหมือดแล้วหายตัวไปกับความมืด เธอดันร่างไร้สติของนันทวัฒน์พ้นตัว ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้อง ตรงไปทุบประตูห้องของกันเกรา ทันทีที่เจ้าของห้องเปิดรับ ตะวันโผกอดร้องไห้โฮ เธอสัมผัสได้ถึงความกลัวสุดขีดของอีกฝ่าย ถามด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตะวันยังไม่ทันจะพูดอะไร นันทาเดินโวยวายเข้ามาเสียก่อน

“เอะอะอะไรกัน ดึกป่านนี้แล้ว”

ตะวันพานันทากับกันเกราไปที่ห้องพักของเธอ ทั้งคู่เห็นนันทวัฒน์นอนหมดสติอยู่บนเตียงก็ตกใจ

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น เปลวเรียกหาเด็กรับใช้อยู่นาน สองนานไม่เห็นออกมาหา จึงเดินไปดูที่ห้องนอนคนรับใช้ พบเพียงห้องว่างเปล่า ยิ่งมั่นใจว่าเด็กรับใช้คงเอาเงินของเธอหนีไปแล้ว พลันมีเสียงดังขึ้นด้านหลัง

“คราวนี้ก็เหลือแค่ฉันกับเธอแล้วสินะเปลว ถ้าเธอจะใจร้ายใจดำจากฉันไปอีกคน ก็แล้วแต่เธอนะ” พูดจบ ทรงพลเข็นรถเข็นที่ตัวเองนั่งออกไปอย่างหงอยๆ เปลวได้แต่มองตามหนักใจ...

ตะวันหายตัวไป ธงไทยตามหาจนทั่วก็ไม่พบ สอบถามจากนันทวัฒน์ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมตะวันถึงหายตัวไป เขาได้แต่อึกอัก ธงไทยไม่พอใจมาก

“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขอตำหนิคุณนะคุณนันทวัฒน์ คุณต้องการให้เธอกลับมา แต่ทำไมคุณไม่ดูแลปกป้องเธอเลย ถ้าผมเจอตะวัน ผมจะพาเธอกลับบ้าน เราจะแต่งงานกันตามที่เธอสัญญา” ว่าแล้วธงไทยผละจากไป นันทวัฒน์เจ็บปวดใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ผลุนผลันออกจากห้องไม่สนใจเสียงเรียกของแม่

“ตาวัฒน์นั่นแกจะไปไหน แกต้องไปเฝ้าคุณพ่อ นะ”...

ระหว่างขับรถตระเวนหาตะวัน ธงไทยโทร.ถามไผ่ว่าเธอกลับไปที่ไร่หรือเปล่าได้ความว่าไม่ได้กลับ จ๊ะจ๋าพยายามพยักพเยิดให้ไผ่บอกเรื่องอาการป่วยของนวล แต่เขาไม่กล้าพูด ได้แต่บอกว่านวลคิดถึงให้ธงไทยกับตะวันรีบกลับมาเร็วๆ แล้ววางสาย จ๊ะจ๋าตีแขนไผ่ไม่ยั้ง ฐานไม่ยอมบอกธงไทยว่านวลไม่สบาย

ไผ่แก้ตัวว่าขืนบอกไปแบบนั้น นวลได้เล่นงานเขาตายแน่ แนะให้จ๊ะจ๋าโทร.ไปบอกธงไทยเอาเอง เธอส่ายหน้าดิก ไม่กล้าพูดเรื่องนี้เช่นกัน...

ฝ่ายตะวันหนีไปอยู่บ้านคีรินซึ่งสองแม่ลูกให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และให้ถือว่านี่เป็นบ้านของเธอเอง จังหวะนั้นรันเดินปึงปังลงมาจากชั้นบนในชุดนักศึกษามองตะวันด้วยความประหลาดเพราะร้อยวันพันปี บ้านนี้ไม่เคยมีแขกมาเยี่ยมเยียน แม่ของคีรินบอกให้เธอไหว้ตะวัน รันไม่สนใจ ได้แต่แบมือของค่าเทอมจากแม่ คีรินโวยวาย ครบเทอมแล้วหรือทำไมถึงเร็วนัก ตกลงแต่ละปีการศึกษามีกี่เทอมกันแน่

“พูดกับแม่ไม่ได้พูดกับพี่ริน”

แม่เห็นคีรินทำท่าจะเอาเรื่องน้อง รีบตัดบท “เอาเถอะๆ รินมีไหมลูก แม่ยืมก่อนนะ”

คีรินให้รันมาเอาคืนนี้ เธอไม่พอใจที่พี่เตะถ่วง เดินกระแทกเท้าปังๆออกไป คีรินอายตะวันที่น้องสาวไม่มีมารยาท รีบขอโทษแทนเธอด้วย แม่ของคีรินรู้ว่าตะวันมีเรื่องไม่สบายใจถึงได้หนีมาที่นี่ จึงเตือนสติว่า

“ป้าไม่รู้หรอกว่าหนูตะวันมีปัญหาอะไร แต่ป้าอยากให้ลองมองดูบ้านป้า เราจนเงินทองก็ไม่พอใช้ ตาก็กำลังจะบอด ถ้าหนูตะวันมีทุกข์ก็ให้ดูป้า...ป้าน่ะทุกข์จนร้องไห้ไม่ออกแล้ว” พูดจบแม่ของคีรินหัวเราะกลบเกลื่อน ตะวันโผกอดเธอไว้

“คุณป้าเก่งที่สุดเลยค่ะ”

ทางด้านนันทวัฒน์ไม่รู้จะหันไปหาใคร ตัดสินใจแวะไปปรับทุกข์กับมยุริญ นอกจากเธอจะไม่โกรธที่เขาหายหน้าไปตั้งแต่ปรางค์ทองในคราบตะวันกลับมา เธอยังคอยพูดปลอบใจและเป็นกำลังใจให้เขาอีกด้วย ครู่ต่อมา นันทวัฒน์พามยุริญไปเยี่ยมวัฒนาที่ห้องไอซียู พอนันทาเห็นหน้าเธอเท่านั้น น้ำตาร่วงโผกอดไว้แน่นเหมือนจะยึดเธอไว้เป็นที่พึ่ง นันทวัฒน์เห็นแล้วอดสะเทือนใจไม่ได้ นันทาขอบใจมยุริญมากที่มาเยี่ยมวัฒนา

“ขอโทษคุณป้าด้วยนะคะ ยุริญเพิ่งจะทราบ”

“ถ้าคุณลุงรู้ว่าหนูมา คงจะดีใจมาก” นันทาว่าแล้วปรายตามองลูกชาย “...ฉลาดเป็นเหมือนกันนี่ นึกว่าจะโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว”...

ธงไทยไม่รู้จะไปตามหาตะวันที่ไหน เพราะเท่าที่จำได้เธอไม่รู้จักใครในกรุงเทพฯสักคน แล้วนึกถึงเปลวขึ้นมาได้ จึงแวะไปถามว่าตะวันมาที่นี่หรือเปล่า กลับไม่พบแม้แต่เงา...

คีรินมองข้อความในมือถือที่เฮียฮุยส่งมาอ้อนวอนขอร้องให้รับงาน พร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อว่างานนี้ไม่ยากแค่ผู้หญิงคนเดียว เธอมองอย่างชั่งใจจะเปิดอีเมลดูข้อมูลของเป้าหมายที่เขาส่งมาให้ดีหรือไม่ สุดท้ายตัดสินใจเปิดดู มีรูปผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้น ภาพยังไม่ชัดเนื่องจากต้องรอโหลดภาพอยู่ จังหวะนั้นตะวันเข้ามาในห้อง เธอจึงเอามือถือวางไว้ ตะวันแค่จะมาขอโทษที่มารบกวนทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกัน

“ไม่เป็นไรหรอกคุณตะวัน มีคุณตะวันมาอยู่ด้วย แม่ดูมีความสุขมาก”

ตะวันขอให้คีรินเรียกแค่ชื่อเฉยๆไม่ต้องมีคำว่าคุณนำหน้า ส่วนเธอก็จะเรียกคีรินว่าพี่ริน ภาพในมือถือของคีรินค่อยๆชัดขึ้น เธอกลัวตะวันจะเห็นรีบปิดเครื่องทั้งๆที่ยังไม่ได้ทันได้ดูรูปเป้าหมาย

ooooooo

บนถนนไม่ห่างจากบ้านวัฒนานัก ตรีทศรำคาญนันทนาที่เมาปลิ้นเอาแต่ตะโกนร้องเพลงฟังไม่ได้ศัพท์ แถมพยายามจะเข้ามานัวเนียด้วยจนรถเสียหลักเกือบจะชนรถอีกคันหนึ่งที่แล่นสวนมา เขาโมโหมาก

“ยัยบ้าเอ๊ย เมาเหมือนหมา ดูสิรถเกือบจะชนแล้ว”

นันทนากลับหัวเราะชอบใจ แล้วทำท่าจะอาเจียน ตรีทศทนไม่ไหวรีบรถจอดข้างทางแล้วเอื้อมไปเปิดประตูด้านที่เธอนั่งแล้วดันตัวออกจากรถลงไปนั่งแปะกับพื้น เธอยังหัวเราะไม่หยุดราวกับเป็นเรื่องตลก

“บ้ากันไปใหญ่แล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป ยัยบ้า กลับบ้านเองแล้วกัน” ตรีทศขับรถจากไปอย่างฉุนเฉียว

ด้วยความเมา นันทนาไม่ได้ตระหนักถึงอันตราย ถนนตรงนั้นทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ยังคงยืนหัวเราะไปพลางเต้นแร้งเต้นกาไปด้วย ผู้ชายสองคนเดินสวนมาชี้ชวนให้ดูชุดรัดรูปยั่วยวนของเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย...

ธงไทยกำลังขับรถบ่ายหน้ากลับบ้านวัฒนา หวังว่าตะวันจะกลับไปรอที่นั่น ขณะจะเลี้ยวรถเข้าซอยบ้าน เห็นนันทนาเดินเมาแอ่นโดยมีชายแปลกหน้าสองคนพยายามจะหิ้วเธอไปด้วย เขามองปราดเดียวรู้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เรื่องดี รีบจอดรถลงไปช่วย ชายแปลกหน้าไม่ยอมปล่อยนันทนาเป็นอิสระ ชักมีดขึ้นมาจะแทง ธงไทยฝีมือการต่อสู้เหนือกว่าเล่นงานทั้งคู่กระเจิง แล้วพานันทนากลับบ้านอย่างปลอดภัย

แทนที่จะได้รับคำขอบใจจากนันทาผู้เป็นแม่ที่ช่วยลูกสาวของเธอเอาไว้ กลับหาว่าธงไทยคิดจะทำมิดี มิร้ายกับนันทนาเพื่อแก้แค้นเธอ กว่าเขาจะอธิบายให้เธอเข้าใจ เล่นเอาเหนื่อยใจ...

ฝ่ายตะวันเก็บเอาเรื่องที่พิชิตเล่าถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเธอกับเขาไปฝันร้ายว่าธงไทยปฏิเสธที่จะแต่งงานด้วยแถมด่าเธอว่าสกปรกที่มีผู้ชายมาข้องแวะมากหน้าหลายตา ตะวันทนฟังไม่ได้ต้องเอามือปิดหู

“หยุด...ไม่จริง...ไม่จริง”

คีรินกำลังจะเปิดดูรูปเป้าหมายในมือถือที่เฮียฮุยส่งมาให้ เห็นตะวันนอนละเมออยู่ที่ฟูกข้างเตียงตัวเอง รีบวางมือถือแล้วลุกไปนั่งข้างๆเขย่าตัวปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย เธอลืมตาโพลง ดึงแขนคีรินทั้งสองข้างไว้ ถีบตัวลอยข้ามหัวล้มกลิ้งไปกับพื้นห้อง แล้วตามเข้าไปจะซ้ำ คีรินคว้าคอเสื้อเธอไว้เสียก่อนด้วยสัญชาตญาณมือสังหาร ต่างฝ่ายต่างจ้องกันเขม็ง ทันใดนั้นไฟในห้องเปิดพรึบ แม่ของคีรินส่งเสียงเอะอะ

“อะไรกัน มีอะไรหรือเปล่ารินเอ๊ย โจรขึ้นบ้านหรือลูก”

เสียงของท่านปลุกให้ตะวันได้สติ เห็นตัวเองดึงคอเสื้อคีรินอยู่ก็ตกใจรีบปล่อยมือ คีรินเองก็ปล่อยมือจากคอเสื้อเธอเช่นกัน ประหลาดใจกับท่าทีแปลกๆของเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร บอกแค่ว่าเธอคงจะฝันร้าย

“แย่จริง ละเมออีกแล้วหรือเนี่ย ตะวันขอโทษนะคะทำให้คุณป้าตื่น”

รันเดินงัวเงียเข้ามาโวยว่าเสียงดังอะไรกัน ไม่รู้จักเกรงใจคนจะหลับจะนอน แล้วจัดแจงทวงเงินค่าเทอม

จากคีริน อ้างพรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า คีรินเดินไปหยิบเงินจากที่ซ่อน โดยไม่รู้ว่ารันมองตามตาวาว แล้วยื่นให้น้องสาวด้วยความเสียดาย เพราะรู้เท่าทันว่าเธอไม่ได้เอาเงินจำนวนนี้ไปจ่ายค่าเทอมอย่างที่กล่าวอ้าง

อีกมุมหนึ่งหน้าบ้าน พิชิตยืนพิงมอเตอร์ไซค์มองขึ้นไปบนห้องของคีริน รู้ว่าตะวันอยู่ที่นั่นแต่กลับนิ่งเฉย

ooooooo

ตะวันตื่นแต่เช้าเห็นแม่ของคีรินกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว กุลีกุจอเข้ามาช่วย คุยว่าตอนอยู่ที่ไร่ช่วย

แม่นวลทำครัวเป็นประจำ แม่ของคีรินชมไม่หยุดปากว่านับเป็นโชคดีของเธอที่มีแม่นวลคอยสั่งสอนให้ได้ดี

“ป้ามันคงทำเวรกรรมมามากถึงได้เกิดมาลำบากยากจนแบบนี้ แถมตาก็มองไม่ค่อยเห็น หนูยังเด็กยังมีโอกาส หมั่นประกอบกรรมดีไว้นะ อย่าไปก่อเวรก่อกรรมกับใคร จำคำป้าไว้นะ”

คีรินยืนพิงประตูครัวแอบฟังแม่คุยกับตะวันไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก ระหว่างนั้นรันย่องลงมาจากชั้นบน ไม่ทันเห็นพี่สาวยืนอยู่ คีรินเห็นท่าทางมีพิรุธของน้องสาว ร้องทักว่าทำอะไรดูพิลึกชอบกล เธอถึงกับสะดุ้งโหยง รีบผลุนผลันออกจากบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ คีรินได้แต่มองตามสงสัย...

ต๋องขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านคีริน เห็นพิชิตยืนพิงมอเตอร์ไซค์คันเท่อยู่ ชมว่ารถของเขาสวยมาก อีกฝ่ายไม่อยากเสวนาด้วย คว้าหมวกกันน็อกมาสวมแล้วขี่มอเตอร์ไซค์จากไป รันออกมาเห็นหลังเขาไวๆ ถามต๋องว่านั่นใคร

“ไม่รู้สิ หยิ่งฉิบเป๋ง พูดด้วยก็ไม่พูด...ได้เงินมาหรือเปล่า”

รันพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของต๋องที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว...

ธงไทยกลุ้มใจมากไม่รู้จะไปตามหาตะวันที่ไหน จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับวิวซึ่งแนะให้ไปแจ้งความ เพราะเธออาจโดนคนบ้านนั้นทำร้ายเอาอีกก็ได้ เขายืนยันว่าพี่อึ่งคนรับใช้ในบ้านวัฒนา เห็นเธอผลุนผลันออกจากบ้านไปเองตั้งแต่เช้ามืด เขาจนปัญญา ตามหาทุกที่ที่คิดว่าเธอจะไปก็ไม่พบ

“ต้องมีที่ที่ไทยยังนึกไม่ถึง แต่วิวเชื่อว่า ความรักจะพาไทยไปหาตะวันจนเจอ” ปากพูดไป แต่ในใจวิวอดเจ็บแปลบไม่ได้...

ในที่สุดธงไทยก็นึกถึงแม่ของคีรินขึ้นมาได้ จึงลองแวะมาดูที่บ้าน เจอตะวันกำลังช่วยคีรินตากผ้าอยู่หน้าบ้าน คีรินรู้งาน รีบเดินเลี่ยงออกมา ปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง ธงไทยอยากรู้เหตุผลทำไมตะวันถึงหนีมา เธอเอาแต่ส่ายหน้าไม่กล้าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขาจับมือเธอมากุมไว้ แต่เธอชักมือกลับ

“เพราะพี่เหรอตะวัน พี่ทำอะไรผิด” ธงไทยถึงกับหน้าเสีย

“พี่ไทยไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะหาคนผิด คงมีแต่ตะวันเท่านั้นค่ะ” พูดได้แค่นั้น ตะวันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกคอหอย รีบเปลี่ยนเรื่องพูด “ว่าแต่พี่ไทยรู้ได้ยังไงคะว่าตะวันอยู่ที่นี่”

“ความรักไงตะวัน ความรักจะช่วยให้เราหาคนที่เรารักจนเจอ” ธงไทยว่าแล้วดึงตะวันมากอด เธอจะขยับตัวหนีเพราะคิดว่าตัวเองสกปรกเกินไปสำหรับเขาแต่ธงไทยกอดไว้แน่น พิชิตแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่งไม่ห่างกันนักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ooooooo

ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยของวัฒนา นันทวัฒน์เห็นมยุริญมาอยู่เฝ้าพ่อเป็นเพื่อนแม่ของเขา จัดแจงจะขอตัวกลับก่อน นันทารู้ทันหันไปทำตาขวางใส่

“อย่าแม้แต่จะคิดนะตาวัฒน์ ถ้าแกก้าวออกไปจากห้องนี้ เราขาดกัน”

นันทวัฒน์อึดอัดใจมาก อยากไปตามหาตะวันใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้าขัดใจแม่...

หลังจากขอบคุณคีรินกับแม่ที่ช่วยดูแลตะวันอย่างดี ธงไทยชวนหญิงคนรักกลับ แม่ชวนคีรินเดินมาส่งหน้าบ้าน อวยพรให้ทั้งคู่โชคดีแล้วหันไปถามลูกสาวว่าตะวันกับธงไทยหน้าตาเป็นอย่างไร คีรินคุยให้ฟังว่าทั้งสวยทั้งหล่อเหมาะสมกันมาก แม่เสียดายที่ตาไม่ดี ไม่อย่างนั้นคงเห็นด้วยตาตัวเอง ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไร

“ไม่ใช่เวรใช่กรรมหรอก แม่เป็นจอประสาทตาเสื่อม มันพอจะรักษาได้อยู่ รอฉันเก็บเงินหน่อยนะ”

“เรื่องเวรกรรมมันมีจริงนะ ทำบาปทำกรรมก็ต้องเป็นแบบนี้แหละโดยเฉพาะการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต บาปนัก” คำพูดของแม่ทำให้คีรินนึกถึงเหยื่อสังหารมากมายที่ต้องตายด้วยน้ำมือของตัวเอง

“เอาชีวิตเขา สักวันเราก็ต้องโดนเอาชีวิตคืนบ้าง...จำไว้นะริน สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่อยากเห็น คือเห็นรันมันเรียนจบ แม่สวดมนต์ทุกวันให้กลับมามองเห็น แม่อยากเห็นรันมันรับปริญญา”...

มยุริญไม่ได้มาเยี่ยมวัฒนาเปล่าๆ แต่ยังช่วยบีบนวดมือนวดขาอย่างเอาใจใส่ คนป่วยค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นเธอนั่งเฝ้าอยู่ก็ยิ้มให้ ทั้งนันทากับนันทวัฒน์ดีใจมากที่เขาฟื้น มยุริญรู้งานขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน นันทาเข้าไปลูบเนื้อลูบตัววัฒนาด้วยน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะหันไปเล่นงานลูกชาย

“เห็นหรือยัง ผู้หญิงที่แกหลงหัวปักหัวปําทำกับพ่อแกปางตาย กับอีกคนที่แกไม่ได้เลือก แม่คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะตาวัฒน์” นันทารีบเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อเห็นมยุริญออกจากห้องน้ำ “เดี๋ยวให้ตาวัฒน์ไปส่งนะจ๊ะหนูยุริญ ตาวัฒน์ต้องไปเอาของที่บ้านหนูให้ป้าด้วย”

นันทวัฒน์เห็นสายตากร้าวของแม่แล้วไม่กล้าหือกล้าอือ จำต้องทำตามที่ท่านต้องการ...ตลอดทางขับรถมาส่งมยุริญที่บ้าน นันทวัฒน์เอา
แต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาจนอีกฝ่ายอึดอัดใจ จังหวะนั้นมี เสียงมือถือของเขาดังขึ้น นันทวัฒน์จอดรถข้างทางแล้วกดรับสาย ทนงศักดิ์โทร.มาแจ้งข่าวว่า

“เธอกลับไร่ไปกับคุณธงไทยแล้วครับ เอ่อผมโทร.ถามคุณธงไทยครับ”

“ก็เท่านั้นเอง ขอบคุณมากครับคุณทนงศักดิ์” นันทวัฒน์วางสายสีหน้าเครียด

“ทราบแล้วหรือคะว่าคุณตะวันไปไหน” มยุริญเห็นเขาพยักหน้าแทนคำตอบ ถามอีกว่าแล้วจะทำอย่างไรต่อไป เขาอยากจะไปตามเธอกลับมาแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร มยุริญอาสาจะช่วยให้เขาสมหวัง นัดแนะให้วันพรุ่งนี้มารับเธอด้วย ปล่อยให้เรื่องนันทาเป็นหน้าที่เธอเองไม่ต้องเป็นห่วง นันทวัฒน์นึกขอบคุณในความมีน้ำใจของมยุริญ และนึกเสียใจไปพร้อมๆกันที่ไม่อาจตอบสนองความรักและความดีที่เธอมีต่อเขาได้

ooooooo

ธงไทยพาตะวันกลับไร่นวลตะวันในคืนนี้เลย ทุกคนที่ไร่ดีใจมากที่ทั้งคู่กลับมา นวลเห็นสีหน้าอมทุกข์ของตะวันแล้ว อดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไร ดูไม่มีความสุข เธอได้แต่ส่ายหน้า

“กลับบ้านกันได้สักทีนะ อย่าไปไหนอีกเลยนะลูกนะ ตะวัน ธงไทย แม่จะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุด”

“ไม่ได้ค่ะ” คำปฏิเสธของตะวันทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะธงไทยพานคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ หรือไม่ก็เป็นเพราะเธอไม่มีเขาในใจอีกแล้ว เธอโทษว่าเป็นเพราะเธอเองต่างหากที่เลวจนไม่คู่ควรกับเขา

“ตะวันไปรู้อะไรมา บอกพี่สิ ใครบอกอะไรตะวัน”

หญิงสาวน้ำตาคลอไม่กล้าเล่าเรื่องที่พิชิตบอกว่าเคยมีอะไรกับตัวเอง รวมทั้งเรื่องที่ถูกนันทวัฒน์ลวนลาม ได้แต่ส่ายหน้า จ๊ะจ๋าขอร้องให้เธอลืมอดีตไปให้หมด ตอนนี้เธอเป็นคนของไร่นวลตะวัน เป็นขวัญใจของทุกคนที่นี่และเป็นดวงใจของธงไทย ทุกคนช่วยกันกล่อมจนตะวันคล้อยตามและยิ้มออกมาได้ในที่สุด นวลอ้าแขนรอรับตะวันโผกอดท่านทันที ธงไทยเข้ามาร่วมวงกอดด้วยอีกคน ทุกคนดีใจที่ทุกอย่างลงเอยด้วยดี...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ต๋องเอาเงินที่รันขโมยมาจากคีรินไปสั่งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมจากตรีทศ และนัดส่งของกันตรงถนนเปลี่ยวสายหนึ่ง โดยนันทนาทำหน้าที่เป็นคนส่งของให้รันถูกใจกระเป๋าที่เพิ่งได้มามากกอดถุงไว้แน่น กระทั่งต๋องขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดส่งหน้าบ้าน คีรินได้ยินเสียงรถเปิดประตูออกมาดู ต๋องไม่อยากโดนเล่นงานรีบขี่รถจากไป คีรินเห็นถุงช็อปปิ้งในมือน้องสาวก็เตือนว่าช่วงนี้ใช้เงินระวังๆหน่อย แม่ต้องรักษาตา รันไม่สนใจสะบัดหน้าเดินเข้าบ้าน เธอได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา...

ดึกแล้วแต่ตะวันยังนอนไม่หลับ ครุ่นคิดถึงอดีตอันเลวร้ายของตัวเองแล้วรู้สึกผิดต่อธงไทย ลุกขึ้นมานั่งอยู่ในความมืดอย่างเงียบๆ คำพูดของแม่ของคีรินที่ว่า ถ้ามีผู้ชายดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตก็ให้รักษาไว้ยังดังก้องอยู่ในหู เธอสับสนมากไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดนี้ดี หรือจะปล่อยให้ธงไทยได้ไปเจอคนดีๆที่ไม่มีรอยบาปอย่างเธอ

สุดท้ายตะวันตัดสินใจลุกออกจากห้อง ทันทีที่ประตูห้องปิด นวลพลิกตัวมามอง ถอนใจ หนักใจ ก่อนจะพลิกกลับไปนอนลืมตาโพลงอย่างเงียบเชียบ

ครู่ต่อมาตะวันเข้าไปหาธงไทยที่ห้องนอนของเขาหวังจะมอบกายมอบใจให้ ทีแรกเขาเองก็เกือบจะอดใจไม่ไหว แต่แล้วมโนธรรมที่นวลเฝ้าสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ฉุดรั้งจิตใจเขาเอาไว้จึงปฏิเสธเธออย่างนุ่มนวล

“พี่อยากให้ตะวันจำไว้อย่างเดียวว่าพี่ไม่เคยไม่รักและไม่ต้องการตะวัน พี่รอแทบไม่ไหวที่จะให้ถึงวันแต่งงานของเรา ตะวันไม่ต้องคิดมากนะครับ ขอบคุณที่ทำเพื่อพี่” คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย เธอกลับมาที่ห้องด้วยความเสียใจ โดยไม่ล่วงรู้ว่านวลยังไม่หลับ นอนลืมตาโพลงรอเธอกลับมา

ธงไทยเองก็หลับไม่ลงเช่นกัน ไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ทำแบบนั้น

ooooooo

ไร่นวลตะวันมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยียนแต่เช้า แม้นวลกับธงไทยจะไม่สบายใจนักกับการมาครั้งนี้ของนันทวัฒน์กับมยุริญ แต่ก็จำเป็นต้องให้ตะวันไปพบและพูดจากับนันทวัฒน์ตามลำพังที่ระเบียงบ้าน

“พี่เข้าใจและคงจะไม่เซ้าซี้ ถ้าปรางค์จะไม่กลับไปกับพี่ พี่เพียงแต่อยากจะขอโทษในสิ่งที่พี่ทำลงไป พี่รู้ว่ามันแย่มาก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะพี่รักปรางค์มาก พี่ไม่เหลือโอกาสแล้วหรือปรางค์ ให้โอกาสพี่อีกครั้งไม่ได้เหรอ” นันทวัฒน์เห็นเธอนิ่งไม่ตอบ พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินคอตกลงไปหามยุริญที่นั่งรออยู่ด้านล่าง

พอมยุริญเห็นเขาเดินหน้าเศร้าเข้ามาก็รู้ทันทีว่ากล่อมตะวันไม่สำเร็จ เข้าไปจับแขนเขาเบาๆอย่างปลอบใจ ตะวันแอบมองลงมาจากระเบียงบ้าน ไม่ค่อยชอบใจนัก

ที่เห็นอีกฝ่ายแสดงความห่วงใยนันทวัฒน์ และที่สำคัญเมื่อคืนนี้เธอเพิ่งถูกธงไทยปฏิเสธ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง

มยุริญปล่อยมือจากนันทวัฒน์แล้วถอยออกห่าง แต่ไม่ทันระวังสะดุดรากไม้จะล้ม เขาคว้าเธอไว้ในอ้อมกอดได้ทัน ตะวันมองภาพตรงหน้าเขม็ง พลันแววตาของเธอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวรีบลงไปบอกนันทวัฒน์ว่าจะให้โอกาสเขาแก้ตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหูว่าเมื่อครู่นี้เธอพูดอะไร

“ฉันจะกลับไปกับคุณ”

ธงไทยมาทันได้ยินพอดีตัดพ้อว่าจะกลับไปทำไม ตะวันหันมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าจนเขาใจแป้ว

ooooooo


ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น