วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 8


วันนี้วีรอรทำซุปฟักทองเสร็จก็เรียกเพียงนภามากินกัน แต่เพียงนภากำลังจะออกไปข้างนอกบอกว่าไปหาเพื่อน ถูกวีรอรดักคอว่าไปหาเพื่อนหรืออติเทพกันแน่

เพียงนภาโมโห โวยวายว่าตนบอกเพื่อนก็เพื่อนสิ แม่จะมากักตนให้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ ตนก็มีสังคมเหมือนกัน วีรอรหว่านล้อมว่าสังคมข้างนอกน่ากลัวมาก ไม่มีใครหวังดีกับเธอเท่าแม่หรอก มากินซุปร้อนๆ โรยพริกไทย นิดหนึ่งเสร็จแล้วเรามาเลโก้ที่เราต่อค้างกันดีกว่า เพียงนภาปัดซุปฟักทองทิ้งพูดเสียงดังลั่น

“ไม่! หนูไม่กิน กินซุปนี้ทีไร หนูคิดถึงหน้าไอ้มูมู่ที่มันนอนตายเพราะกินซุปฝีมือแม่ทุกที” วีรอรตกใจมองซ้ายมองขวาปรามว่าพูดอะไรออกมา วันนี้ดาหวันอยู่ที่นี่ด้วย “นังดามันอยู่บ้านหลังใหญ่ มันไม่มาที่นี่หรอก แล้วที่หนูพูดมันก็เรื่องจริงทั้งนั้น ทุกคนก็คิดว่าเป็นฝีมือหนู ทั้งๆที่แม่ต่างหากที่เป็นคนวางยามัน”

ที่ประตูนั่นเอง ดาหวันเดินมายืนฟังอยู่ เธอตัวสั่นด้วยความสะเทือนใจเมื่อรู้ว่ามูมู่ตายเพราะถูกวีรอรวางยา

กานต์ตามมายกมือแตะบ่าปลอบใจแล้วพาดาหวันเดินออกไป แต่ในบ้าน เพียงนภากับวีรอรยังโต้เถียงกันไม่เลิก

“เพราะงั้น แม่เลิกทำซุปฟักทองให้หนูกินเสียที หนูเห็นทีไรหนูอยากจะอ้วก หนูไม่สนุกกับเกมของแม่อีกแล้ว เชิญแม่เล่นไปคนเดียวเถอะ”

เพียงนภาลุกขึ้นเปิดตู้เก็บของในครัว ดึงเสื้อกับน้ำหอมที่ซ่อนไว้ออกมา หันไปเตือนว่า

“อ้อ...แล้วไอ้เสื้อกับน้ำหอมที่แม่เอาไว้หลอกผีนมมาลัยก็วางให้มันมิดชิดกว่านี้หน่อยนะ เดี๋ยวคราวหน้าจะไม่มีเล่น” เธอโยนทั้งเสื้อและน้ำหอมใส่หน้าวีรอร

แล้ววิ่งออกไปแบบไม่ให้แม่ตั้งตัวทัน วีรอรได้แต่ตะโกนตามหลังให้กลับมา...กลับมา

ooooooo

ดาหวันสะเทือนใจและสับสนมาก ถามกานต์ที่เดินเคียงคู่มาว่า ตนจะเชื่อใจใครได้อีกบ้าง ทุกคนที่อยู่รอบตัวล้วนแต่ตีสองหน้ากับตน ไม่มีใครเชื่อได้เลย ตนกำลังอยู่ท่ามกลางคนแบบไหนกัน!

กานต์บอกให้ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ ตั้งสติไว้ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ดาหวันยังอยู่ในวังวนของความสับสนว้าวุ่น

“แล้วพินัยกรรมอีก พ่อเขียนพินัยกรรมแบบนั้นได้ยังไง มันยิ่งทำให้ทุกคนดูเหมือนจะจ้องฉีกเนื้อกันเอง รวมทั้งฉันด้วย มันต้องมีอะไรผิดพลาด พ่อไม่ควรเขียนพินัยกรรมไว้แบบนี้ ไม่ควร...ไม่ควรไม่ควร!”

“ฟังผมนะ” กานต์รวบตัวดาหวันที่เดินพล่านไว้ “พ่อคุณเป็นคนมีจิตใจดีและมีเมตตากับญาติพี่น้อง ท่านจึงเขียนพินัยกรรมขึ้นมาบนพื้นฐานที่คิดว่าทุกคนรักกัน เอื้อเฟื้อกัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนทุกคนล้วนแต่มีความโลภอยู่ในใจกันทั้งนั้น และที่สำคัญในแต่ละคนมันไม่เท่ากันเสียด้วย ความเท่าเทียมที่พ่อคุณคิดไว้ จึงไม่บังเกิด...ก็เท่านั้นเอง”

“มันก็จริงของคุณ แล้วฉันควรทำยังไงต่อไป”

“ก็ดูแลทุกคนอย่างที่พ่อคุณต้องการและยอมรับมัน พร้อมกับระมัดระวังตัวเองด้วยก็ยิ่งดี” ดาหวันมองหน้าเขาพูดอย่างหวาดหวั่นว่าเขากำลังทำให้ตนกลัว “ผม...ผมก็แค่เตือนไว้ คนเราควรดำเนินชีวิตด้วยความ ไม่ประมาทอยู่แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะดาร์ลิ่ง อีกอย่างนะ คุณอยู่ใกล้ผม ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก”

กานต์เบ่งกล้ามทำติดตลกให้คลายเครียด ดาหวันพลอยสนุกไปด้วย หยิบไม้อันเล็กๆขึ้นมา กานต์รับมุกคุกเข่าลงทันที ดาหวันใช้ไม้แตะบ่าเขาทีละข้าง พูดเสียงขรึม ขลัง

“งั้นเราขอแต่งตั้ง ให้เป็นอัศวินพิทักษ์เรา”

“ขอบพระทัยองค์หญิง” กานต์รับมุกพลอยสนุกไปด้วย ทั้งสองต่างนึกถึงวัยเด็กที่เคยเล่นและพูดกันแบบนี้ไม่มีผิด

ooooooo

แล้วเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น วันนี้ขณะที่ดาหวันกับกานต์กำลังเดินออกจากห้างสรรพสินค้า ถูกป้ายโฆษณาร่วงลงมาตรงดาหวันพอดี! กานต์กระโดดผลักดาหวันหลบพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด

เห็นดาหวันไม่เป็นไรแล้ว กานต์มองขึ้นไปที่ป้ายโฆษณาซึ่งดูยังแข็งแรง พลันก็ชะงักเมื่อเห็นมีคนบนโครงป้ายนั้นชะโงกลงมาดูผลงาน กานต์บอกให้ดาหวันอยู่ตรงนี้ก่อนแล้ววิ่งไปเลย ดาหวันเรียกก็ไม่ฟัง เธอตัดสินใจถอดรองเท้าวิ่งตามไป

กานต์วิ่งไปเห็นชายลึกลับกำลังปีนลงมาทางบันไดหนีไฟ เขาปีนตามจนเกือบทันก็ถูกมันชักปืนยิงสกัดแต่ไม่ได้หมายเอาชีวิต กระสุนไปถูกเหล็ก กานต์วิ่งไล่ตามไปจนถูกมันยิงที่แขนได้รับบาดเจ็บทำให้เขาจับบันไดหนีไฟพลาดตกลงมา ดาหวันเห็นเขาลอยลงมาก็ร้องกรี๊ด แต่พอดูอีกทีก็โล่งใจที่เขาตกลงไปในรถขนขยะพอดี!

ดาหวันรีบวิ่งลงไป ปีนขึ้นรถขนขยะคุ้ยหากานต์ จนเขาถามขึ้นจากข้างล่างว่า

“คุณขึ้นไปหาสมบัติเหรอ ไม่มีหรอก ในนั้นมีแต่ขยะ ผมอยู่นี่”

พอเห็นกานต์ตัวเป็นๆ ยืนยิ้มกริ่มอยู่ ดาหวันเปลี่ยนจากดีใจกลายเป็นโกรธ งอน ค่อยๆปีนลงมา

ดาหวันทั้งดีใจทั้งโกรธทั้งงอน อารมณ์แปรปรวนจนกานต์แปลกใจ ยิ่งเมื่อเธอทุบเขาถามว่าคิดว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้วิ่งตามคนร้ายมือเปล่าแบบนั้น รู้ไหมว่ามันบ้ามาก เลยถูกกานต์ทำหน้าอำแซว...

“อืม...แต่ไอ้ที่คุณโวยวายแบบนี้แสดงว่าคุณก็เป็นห่วงผมน่ะสิ แบบนี้ตายก็คุ้มแล้วกานต์เอ๋ย ได้เมียทั้งสวยแล้วก็รักเราขนาดนี้”

ดาหวันทั้งเขินทั้งเคืองเลยหยิกแขนเขา ถูกแผลพอดี กานต์แกล้งร้องราวกับเจ็บเจียนตาย ดาหวันตกใจแต่พอรู้ทันว่าเขาแกล้งก็เมินทำเฉย พอดีตำรวจมา ตำรวจเอาไขควงสำหรับถอดนอตกับนอตสองสามตัวที่ตกอยู่ใกล้โครงเหล็กยึดแผ่นป้ายให้ดู กานต์อึ้ง เพราะเป็นไปอย่างที่ตนคาดไว้ ทั้งกานต์กับดาหวันมองหน้ากันนิ่ง

ooooooo

กลับถึงบ้านนมมาลัยถามดาหวันว่าเป็นอะไร หรือเปล่า เธอพูดให้นมสบายใจว่าไม่เป็นอะไร ตนปลอดภัยและมันเป็นอุบัติเหตุ เห็นนมมาลัยสบายใจ ดาหวันบอกให้เด็กรับใช้พานมไปนอนพักผ่อนเสีย

พอนมมาลัยออกไปแล้ว เธอถามกานต์ว่า เขาคิดว่าเป็นฝีมือใคร ตนไม่มีศัตรูที่ไหนทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย แม้กานต์จะเชื่อว่าเป็นการกระทำที่มุ่งต่อดาหวัน แต่ก็พูดให้เธอสบายใจว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดคือ...ทำผิดตัวก็เป็นได้ แต่ดาหวันยังไม่เชื่อ กานต์ทำหน้าตายถามว่า

“อ้าว...ไม่เห็นข่าวเหรอคุณ ยิงผิดตัวอะไรอย่างนี้ คิดไปก็ไม่มีประโยชน์น่า ไว้ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเขาสืบสวนดีกว่านะ เรากลับบ้านกันเถอะ ผมชักเริ่มเจ็บแผลขึ้นมาแล้ว” ดาหวันจำต้องออกไปทั้งที่ยังกังวลอยู่

ที่มุมห้อง พรรณีแอบฟังอยู่ ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน กลัวเรื่องจะสาวมาถึงตัว พลันก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีมือมาแตะที่หลัง พอหันไปเห็นเป็นรุจิกาก็ถอนใจโล่งอก

พรรณีพารุจิกาไปหาอิทธิมาเฟียที่ไปกู้เงินมา อิทธิมองรุจิกาแต่เท้าไล่ไปจนถึงหน้าถามพรรณีว่าเอามาส่งดอกหรือ ก็ใช้ได้นะ พรรณีโมโหด่าไอ้ทุเรศ ถามว่าเรื่องป้ายโฆษณาเป็นฝีมือเขาใช่ไหม อิทธิรับว่าใช่ด่าลูกน้องว่างานง่ายๆดันพลาด

“พวกแกทำจริงๆ รู้ไหมว่าแกกำลังทำให้ฉันเดือดร้อนนะ ใครๆก็รู้ว่าฉันมีเรื่องกับยายดาอยู่”

“อ้าว...ก็เจ๊บอกเองไม่ใช่เหรอ ถ้านังนั่นมันตาย เจ๊จะได้มรดกมีเงินมาคืน นี่ใจดีจัดให้โดยไม่ต้องขอเลยนะ”

“ฉันยังไม่อยากซวยไปกับแก เรื่องนี้ถึงตำรวจแล้วนะ อย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยว”

“ไม่ต้องห่วง ตำรวจตามไม่ถึงหรอก” อิทธิชักมีดออกมาปาดคอลูกน้องที่ทำงานพลาดให้ดูต่อหน้า ถามพรรณียิ้มๆว่า “ตกลงว่าไง เจ๊หาดอกมาจ่ายผมได้รึยัง หรือว่าจะจ่ายทั้งต้นทั้งดอกก็ได้นะ”

รุจิการีบเปิดกระเป๋าหยิบสร้อยคอออกมาส่งให้พรรณี พรรณีรับส่งต่อให้อิทธิบอกว่าตนมีให้แค่นี้แหละ อิทธิบอกว่าก็พอได้ แต่แค่นี้ได้แค่ดอกนะ พรรณีทำท่าจะโวยแต่พอเห็นสายตาพิฆาตของอิทธิก็เงียบกริบกลัวจนตัวสั่น

ooooooo

คืนนี้ดาหวันนอนฝันร้ายสะดุ้งตกใจตื่นเหงื่อเต็มหน้า เริ่มปวดหัวขึ้นมา รู้สึกหิวน้ำจึงเดินไปที่ห้องแพนทรี ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ ลองเดินตามเสียงไป เห็นห้องหนังสือประตูปิดไม่สนิทมีแสงไฟส่องลอดออกมา

ดาหวันย่องไปแอบดู เห็นกานต์ ประจวบ และทนายสิทธินั่งคุยกันอยู่ เธอหลบแอบฟัง ได้ยินกานต์บอกว่าดาหวันหลับสนิทอยู่ข้างบน เราคุยกันได้เต็มที่ ประจวบเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“ครั้งนี้มีหลักฐานชัดๆ เห็นคนทำเต็มๆ แต่ก็จับตัวคนบงการไม่ได้อยู่ดี เรื่องมันเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนะ”

สิทธิบ่นว่าเปิดพินัยกรรมแล้วนึกว่าดาหวันจะปลอดภัยขึ้น แต่ดูเหมือนชีวิตดาหวันกลับยิ่งอันตรายขึ้น

“มันจะง่ายกว่านี้มาก ถ้าไม่มีดาหวันเสียคน ทุกคนก็จะได้ประโยชน์ ไม่มีดาหวันทุกอย่างก็จบ” กานต์พูดจริงจัง

“เพราะฉะนั้น ทุกคนที่อยู่รอบตัว จึงสามารถเป็นคนสั่งฆ่าหนูดาได้หมด!” ประจวบสรุป

ดาหวันตกใจกับคำพูดของกานต์แล้วยิ่งเมื่อได้ยินประจวบสรุปเธอถึงกับมืออ่อนทำแก้วน้ำตกแตก กานต์พรวดออกมาทันที เห็นดาหวันยืนตัวสั่นอยู่ เธอมองทุกคนถามเสียงสะท้านว่า

“มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตดา บอกดาทีได้ไหม ครั้งนี้มีคนจงใจฆ่า มีครั้งนี้ก็แปลว่ามีครั้งก่อนหน้านี้ใช่ไหมคะ แล้วใคร ใครเป็นคนทำ บอกดาสิ อธิบายให้ดารู้อย่าเงียบกันไปหมดแบบนี้ ชีวิตดา ดามีสิทธิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บอกมาสิคะ”

ประจวบบอกว่าพวกตนไม่ได้คิดจะปิดบังเธอแต่อยากให้ทุกอย่างชัดเจนก่อนเพราะกลัวเธอตกใจเหมือนที่เป็นอยู่นี่ไง กานต์ก็บอกว่าที่ผ่านมาตนพยายามบอกแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมเปิดใจรับฟัง ถึงตอนนี้เธอคงพร้อมแล้ว แล้วกานต์ก็เล่าว่า

“เรื่องที่คุณรถคว่ำจนทำให้ความจำเสื่อม มันไม่ใช่อุบัติเหตุ เราพบหลักฐานว่ามีคนเจาะน้ำมันเบรกรถคุณ” ดาหวันถามว่าใคร! กานต์ส่ายหน้า ดาหวันเอ่ยชื่อทุกคนในบ้านกระทั่งถามว่าหรือว่าเป็นตัวเขา รำพึงว่า

“ฉันคงทำตัวน่าเกลียดน่าขยะแขยงมากจนมีคนอยากฆ่าให้ตาย หรือเพราะถ้าฉันตายทุกคนก็จะได้ประโยชน์ทันทีอย่างที่คุณบอก มันเป็นทั้งสองอย่างมากกว่านะ จริงไหม!”

ดาหวันมองหน้าไล่ไปทีละคนอย่างเจ็บปวดแล้ววิ่งไป กานต์รีบตามไป แต่เธอวิ่งเข้าห้องปิดประตูล็อกไว้ เรียกก็ไม่ตอบ เขากลับมาถามประจวบว่าจะเอาอย่างไรดี แล้วก็นึกได้ว่าตนมีกุญแจห้อง ทำท่าจะวิ่งขึ้นไป

“ให้หนูดาอยู่เงียบๆกับตัวเองสักพักเถอะ” ประจวบพูดอย่างผู้มีประสบการณ์ กานต์จึงชะงัก

ooooooo

เพราะรู้ว่าดาหวันเครียดและอยู่ในภาวะอันตรายที่จะต้องมีคนดูแลใกล้ชิด กานต์จึงพาเธอไปที่ออฟฟิศ ให้เธอนั่งรอในห้องทำงาน ส่วนตัวเองไปประชุม
จิตราเลขาของกานต์มาดูแลและชวนคุย เล่าเรื่องที่กานต์เที่ยวป่าวประกาศว่าแต่งปุ๊บจะมีลูกปั๊บ คุยติดลมว่า

“พวกเราดีใจกันทั้งออฟฟิศเลยค่ะ คุณกานต์จะได้หยุดทำงานลงบ้างบ้าพลังเหลือเกิน ทุกคนทำงานแทบไม่ทันอยู่แล้ว คิดว่าแต่งงานแล้วคุณกานต์จะเพลามือลงหน่อย ที่ไหนได้งานเยอะกว่าเดิมอีกค่ะ คงเพราะตั้งแต่แต่งงานกับคุณดา เราก็ได้ความน่าเชื่อถือกลับมา บริษัทมั่นคงเต็มที่ มีทั้งเงิน ทั้งกำลังคน”

จิตราคุยเพลินพอนึกได้ก็ขอตัวบอกว่าถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็เรียกได้ไม่ต้องเกรงใจ

พอจิตราออกไป ดาหวันก็เครียดสับสนจนมือปัดของบนโต๊ะหล่น ก้มลงเก็บเห็นกล่องอะไรวางซ่อนอยู่ใต้โต๊ะหยิบดูเป็นปืนสั้นอยู่ในนั้น! ดาหวันตกใจไม่คิดว่าคนอย่างกานต์จะมีปืนด้วย ทันทีก็นึกถึงคำเป่าหูของอติเทพที่ว่า เธอรู้จักกานต์ดีแค่ไหน เธอแค่เห็นเขาในสิ่งที่เขาอยากให้เห็นในระยะเวลาแค่ 2-3 เดือนเอง ดาหวันยังคิดถึงที่เธอแอบได้ยินกานต์พูดเมื่อคืนที่ว่า “มันจะง่ายกว่านี้มาก ถ้าไม่มีดาหวันเสียคน ทุกคนก็จะได้ประโยชน์ไม่มีดาหวันทุกอย่างก็จบ”

ดาหวันรีบเก็บปืนใส่กล่องโทร.บอกจิตราว่ามีเรื่องอยากรบกวนหน่อย พลางก็พลิกแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับผลประกอบการของออฟฟิศดูอย่างเร็ว เธอเริ่มปวดหัวขึ้นมาอีก เมื่อจิตรายกแฟ้มมาให้ดาหวันเปรยๆว่า

“ดูเหมือนผลประกอบการของบริษัทเติบโตก้าวกระโดดจริงๆ”

“ค่ะ...เรามีกำไรขึ้นมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วของปีเดียวกัน”

“ช่วงฉันแต่งงานพอดีสินะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นสองสามปีก็ดูจะทรงๆด้วยซ้ำ ฉันคงเป็นตัวนำโชคจริงๆ”

ขณะจิตรากำลังงงๆ ไม่รู้ว่าดาหวันหมายถึงอะไรนั่นเอง มือถือของจิตราดังขึ้น พอวางสายเธอบอกดาหวันว่า

“คุณกานต์บอกว่าประชุมเสร็จแล้วค่ะ กำลังมา”

ครู่หนึ่งเมื่อกานต์มาที่ห้องปรากฏว่าดาหวันหายไปแล้ว จิตราแปลกใจบอกว่าเมื่อกี๊ยังอยู่ บอกว่าอยากทานกาแฟตนจึงไปชงให้ สงสัยว่าจะไปห้องน้ำ
กานต์เอะใจ มองที่โต๊ะเห็นของบนโต๊ะไม่ได้อยู่ที่เดิม มองไปใต้โต๊ะเห็นกล่องปืนโผล่มาไม่เหมือนเดิม กานต์เอะใจรีบเดินออกไป

ดาหวันเดินอย่างเร็วออกไปพลางโทร.หาเจนจิราแต่เจนจิรากำลังน็อกบอร์ดอยู่ไม่ได้ยิน กริชที่มานั่งพักหยิบดูร้องบอกว่าดาหวันโทร.มา เจนจิราจึงขอให้พี่ชายช่วยรับสาย พอปลายสายรับดาหวันก็รีบบอกว่าให้มารับหน่อย พอรู้ว่าเป็นคมกริชรับสายเธอบอกให้เขารีบมารับหน่อยตนไว้ใจใครไม่ได้เลย คมกริชตกใจถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ ดาหวันบอกว่าเรื่องมันยาวเร่งให้เขารีบมารับ คมกริชถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ดาหวันไม่ทันบอก กานต์ก็ทักขึ้นอย่างดีใจ

“ดาร์ลิ่ง! คุณอยู่นี่เอง”

พอได้ยินเสียงกานต์ดาหวันก็วิ่งหนี ในขณะที่คมกริชยังถามว่าเธออยู่ไหน จนเจนจิราวิ่งกลับมาถามว่าดาหวันว่าอย่างไรบ้าง?

ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น