วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 13



เช้าวันรุ่งขึ้น จิตรามาหากานต์ที่บ้านต่อว่าที่โทร.มาแล้วไม่รับสาย แล้วบอกว่าวันนี้ 10 โมงมีนัดที่กองปราบ

กานต์ตอบเบื่อๆว่าถามเรื่องเดิมๆซ้ำๆ ให้เธอไปแทนทีตนป่วย ให้ทนายไปด้วยก็ได้ แต่พอจิตรายื่นซองให้บอกว่านักสืบส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้แล้ว พอกานต์เปิดอ่านถึงกับร้อง “เฮ้ย!!” แล้วเดินอ้าวไปเลย หายป่วยเป็นปลิดทิ้งไปถึงห้องสอบสวน กานต์ยืนเท้าโต๊ะถามตำรวจว่า

“ปีเตอร์ตายด้วยการขาดอากาศหายใจ ไม่ใช่หัวใจวายใช่ไหมครับ” เห็นตำรวจเงียบ กานต์รุก “ผลชันสูตรออกมาแล้ว แต่แล้วทำไมคดีถึงไม่คืบหน้าเลย”

ตำรวจมองหน้ากันเองแล้วบอกกานต์ว่า “เราสอบถามคุณครองขวัญ เธอบอกว่าปีเตอร์หายไปตั้งแต่หลังงานจบ หลังจากนั้นเธอก็ติดต่อปีเตอร์ไม่ได้อีกเลย จนมารู้อีกทีเมื่อเห็นปีเตอร์เป็นศพแล้ว” เห็นกานต์ร้องเอ๊ย ตำรวจถาม “คุณคิดอะไรออกหรือ”

“ผมกำลังคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครเจอปีเตอร์เลย มันต้องมีสักคนสิ ช่วงเวลาก่อนที่ดาหวันจะเจอกับปีเตอร์มันหายไปไหน”

“เราก็คิดเช่นนั้นและตามหาความจริงอยู่ มีของอีกชิ้นของคุณปีเตอร์ที่เรายังหาไม่เจอ และคิดว่านี่จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่น่าจะช่วยเราคลี่คลายคดีได้”

“อะไรเหรอครับ” กานต์จ้องหน้าตำรวจสนใจจี๋

ooooooo

ครองขวัญทำงานอีเวนต์เสร็จ ขอบคุณไก่ผู้จัดงานที่ให้กำลังใจตนว่า

“จริงๆเรื่องนี้ขวัญรู้มาก่อนตั้งนานแล้ว ไม่งั้นปีเตอร์เขาคงไม่มาเมืองไทยหรอก แต่ไม่อยากพูดมาก”

“อุ๊ยตาย จริงเหรอ แม่พระจริงๆค่ะคุณน้อง แต่ผลบุญก็ส่งผลเร็วนะคะ ตอนนี้ก็กลายเป็นมาดามสุดฮอตร้อยล้านไปแล้วใช่ไหมคะ” ทั้งสองหัวเราะกันเบาๆ แล้วครองขวัญก็ขอตัว “เชิญเถอะค่ะคุณน้อง ไม่รั้งไว้แล้ว แหม...อิจฉาจริงๆ มีคนดูแลเร็วจัง” พลางปรายตามองกานต์ที่มายืนหลบๆรอครองขวัญ พอเธอเดินมาก็รีบไปช่วยรับกระเป๋า

“รอนานไหมคะ” ครองขวัญยิ้มหวาน

“ไม่ต้องซีเรียสหรอกขวัญ ขวัญยังยอมคบกับคนที่มีคดีแบบผม แล้วทำไมแค่นี้ผมจะรอไม่ได้” กานต์หวานยิ่งกว่าทำเอาครองขวัญยิ้มหน้าบาน

ooooooo

นมมาลัยเห็นดาหวันเครียดๆ จึงชวนไปเดินเล่นที่ห้าง หยอกเธอว่าอย่าหายไปเหมือนวันก่อนอีกนะ

ดาหวันขอโทษที่เผลอหลับไป ชมว่ายังไงนมก็ยังหาเจอ นมมาลัยยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร เพราะที่จริงกานต์เป็นคนเจอและอุ้มเธอขึ้นไปที่ห้องนอน แต่กำชับนมมาลัยว่าอย่าบอก เพราะเธอคงไม่แฮปปี้แน่ๆ ถ้ารู้ว่าคนที่โกงเงินเธอเป็นคนอุ้มมา

นมมาลัยมัวคิดถึงคำกำชับของกานต์เลยหยุด

ยืนอยู่กลางถนน ถูกรถบีบแตรเสียงดังตกใจจนเซ ดาหวันถลาไปรับไว้ทัน เป็นรถของกานต์ เขาลงมาพร้อมครองขวัญที่เกาะแขนแจมาด้วย มาถึงครองขวัญก็ลอยหน้าว่าทันที

“ถ้าดูแลใครไม่ได้ก็ไม่ควรพาออกมานะคะ ดูสิ... นมมาลัยหน้าซีดเชียว เดี๋ยวก็ช็อกไปอีกคน เดี๋ยวจะโดนอีกข้อหา... ดูคุณดาถนัดทำเรื่องตื่นเต้นๆนะคะ” ดาหวันฉุนขาดปรามว่าพูดแบบนี้ตนฟ้องหมิ่นประมาทได้นะ “โอ๊ะ...กลัวจังค่ะกานต์ขา ภรรยาคุณโกรธขวัญเสียแล้ว” ครองขวัญใส่จริตจนน่าหมั่นไส้

กานต์ผสมโรงเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหยียดหยามดาหวัน ว่าเป็นคนสำส่อน เมื่อถึงเวลาที่ควรทิ้งตนก็ต้องทิ้ง ขณะเดียวกันก็ทำเป็นเห็นคุณค่าของครองขวัญ ที่ผ่านมาตนต้องแต่งงานกับดาหวันเพื่อพ่อ แต่เมื่อตนทำเพื่อพ่อไปแล้วต่อไปนี้ก็ถึงเวลาที่ตนจะเป็นอิสระ รอให้คดีของ

ดาหวันจบพ่อก็คงเลิกบังคับตน แต่ก็อาจจะอีกนานหน่อย ครองขวัญถามว่าทำไมหรือ?

กานต์อ่อยจนครองขวัญมีความหวัง แล้วจึงเล่าว่า

“ตำรวจเรียกผมไปสอบปากคำ เขาบอกว่ายังสรุปสำนวนไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานสำคัญที่ช่วยปิดคดีนี้โดยสมบูรณ์”

“อะไรคะ” ครองขวัญถามทันที กานต์ตอบนิ่งๆ แต่คอยสังเกตปฏิกิริยาของเธอว่า

“โทรศัพท์! น่าแปลกที่ตำรวจยังหาโทรศัพท์ของปีเตอร์ไม่เจอ ถ้าเจอ ตำรวจคาดว่าคงได้หลักฐานสำคัญในการติดต่อกันของดาหวันกับปีเตอร์ ที่จะมัดตัวดาหวัน ให้ดิ้นไม่หลุด!”

ooooooo

ฝ่ายอติเทพกับอรอุมา สองพี่น้องที่สมคบกันวางแผนที่จะจับดาหวันหวังฮุบสมบัติที่เธอจะได้ตามพินัยกรรม แต่แผนการไม่สำเร็จสักที

วันนี้อรอุมาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มโดยมีอติเทพไปยืนรอเอาเงินอยู่ ปรากฏว่าเงินเหลือแค่พันเดียว อติเทพ ไม่พอใจถามว่าเงินแค่พันเดียว อีกตั้งอาทิตย์กว่าจะสิ้นเดือนจะพอใช้ได้อย่างไร ถามอรอุมาว่ารับแขกอีกเมื่อไร รับให้มันเยอะๆหน่อย อรอุมาทนไม่ไหวถามว่าไหนว่าจัดการกานต์ได้แล้วเราจะสบายไง แล้วทำไมปล่อยให้ดาหวันไปมั่วกับฝรั่งจนถูกปลดจากตำแหน่งแบบนี้

“ฉันรู้สึกมันแปลกๆกับเรื่องนี้ รู้สึกเหมือนโดนสองคนพี่น้องนั้นมันหลอก มันไม่เห็นเป็นไปตามแผนที่ตกลงไว้”

“เพิ่งรู้เหรอ ฉันว่านังขวัญกับพี่ชายมันหลอกพี่เต็มๆเลยล่ะ เห็นไหมว่ามีแต่มันคนเดียวที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ป่านนี้มันคงนั่งหัวเราะเยาะพวกเราอยู่ แล้วพี่จะอยู่เฉยๆแบบนี้เหรอ”

“ของแบบนี้มันต้องดูกันยาวๆ พี่แกเคยยอมให้คนอื่นเอาเปรียบเหรอ!” อติเทพจิกตาร้าย

ooooooo

หลังจากกานต์อ่อยล่อจนครองขวัญตายใจแล้ว เขาติดตามการเคลื่อนไหวของเธอ วันนี้เห็นครองขวัญใส่แว่นตาดำ แอบไปค้นห้องที่ปีเตอร์ตายเพื่อหาโทรศัพท์ หลักฐานสำคัญที่ตำรวจกำลังต้องการ

เธอหาจนเจอโทรศัพท์ที่ตกในซอกใต้โซฟา พอล้วงออกมาได้ เธอมองอย่างโล่งใจที่ตัดหน้าตำรวจได้รีบเอาโทรศัพท์จะออกจากห้อง แต่พอเปิดประตูก็เจอกานต์ยืนอยู่ เธอเอาโทรศัพท์ซ่อนข้างหลังทันที

“คุณเจอโทรศัพท์ปีเตอร์แล้วสินะ” เสียงกานต์ถามอย่างเป็นต่อ แล้วดันเธอกลับเข้าไปในห้อง

ครองขวัญบีบน้ำตาบอกว่าตนไม่รู้เรื่องจริงๆ กานต์ถามว่าแล้วเธอย้อนกลับมาที่นี่อีกทำไม เธอรู้ได้อย่างไรว่าโทรศัพท์ปีเตอร์หล่นอยู่ในห้องนี้ เธอเจอปีเตอร์ก่อนเขาตายถึงได้แวะมาที่นี่อีกใช่ไหม

เมื่อถูกจับได้ไล่ต้อนจนมุม ครองขวัญก็คร่ำครวญว่ากานต์ใจร้ายกับตน หลอกตนเพื่อดาหวันทั้งๆที่ดาหวัน ไม่ได้รักเขาเลย กานต์โต้ว่า “แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ใส่ร้ายใครว่าเป็นฆาตกร”

ครองขวัญอ้างว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ตนถูกปีเตอร์ทุบตีแล้วจะให้ตนอยู่เฉยๆให้มันซ้อมหรือ กานต์ถามว่ารอยที่แขนคือรอยที่ถูกปีเตอร์ทำร้ายใช่ไหม ครองขวัญรับว่าใช่ หมายให้กานต์สงสาร แล้วอ้อนวอนขอโทรศัพท์คืน

“ถ้ามันเป็นการป้องกันตัวอย่างที่ขวัญว่า ขวัญก็ควรสารภาพกับตำรวจ มันไม่มีอะไรต้องกลัวไม่ใช่หรือ ร่องรอยที่ขวัญโดนปีเตอร์ทำร้ายก็ยังอยู่”

“กานต์...อย่าทำแบบนี้เลยนะ ขวัญขอร้องล่ะ”

“ก็ได้ ผมจะให้โอกาสขวัญ ผมจะเก็บโทรศัพท์เอาไว้ก่อน ให้ขวัญได้มีโอกาสมอบตัวและสารภาพเรื่องทั้งหมดกับตำรวจเอง แต่ผมจะหาทนายมือดีที่สุดไว้ให้ขวัญ ผมคง...ช่วยได้เท่านี้”

ครองขวัญอึ้งจำต้องพยักหน้ารับปากว่าตนจะไป แต่แล้วก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดผิดหวัง

กานต์มองนิ่งๆก่อนเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

ooooooo

พอกานต์เดินมาถึงลานจอดรถแม้จะสงสารครองขวัญแต่ก็จำเป็นต้องทำ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.ถึงสารวัตร

“ยังหาไม่เจอ...แต่ผมคิดว่าสารวัตรคงได้คนฆ่าปีเตอร์ตัวจริงไม่ช้านี้ แล้วปล่อยตัวภรรยาผมเสียที”

กานต์ไม่ทันระวังตัว ขณะเขาเปิดประตูรถนั่นเอง ก็ถูกมือลึกลับใช้ไม้ตีหัวจนสลบ แล้วมือลึกลับนั้นก็ค้นตัวเขาเอาโทรศัพท์มือถือของปีเตอร์ไป

ฝ่ายครองขวัญพอกลับไปถึงห้องทำงานก็รื้อค้นหาพาสปอร์ตเอาใส่กระเป๋า นทีเข้ามาเธอบอกเขาว่า

“อยู่ไม่ได้แล้วพี่นที กานต์รู้ความจริงหมดแล้ว เขาต้องเอาโทรศัพท์ไปให้ตำรวจแน่ๆ”

นทีด่าน้องสาวว่าหลงผู้ชายจนเสียเรื่อง ครองขวัญ บอกให้เลือกเอาว่าจะอยู่ที่นี่หรือจะไปกับตน

“แกโดนจับแล้วฉันจะเหลือเหรอ” นทีย้อนถามแล้วรีบเปิดเซฟเอาของมีค่า เห็นเงินสดรีบหยิบออกมาสบถอย่างหัวเสีย “บ้าชะมัด เหลือเงินสดแค่สามแสนเอง อาทิตย์หนึ่งก็หมดแล้ว ยังไม่รู้จะต้องหลบตำรวจอีกนานแค่ไหน”

นทีคิดๆแล้วบอกว่า ครองขวัญเป็นเมียปีเตอร์สมบัติปีเตอร์มีมากมายไม่ใช่หรือ ครองขวัญบอกว่าคดียังไม่ปิดทรัพย์สินทั้งหมดยังถูกอายัด จะให้ไปขอกับตำรวจหรือ พลันครองขวัญก็ตาวาวเมื่อนึกได้บอกพี่ชายว่า

“ขวัญรู้แล้ว เราจะไปรูดบัตรถอนเงินที่ไหนดี”

ooooooo

และแล้วครองขวัญกับนทีก็ไปหาวีรอรที่ห้องทำงานของประธานบริษัท ขอเงิน 20 ล้าน วีรอรหัวเราะเยาะว่าอย่าว่าแต่ 20 ล้านเลย บาทเดียวก็ไม่ให้ ถามว่าที่ได้ไปแล้วยังไม่พออีกหรือ

เมื่อวีรอรยืนกรานไม่ให้ ครองขวัญเอาคลิปที่เคยขู่วีรอรออกมาขู่อีก วีรอรจำต้องยอมจ่ายอีก 10 ล้าน ครองขวัญไม่ยอมยกโทรศัพท์ขึ้นขู่อีก

วีรอรส่งกระเป๋าที่อัดเงินไว้แน่นให้ครองขวัญแล้วทวงคลิปแบบต้องยื่นหมูยื่นแมวกัน พอได้คลิปมาวีรอรขู่ว่า

“ถ้าแกสองคนเล่นตุกติก ก๊อบปี้คลิปนี้เก็บไว้อีกละก็...ฉันรับรอง ไม่ว่าแกจะอยู่ส่วนไหนในโลก ฉันจะตามไปเอาคืนแกสองคนอย่างที่คิดไม่ถึงเลยล่ะ”

ครองขวัญทำท่ากลัวเยาะเย้ยว่า “คราวหลังก็อย่าทำอะไรให้คนอื่นจับได้อีกสิคะคุณอาอร”

ครองขวัญคว้ากระเป๋าพยักหน้าให้นทีออกไปกัน วีรอรรีบกดลบคลิปทิ้งอย่างโล่งอก

ขณะครองขวัญกับนทีหิ้วกระเป๋าออกไปอย่างระแวดระวังนั่นเอง อติเทพกับอรอุมาเห็นพอดี อรอุมา ถามพี่ชายว่า

“พี่ว่าในกระเป๋าที่สองคนนั้นถือไป มันเป็นสิ่งที่เราควรได้หรือเปล่า”

อติเทพไม่ตอบแต่ยักไหล่แบบก็ไม่รู้สินะ ตามองตามครองขวัญกับนทีไปอย่างร้ายกาจ

ooooooo

ตำรวจถามกานต์ว่าเห็นไหมว่าใครทำร้ายเขา กานต์บอกว่าไม่เห็น แต่เรื่องที่ตนเล่าเป็นเรื่องจริง เจ้าตัวสารภาพกับตนแล้ว ตำรวจติงว่า ที่เขาบอกให้รอจะมีคนมามอบตัวนั้น จนป่านนี้ยังไม่เห็นมีใครมาเลย

“ขออนุญาตครับ มีคนพบสิ่งนี้แล้วเอามาให้เราครับ” ตำรวจนายหนึ่งนำซองมาให้ ตำรวจที่คุยกับกานต์เปิดดู ภายในเป็นโทรศัพท์มือถือ พอกานต์เห็นก็รู้ทันที

“โทรศัพท์ของปีเตอร์!”

กานต์วิ่งมาชะโงกดูที่ระเบียงเห็นอติเทพกำลังเดินอยู่เขาตะโกนถาม “นายเป็นคนตีหัวฉัน นายมีจุดประสงค์อะไร”

อติเทพเงยหน้ามองยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กานต์แล้วรีบวิ่งแทรกหายไปในกลุ่มคน กานต์วิ่งลงไปเจอตำรวจหลายนายแต่งเครื่องแบบเต็มที่ท่าทางร้อนรน กานต์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น จะไปไหน

“เราพบว่าคุณครองขวัญกับคุณนทีมีการเคลื่อนไหว” ตำรวจตอบสั้นๆ แล้วรีบผละไป

ครองขวัญกับนทีหนีไปที่โกดังร้างริมแม่น้ำ ทั้งคู่กระวนกระวาย ครองขวัญถามนทีว่าทำไมยังไม่มา นัดไว้แน่หรือ

“เรามัดจำไว้แล้วครึ่งหนึ่ง ยังไงมันก็ต้องมา ใจเย็นนะขวัญไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ทุกอย่างต้องเรียบร้อย เดี๋ยวเราออกไปถึงชายแดนได้ก็ปลอดภัยแล้ว เก็บตัวอยู่ประเทศเพื่อนบ้านสักพักแล้วค่อยบินไปยุโรปกัน”

ทันใดนั้นมีแสงไฟหน้ารถส่องมา นทีบอกว่ารถมาแล้ว รถกะพริบไฟเป็นจังหวะ นทีเอาไฟฉายเล็กๆในมือกะพริบตอบเป็นจังหวะ บอกครองขวัญว่า “ไม่ผิดแน่ ไปขวัญ”

ขณะนทีกับครองขวัญกำลังจะขึ้นรถนั่นเอง สปอตไลต์ฉายมาที่ทั้งสองเต็มๆ เสียงประกาศทางโทรโข่งดังก้อง

“ขอให้ทุกคนอยู่กับที่ และวางอาวุธทั้งหมดลง”

นทีทำท่าจะวางปืนแต่กลับยิงสวนไป ตำรวจใช้รถเป็นเกราะกำบังยิงตอบโต้ กานต์อยู่กับตำรวจด้วย ตำรวจบอกให้กานต์อยู่ที่นี่อย่าไปไหน แล้วตำรวจก็วิ่งไปยิงกับคนในรถที่จอดอยู่จนคนขับตาย พลันนทีก็บอกครองขวัญให้วิ่ง!

กานต์เห็นนทีจูงครองขวัญวิ่งไป เขาวิ่งตามไป จนกระทั่งกานต์ฉวยโอกาสที่นทีกระสุนหมดกำลังเปลี่ยนแม็กกระโดดจากด้านบนใส่นทีจนนทีล้มปืนกระเด็น จึงเข้าตะลุมบอนกันด้วยมือเปล่า

ทั้งกานต์และนทีต่างพยายามจะหยิบปืนที่พื้นแต่ไม่ถึง ครองขวัญอยู่ใกล้กว่าคว้าปืนไปเล็งใส่ตวาด

“หยุดนะกานต์ ไม่งั้นขวัญยิงจริงๆ” กานต์พยายามบอกให้เธอมอบตัวสู้คดี “นี่ถ้าเป็นนังดา กานต์คงไม่พูดแบบนี้

กานต์หักหลังขวัญ กานต์สัญญาว่าจะไม่พูดอะไรจนกว่าขวัญจะมอบตัว แต่กานต์เอาโทรศัพท์ไปให้ตำรวจ”

“ผมเปล่า อติเทพเป็นคนเอาโทรศัพท์ไปให้ตำรวจต่างหาก”

“ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าใครเป็นคนบอกเรื่องนี้ ยังไงขวัญก็เป็นฆาตกร ยิงมันเลยขวัญ เร็วๆ สิ”

ครองขวัญลั่นกระสุนไปสามนัดซ้อน กานต์ล้มคว่ำลงแน่นิ่ง ครองขวัญตกใจที่ตนฆ่าคนอีกแล้วเธอโยนปืนทิ้ง นทีจับมือเร่งให้รีบหนี ครองขวัญสะบัดหลุด นทีจึงคว้ากระเป๋าเงินวิ่งหนีไปทิ้งครองขวัญให้ตำรวจมาจับใส่กุญแจมือ ตำรวจอีกคนรีบไปจับกานต์พลิกขึ้นมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง กานต์ค่อยๆลืมตาเป่าลมจากปากพูดอย่างโล่งอก

“ผมคิดว่าผมจะไม่รอดแล้ว” พลางค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกโชว์เสื้อเกราะที่ใส่อยู่ข้างใน

ooooooo

นทีวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานแล้วค่อยๆแหวกพงหญ้าออกมา เจอรถเก่าๆของรุจิกาแล่นเข้ามาจอด เธอเร่ง

“อย่าเพิ่งพูดอะไรขึ้นมาเร็ว!”

รุจิกาพานทีไปส่งยังที่เปลี่ยวไม่ไกลนัก บอกว่าส่งแค่นี้แหละ

“ขอบใจมากนะรุ ผมจะไม่ลืมคุณเลย ผมรักคุณนะ” นทีหอมแก้มเธอแล้วจะลง รุจิกาขัดขึ้นว่า

“เดี๋ยว! รักฉัน! แต่ตั้งใจจะหนีไปโดยไม่บอกฉันเลย” นทีแก้ตัวว่ามันเป็นเรื่องฉุกเฉิน “ส่งกระเป๋ามาให้ฉัน! แล้วคุณจะไปไหนก็ไป เร็วสิ!” รุจิกาเอาปืนออกมาขู่ นทีด่านังงูพิษ! เธอสวนไปอย่างไม่ยี่หระว่า “มันคือค่าความสาวของฉันที่เสียเวลาไปกับแก ฉันต้องได้อะไรคืน หรือแกจะให้ฉันเอาแกไปส่งตำรวจ”

นทีจำต้องส่งกระเป๋าให้รุจิกาแล้วซมซานหนีไป รุจิกาออกรถไปทันทีอย่างไม่แยแสนทีแม้แต่น้อย

รุจิกาไปพบอติเทพถูกเขาบ่นว่ามาช้าไปเกือบชั่วโมงมัวทำอะไรอยู่ แล้วถามทันทีว่าเงินอยู่ไหน ตามที่เราตกลงกันเอามาเลย

“ยังมีหน้ามาขอเงินฉันอีกเหรอ เงินพวกนั้นมันเป็นแบงก์ปลอมมีเงินจริงแค่โรยหน้าเท่านั้นเอง”

“อย่ามาโกหก ไม่ขำ!” อติเทพบีบหน้ารุจิกาอย่างแรง “ฉันอุตส่าห์บอกเรื่องผัวแกหนีเอาตัวรอดไม่ให้แกหน้าโง่อยู่คนเดียวแกไม่มีสิทธิ์มาเล่นตุกติกกับฉัน แกกับอาแกร่วมมือกันหลอกฉันใช่ไหม เงินอยู่ไหน”

รุจิกาบอกว่าไม่มีเพราะเงินนั่นเป็นแบงก์ปลอม ด่าอย่างเจ็บใจว่า

“ฉันอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปช่วยไอ้นที ทุเรศที่สุด แม่ยายแกมันรอบจัดหรือถ้าแกอยากได้ก็ไปทวงจากอาอรเองซิ หรือไม่ก็ไปทวงจากยายนภา แต่คงยากหน่อยนะ เพราะตอนนี้ดูเหมือนยายนภามันปันใจให้คมกริชไปแล้ว” รุจิกาพูดอย่างสมเพชว่า “โธ่ๆๆ แมงดาอย่างอติเทพกำลังจะโดนผู้หญิงทิ้งทั้งสองคนเลยเหรอ ขนาดนังนภาว่าเป็นของตายแกก็ยังพลาด ส่วนนังดาไม่ต้องบอกนะว่าแกจะเสียให้ใคร”

อติเทพตะคอกว่าเธอจะบอกความจริงเรื่องกานต์หรือ ขู่ว่าเธอเองก็มีส่วนเรื่องนี้ รุจิกาเย้ยว่ายังไงตนก็มีศักดิ์เป็นพี่สาว แค่ตนบีบน้ำตานิดหน่อยแล้วบอกว่าเขานั่นแหละบังคับให้ตนทำ เชื่อว่าตนต้องรอดคดีนี้แน่นอน

อติเทพแค้นใจตบหน้ารุจิกาฉาดใหญ่ พอรุจิกาสู้ก็ถูกต่อยท้องจนทรุดแล้วข่มขืนอย่างสะใจ เสร็จแล้วผละไปอย่างไม่ไยดี รุจิกาลุกขึ้นหยิบเสื้อมาคลุมตัว

จิกตาคำราม

“สักวัน...สักวัน...แกจะต้องชดใช้”

ooooooo

หลักฐานจากโทรศัพท์ของปีเตอร์ ทำให้ดาหวันพ้นข้อหาทันที ทั้งมารตี ธนายง นมมาลัยและเจนจิรา ต่างมาแสดงความยินดีกับเธอ ดาหวันขอบคุณทุกคนที่เอาใจช่วยและเป็นห่วงตนตลอดมา

วีรอรลงจากข้างบนจะออกข้างนอกพอดี บรรดาที่ห้อมล้อมดาหวันอยู่พากันเหล่มอง เจนจิรากับมารตีถามประชดว่าไม่มาแสดงความยินดีกับดาหวันหน่อยหรือ วีรอรหาว่าดาหวันทำเป็นหงิมๆ แต่ให้พรรคพวกมากวนประสาทตน ดาหวันบอกว่าพวกเขามาแสดงความยินดีกับตนเท่านั้น

วีรอรคิดว่าศาลลดโทษให้ดาหวันจากประหารชีวิตที่ฆ่าคนมาเป็นจำคุกตลอดชีวิต ดาหวันบอกว่าเปล่า ตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว ครองขวัญเป็นคนฆ่าปีเตอร์ แล้วโยนความผิดมาให้ตนต่างหาก

วีรอรตะลึงอึ้ง มารตีแขวะซ้ำว่า

“อุ๊ย...อาอรทำหน้าแบบนี้ คงดีใจกับดามากสินะคะ สมแล้วที่เป็นคุณอาที่ดาเคารพ”

“นั่นสิ” เจนจิราแทรกขึ้น “คุณอาอรอุตส่าห์ยอมเหนื่อยทำหน้าที่ประธานแทนดา แต่ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว ดาคงไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณอาแล้วมังคะ”

วีรอรอึ้งแล้วอึ้งอีกกับความจริงที่ได้ยินจากสองสาวจนพูดไม่ออก

แต่พอไปถึงห้องทำงานก็ระบายอารมณ์ กวาดทุกอย่างบนโต๊ะหล่นเกลื่อนด่าลั่น

“บ้า! บ้าที่สุด!! นังดาหวันมันหลุดคดีได้ยังไง ฉันไม่เชื่อ! ไม่เชื่อ!!”

เพียงนภาพยายามห้ามแม่ แต่ถูกวีรอรที่กำลังสติแตกขว้างที่ทับกระดาษเฉียดหัวไป เพียงนภาตกใจร้องลั่น ทำให้วีรอรได้สติรีบวิ่งมาดู ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เพียงนภาบอกว่าไม่เป็นอะไร ถามว่าแม่เป็นอะไรไปหรือ เตือนสติว่า

“นภาว่าตอนนี้แม่เปลี่ยนไปมาก อย่างกับ..ไม่ใช่แม่คนเดิมของนภาเลย...ตั้งแต่นภาเล็กๆแม่คอยดูแลนภาไม่เคยคลาดสายตา แต่ตอนนี้เวลาที่นภาจะเจอหน้าแม่ยังแทบจะไม่มีเลยนะคะ”

วีรอรตวาดว่าอย่ามาเรียกร้องความสนใจเป็นเด็กๆ ได้ไหม เพียงนภาถามว่าแล้วเรื่องป้าพรรณล่ะตนได้ยินว่าแม่ให้ยามโยนป้าพรรณออกจากบริษัท ถามว่าแม่รู้ไหมว่ากำลังจะสร้างศัตรูเพิ่ม วีรอรพูดอย่างไม่แยแสว่า

“ศัตรูก็ศัตรูสิ ทำไมต้องกลัวมัน แม่จะบอกให้นะ แม่ไม่เคยแคร์ใครทั้งนั้นนอกจากนภาของแม่ แล้วสิ่งที่แม่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อลูกทั้งนั้น ต่อไปนภาของแม่จะต้องเริ่ดหรูเด่นดังกว่านังรุ แล้วก็นังดาหวัน แม่จะทำให้ลูกสาวของแม่เพอร์เฟกต์ที่สุดในโลก ใครๆก็ต้องอิจฉา หึๆๆ”

เพียงนภามองวีรอรด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากแม่เลย

ooooooo

มารตีกับธนายงชวนดาหวันคืนนี้ไปฉลองกันที่ร้าน ดาหวันขอเป็นโอกาสหน้าเพราะวันนี้ตนเหนื่อยมาก มารตีหยอกว่าจะแอบไปสวีตกับกานต์สองต่อสองใช่ไหม เจนจิราผสมโรงว่าไม่ต้องเขินเราเพื่อนกันทั้งนั้น

“อย่ามาเพ้อเจ้อไร้สาระหน่อยเลยน่า ดากับผู้ชายคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” พูดแล้วหันเดินกลับเข้าบ้านเลย

“คนอะไรปากกับใจไม่ตรงกันเลย” มารตีบ่นขำๆ

เมื่อดาหวันขึ้นไปบนห้อง เธอคิดถึงที่ถูกกานต์ด่าว่าสำส่อน และถูกกานต์ตะโกนไล่ว่าอยากมั่วกับใครก็ไปเลยตนไม่แคร์หรอก คิดแล้วก็เจ็บปวดจนต้องบอกตัวเองว่าพอเสียที จะไปคิดถึงเขาอีกทำไม

ดาหวันหงุดหงิดเดินออกจากห้อง จนมาถึงบ้านต้นไม้ พอเดินเข้าไปก็แปลกใจเมื่อเห็นลูกโป่งสีขาวและดอกกุหลาบขาวจัดประดับไว้อย่างสวยงาม พลันเสียกานต์ก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น...

“เซอร์ไพรส์” พอดาหวันหันมอง กานต์พูดอย่างยินดี “ดีใจด้วยนะ คุณบริสุทธิ์แล้ว”

ดาหวันยังเจ็บปวดที่ถูกกานต์ด่าว่าอย่างเสียๆ หายๆ ซ้ำยังไล่ให้ไปมั่วกับคนอื่น เธอฮึดขึ้นมา พูดใส่หน้าว่าอย่ามาตบหัวแล้วลูบหลัง พูดประชดเขาว่าของสวยๆ งามๆ อย่างนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิงสำส่อนอย่างตนหรอก กานต์ถูกประชดก็ของขึ้นทันทีประชดคืนว่าเธอชอบรุนแรงใช่ไหมเดี๋ยวจัดให้พอดาหวันจะเดินหนีกานต์ก็กอดไว้ ถูกเธอตวาดให้ปล่อย ตะโกน “ฉันเกลียดคุณ...เกลียดคนอย่างคุณที่สุด”

ขณะทั้งสองกำลังตึงเครียดกันจนดาหวันวิ่งออกจากบ้านต้นไม้เจออติเทพพอดี เลยถูกดาหวันใช้เป็นเหยื่อยั่วกานต์ อติเทพฉวยโอกาสผสมโรงทันที จนถูกกานต์ต่อยหน้า ปรามว่าทีหลังอย่ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย

ดาหวันกำลังอยู่ในอารมณ์เจ็บปวดเสียใจ บอกกานต์ว่าตนไม่ใช่เมียเขาอีกต่อไป เตือนความจำว่าเขาเคยเซ็นใบหย่าไว้ให้แล้ว นัดพรุ่งนี้ไปหย่ากันให้ถูกต้องเสียทุกอย่างจะได้จบๆเสียที

เมื่อต่างอยู่ในอารมณ์ประชดประชันและทิฐิ จึงนัดไปพบกันที่อำเภอ พรุ่งนี้ 10 โมง

คนที่สะใจที่สุดคืออติเทพ ฝันเห็นสมบัติที่จะได้จากดาหวันขึ้นมารำไร เสนอตัวจะเป็นเพื่อนเธอไปอำเภอพรุ่งนี้ ดาหวันบอกว่าตนไปคนเดียวได้ อติเทพจึงเปลี่ยนเป็นเย็นนี้เราไปเลี้ยงฉลองกัน

“ค่ะ” ดาหวันรับคำด้วยอารมณ์ประชดประชันกานต์

ooooooo

รุ่งขึ้น เจนจิรามาหาดาหวันแต่เช้า ถามว่าจะไปหย่าจริงๆหรือ น่าจะคิดดูอีกทีนะ แล้วทั้งสองก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงแก้วแตกดังมาจากอีกห้องหนึ่ง

ที่ห้องนั้น พรรณี รุจิกาและเพียงนภากำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง รุจิกาด่าเพียงนภาว่าสมคบกับวีรอรเล่นสกปรกโกงแม่ตนจนได้ขึ้นเป็นใหญ่ ด่าว่า “แต่คนขี้โกงอย่างแม่แกไม่มีวันเจริญหรอก”

เพียงนภาเห็นแม่ตนถูกด่าก็ไม่ยอม รุจิกาถามว่าแล้วจะทำไม จะตบตนหรือ แล้วก็พรวดเข้าตบเพียงนภาทันที ทั้งสองต่างตบกันนัวเนีย พรรณีเข้าไปช่วยรุมอีกคน

ดาหวันกับเจนจิราพยายามเข้าไปห้าม เมื่อไม่มีใครฟัง ดาหวันผลักพรรณีกับรุจิกากระเด็นออกมาแล้วตะโกน

“พอ หยุดเดี๋ยวนี้เลย!” พรรณีถามว่ายังจะทำตัวเป็นแม่พระทั้งที่แม่ของเพียงนภาเป็นคนเขี่ยเธอจากตำแหน่งหรือ ดาหวันโต้ว่า “นั่นมันเรื่องของธุรกิจ แต่ที่นี่เป็นบ้าน ยังไงซะ เราทุกคนที่นี่ก็เป็นญาติพี่น้องกันนะ”

พรรณีชวนรุจิกากลับบอกว่าฟังแบบนี้แล้วอารมณ์เสีย ด่าลอยๆ ว่าใครอยากโง่ญาติดีกับคนขี้โกงก็ปล่อยให้มันโง่ต่อไป แล้วสองแม่ลูกก็พากันออกไป

ดาหวันเข้าไปดูเพียงนภาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ถูกตอกหน้าว่า มาดีกับตนทำไมต้องการอะไร ดาหวันสะอึกพูดอย่างอ่อนใจว่า

“ดาต้องการอะไรเหรอ หึ...ถ้าดาบอกว่า ดาอยากให้ทุกคนในบ้านนี้รักกัน พี่นภาจะเชื่อไหม บางทีดาก็อดคิดไม่ได้นะ ถ้าดายอมให้พี่รุ พี่นภา แล้วก็ทุกคนมารุมเกลียดดาเหมือนอย่างเมื่อก่อน มันยังดีกว่าที่ทุกคนมาแตกแยกแล้วก็ทะเลาะกันแบบนี้รึเปล่า”

ดาหวันเศร้ามาก เพียงนภาอึ้ง แต่ก็ยังมองดาหวันอย่างไม่ไว้ใจนัก

ooooooo

เมื่อใกล้เวลานัดหย่า กานต์คิดหนักแต่เมื่อนึกถึงการท้าทายของดาหวันและตนก็เคยเซ็นใบหย่าไว้ให้ดาหวันแล้ว เขาตัดสินใจหย่าเสียให้จบๆไปก็ดี

ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือดังขึ้น กานต์กดรับสายเซ็งๆ พอฟังปลายสายก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ว่าไงธวัช...เจอตัวพนักงานคนนั้นแล้ว โอเค! ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนใส่ร้ายผม!”

กานต์ไปพบธวัชที่ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ธวัชเล่าว่า

“ผมว่าสิริพรน่าจะยังอยู่ในบ้านเช่า เธอไม่รู้หรอกว่าผมให้นักสืบตามแกะรอยมาจนเจอ” กานต์เสนอให้บุกเข้าไปเลยไหม ธวัชติงว่า “รอตำรวจก่อนไหมครับ ผมแจ้งความไว้แล้ว”

“ผมกลัวว่าเธอจะหนีไปเสียก่อนน่ะสิ เข้าไปถามให้รู้เรื่องเลยดีกว่า” กานต์ร้อนใจ ธวัชจึงพาไป

ภายในบ้านเช่าเก่าๆ ทรุดโทรม สิริพรกำลังถูก อติเทพตบกระเด็น สิริพรอ้อนวอนรุจิกาว่าอย่าทำตนเลย เพราะสัญญากันไว้แล้วว่าจะปล่อยตนไป รุจิกาบอกว่าตนไม่ได้อยากทำแต่อติเทพบังคับให้ตนพามา อติเทพตวาดรุจิกาว่า

“อย่าโง่ได้ไหม นังนั่นมันสามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าเราใส่ร้ายไอ้กานต์ ขืนปล่อยมันไปแล้วมันไปบอกตำรวจขึ้นมาจะทำยังไง” สิริพรลนลานสาบานว่าตนจะเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ “มีแต่คนตายเท่านั้นแหละที่จะรักษาความลับได้ดีที่สุด” อติเทพจิกผมสิริพรกระชากขึ้นมา ชักมีดจะปาดคอ

กานต์ถีบประตูเข้าไปตามด้วยธวัช อติเทพตกตะลึง กานต์ชูมือถือในมือพูดอย่างเป็นต่อว่า

“คำสารภาพของแกเมื่อกี๊นี้ ฉันอัดเสียงไว้เรียบร้อยแล้ว”

อติเทพจนมุม เลยผลักสิริพรใส่กานต์จนเกิดความชุลมุนขึ้นแล้วฉวยโอกาสวิ่งออกไปพร้อมรุจิกา

“ตามไปเร็ว!!” กานต์ตะโกนบอกธวัช

ทั้งสองวิ่งไล่ตามอติเทพกับรุจิกาไป ทิ้งให้สิริพรนั่งจุกอยู่ที่พื้นคนเดียว

ooooooo

ธวัชไล่ตามอติเทพกับรุจิกาไปถึงตรอกเปลี่ยว ธวัชกับกานต์แยกกันวิ่งไปดัก กานต์เผชิญหน้ากับอติเทพและรุจิกา ทั้งสองหันหลังจะวิ่งหนีก็เจอธวัชมาดัก

รุจิกาตกใจที่เห็นธวัช ธวัชเองก็พูดอย่างผิดหวังว่าไม่นึกเลยว่าจะเป็นแก

กานต์ด่าอติเทพว่าใช้วิธีสกปรกหมายให้ตนกับดาหวันเลิกกันใช่ไหม อติเทพหัวเราะเยาะพูดอย่างไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรต่อไปอีกแล้วว่า ถ้าตนไม่ทำลายเขา ตนจะได้สมบัติของดาหวันได้อย่างไร

กานต์ด่าอติเทพว่าไม่ต่างกับแมงดา หวังเกาะผู้หญิงกิน รุจิกาถล่มซ้ำทันทีว่า

“ใช่ค่ะคุณกานต์ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะไอ้อติเทพมันบังคับรุ รุแค่ทำตามที่มันสั่งเท่านั้น”

“รุจิกา! แกอย่ามาพลิกลิ้น ตอแหล แกนั่นแหละที่มาขอเอี่ยวด้วย แกอยากจะทำลายดาหวันไม่ใช่หรือ” อติเทพด่า

ธวัชถามรุจิกาว่านี่เป็นความจริงใช่ไหม รุจิกา ยอมรับอย่างประชดประชันว่าใช่ ตนเลว ตนร่วมมือกับอติเทพขโมยตรายางและเป็นคนปลอมลายเซ็นดาหวันด้วยตัวเอง ประกาศอย่างเคียดแค้นเกลียดชังว่า

“รุเกลียดนังดาหวัน ได้ยินไหม ตั้งแต่เด็กมันไม่เห็นจะมีดีอะไรนักหนาก็แค่โชคดีเกิดมีพ่อรวยเท่านั้น มันก็มาอยู่เหนือรุทุกอย่างแล้วเหรอ” ธวัชเตือนสติว่าดาหวันเป็นน้องและอาทวีก็เลี้ยงดูส่งเสียพวกเรามาไม่คิดถึงบุญคุณเขาบ้างหรือ “อาทวีเขาเป็นน้องแม่ เขาต้องดูแลพวกเราก็ถูกแล้วนี่ ส่วนนังดา รุไม่เคยนับ เป็นน้อง พี่รู้ไหมว่า นทีเขาก็นอกใจรุไปหานังดา หึ! รุยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มันย่อยยับไม่มีความสุข”

“แต่ผมว่าคนที่ไม่มีความสุขที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นคุณกับนายอติเทพนะ นับจากนี้ไป คุณกับนายอติเทพต้องไปผจญกรรมอยู่ในคุกแล้วล่ะ”

ฟังกานต์แล้วอติเทพประกาศว่าตนไม่ยอมติดคุกง่ายๆหรอก แล้วชักปืนยิงทันที กานต์กับธวัชกระโดดหลบทัน อติเทพกับรุจิกาฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนีไป อติเทพยิงสกัดอีก พอกานต์กับธวัชโผล่มองไปอีกทีทั้งสองก็หายไปแล้ว

กานต์จะวิ่งตาม ธวัชรั้งไว้บอกให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของตำรวจเถิด กานต์ถามว่าจะปล่อยให้ทั้งสองหนีไปอย่างนี้หรือ หรือว่าเพราะรุจิกาเป็นน้องสาวเขา

“สำหรับผม ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ถ้าผมปล่อยยายรุ เพียงเพราะรุเป็นน้องสาวผม ผมคงไม่มีทางสู้หน้าคุณกับน้องดาไปตลอดชีวิตครับ”

กานต์อึ้งไปกับคำพูดที่ชัดเจนหนักแน่นของธวัช

ooooooo

ดาหวันกับเจนจิราไปรอกานต์ที่อำเภอตรงตามเวลา จนผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกานต์ก็ยังไม่มา แต่ดาหวันปักหลักที่จะรอเพื่อหย่าให้ได้ บอกให้เจนจิราโทร.ถามว่ากานต์อยู่ไหนจะให้คนไปรับเดี๋ยวนี้

กานต์มาถึงพอดี เขาขอโทษที่มาช้าไปหน่อย พอดีมีธุระสำคัญ ดาหวันเร่งให้รีบหย่า กานต์พูดจริงจังว่าผมไม่หย่าอ้างว่า

“ก็เราเคยตกลงกันไว้ว่าจะหย่าก็ต่อเมื่อจับคนร้ายที่เจาะน้ำมันเบรกได้” เห็นดาหวันอึ้งกานต์รุก “จำได้แล้วใช่ไหม เห็นไหมว่าผมเป็นคนรักษาคำพูดแค่ไหน ถ้ายังหาตัวการที่ทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุไม่ได้ ผมก็จะไม่มีวันเซ็นหย่าเด็ดขาด”

กานต์ทั้งเข้มทั้งกวนจนดาหวันพูดไม่ออก เมื่อกลับถึงบ้านเธอบ่นอย่างหงุดหงิดว่ากานต์หาเรื่องไม่ยอมหย่า เจนจิราบอกว่าเพราะเขายังรักเธออยู่ต่างหาก ดาหวันสวนทันควันว่า

“ไม่จริง เขารักสมบัติของดามากกว่า” เจนจิราพูดกับนมมาลัยว่าดาหวันเพี้ยนไปแล้ว “ดาไม่ได้เพี้ยนนะ ทุกคนลืมไปแล้วหรือว่า เขาแอบปลอมลายเซ็นดา แล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง ที่เขาไม่ยอมหย่ามันก็ผลประโยชน์ของตัวเขาเองทั้งนั้น”

ทั้งเจนจิราและนมมาลัยไม่เชื่อ ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ นมมาลัยยืนยันว่านอกจากคุณพ่อเธอแล้ว

ก็มีกานต์นี่แหละที่เป็นห่วงเธอจริงๆ ถูกดาหวันบอกให้พอ หลักฐานก็เห็นชัดๆอยู่แล้วหรือจะต้องให้เขาโกงตนจนหมดตัวถึงจะเชื่อกัน

ดาหวันเดินผละไปอย่างหงุดหงิด นมมาลัยได้แต่บ่นกับเจนจิราว่า “เมื่อไหร่คุณหนูจะเลิกอคติกับคุณกานต์เสียที...”

ooooooo

วันนี้ ธวัชไปถึงออฟฟิศ พอออกจากลิฟต์ก็เห็นเลขาหญิงของวีรอรกำลังตามไล่มารตีกับธนายง ออกไป เขาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ปรามเลขาคนนั้นว่านี่เป็นเพื่อนของดาหวัน เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง

“หนูไม่ตั้งใจค่ะ แต่เป็นคำสั่งท่านประธาน” เลขาหน้าจ๋อย

เมื่อธวัชไปนั่งคุยกับมารตีและธนายงจึงรู้ว่าทั้งสองแวะเอาขนมมาให้ดาหวัน ลืมไปว่าตอนนี้วีรอรเข้าเป็นประธานแทนดาหวันแล้ว มารตีบ่นว่า ไม่นึกเลยว่าวีรอร จะบ้าอำนาจขนาดนี้

“อำนาจไม่เข้าใครออกใครหรอกครับ อะไรๆก็เปลี่ยน แปลงไปได้ทั้งนั้นล่ะครับ” ธวัชพูดปลงๆ มารตีติงว่า

“แต่ถ้าคนเรารู้จักบุญคุณ ต่อให้มีตำแหน่งสูงแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมคนที่ช่วยเหลือมีพระคุณมาก่อน จริงไหมคะ”

มารตีเห็นธวัชงงๆ จึงถามว่า “คุณธวัชทราบไหมคะ ว่าคุณได้เงิน 10 ล้านไปใช้หนี้มาเฟียพวกนั้นได้ยังไง”

เห็นธวัชยังงง มารตีจึงเล่าที่มาของเงิน 10 ล้านที่ดาหวันจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่นให้เขาเพื่อเอาไปให้มาเฟียอย่างละเอียด

ooooooo

เมื่อเข้าตาจน อติเทพก็หนีไปคนเดียวเมื่อรุจิกาจะหนีไปด้วยก็ถูกตบด้วยปืนจนคว่ำ

“นึกว่าเคยเป็นเมียฉันแล้ว ฉันจะเอาแกไปด้วยเหรอ เสียใจด้วยนะ แกมันไม่มีประโยชน์แล้ว” พูดแล้วขึ้นรถขับหนีไปเลย รุจิกากรี๊ดลั่น ทั้งด่าทั้งอาฆาตอย่างสุดแค้น

“ไอ้ปีศาจจากนรก แกมันไม่ใช่คน สิ่งที่แกทำกับฉัน ฉันสาบานว่าจะเอาคืนแกอย่างสาสม!”

เมื่อหมดหนทาง รุจิกาหนีกลับไปซ่อนตัวที่บ้าน ตำรวจไปที่บ้านแจ้งแก่ดาหวันกับนมมาลัยที่มาถามว่ามีเรื่องอะไร

“พยานในคดีปลอมลายเซ็น และขโมยตรายางของคุณดาหวัน สารภาพว่าคุณรุจิกาเป็นคนจ้างวานเธอครับ”

พรรณีมาได้ยินพอดีตกใจแทบช็อก ดาหวันถามตำรวจว่าแน่ใจหรือว่ารุจิกาทำแบบนั้น

“ให้คุณรุจิกาไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจจะดีกว่านะครับ”

พรรณีได้ยินรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนโทรศัพท์หารุจิกา รออึดใจเดียว รุจิกาก็ออกมายืนข้างหลังบอกว่า

“รุอยู่นี่แม่” พรรณีหันขวับถามว่าเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไร “รุไม่รู้จะหนีไปไหนแล้วแม่ แม่ช่วยรุด้วย”

ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตู พร้อมเสียงตำรวจร้องบอก “คุณพรรณี เปิดประตูด้วยครับ” ทำให้สองแม่ลูกยิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ตำรวจยิ่งเร่งให้เปิดประตู สองแม่ลูกก็ยิ่งลนลาน จนดาหวันมาบอกว่าพรรณีอาจจะหลับอยู่ก็ได้ เดี๋ยวตนช่วยเรียกเอง แล้วดาหวันก็เคาะประตู “ป้าพรรณคะ เปิดประตูด้วยค่ะ”

พรรณีทำเป็นเพิ่งตื่นเปิดประตูหาวออกมา พอเห็นตำรวจก็ทำเป็นตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ลูกสาวของคุณถูกฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารน่ะครับ”

“ตายแล้ว! ยายรุ เป็นไปไม่ได้!!” พรรณีปฏิเสธวุ่นวาย ตำรวจขอเข้าไปตรวจค้น ดาหวันจึงตามเข้าไปด้วย

ooooooo

พรรณีตามตำรวจแจ พยายามขัดขวาง บอกตำรวจอย่ารื้อมากได้ไหมเพราะนี่เป็นห้องตนและรุจิกาก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้

ดาหวันมองไปที่ตู้เสื้อผ้าเห็นชายเสื้อรุจิกาแลบออกมา เธอไปยืนบังๆไว้ แล้วเชิญตำรวจตรวจแล้วไปรับของว่างกันก่อน ตนให้เด็กเตรียมไว้แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ ผมลาเลยก็แล้วกัน” ตำรวจหยิบนามบัตรให้ดาหวัน “ถ้าคุณรุจิกาติดต่อมา ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับว่าให้ไปพบผมด้วย”

เมื่อตำรวจกลับไปแล้ว พรรณีถอนใจโล่งอกรีบวิ่งไปล็อกประตู พอหันมาเจอดาหวันก็ตกใจผงะไล่ให้รีบออกไปจะมายืนแช่อยู่ทำไม

“จะรีบไล่ดาไปไหน กลัวว่าดาจะรู้ความลับของคุณป้าใช่ไหมคะ” พรรณีทำไก๋ถามว่าความลับอะไร ดาหวันไม่ตอบแต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เห็นรุจิกานอนคุดคู้อยู่ในตู้ก็ทัก“สวัสดีค่ะพี่รุ นอนอยู่ในตู้ไม่รู้ว่าจะสบายเท่าอยู่ในคุกหรือเปล่านะคะ”

รุจิกาตื่นเต้นตกใจช็อกหมดสติไป พรรณีผวาเข้าไปร้อง “ยายรุ!”

เมื่อพารุจิกามานอนพักที่เตียง พรรณีรำพึงรำพันว่าไม่น่าเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ธวัชวิ่งพรวดเข้ามาถามดาหวันว่าเจอรุจิกาแล้วหรือ ถูกพรรณีด่าว่าเป็นพี่ประสาบ้าอะไร แจ้งตำรวจมาจับน้องสาวตัวเองทำไม ดาหวันบอกว่าอย่าเสียงดังเลยชวนออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า ถูกพรรณีตวาดว่าไม่ต้องมายุ่ง

“เสียใจ...ดาจำเป็นต้องยุ่งแล้วล่ะค่ะ เพราะถ้าดาเปลี่ยนใจโทร.ไปแจ้งตำรวจตอนนี้ ลูกสาวคุณป้าได้ติดคุกหัวโตแน่”

พูดแล้วเดินออกไปเลย พรรณีใบ้กินสนิทจำต้องเดินตามดาหวันออกไป

ooooooo

พรรณีวางเขื่องถามดาหวันว่าต้องการให้ตนจ่ายค่าเสียหายเท่าไรก็ว่ามา ตนยินดีจ่ายให้ ดาหวันถามว่าคิดจะจ้างตนให้ถอนฟ้องรุจิกาหรือ

“ผมว่าคุณแม่มองน้องดาผิดไปมากนะครับ น้องดาเขาไม่เคยต้องการเงินจากเราเลย”ธวัชติง พรรณีด่าว่าอย่ามาทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้ดาหวัน เยาะเย้ยว่าทำงานให้ดาหวันขนาดนี้แล้วเขาเคยเห็นหัวตัวเองไหม ก็เปล่า “ไม่จริงครับ น้องดาเขาแอบช่วยพวกเราตั้งนานแล้ว ผมอยากให้คุณแม่ได้รู้ความจริง”

“พี่วัช อย่ามาพูดเลอะเทอะเลยน่า” ดาหวันเบรก

“ไม่ต้องปิดแล้วล่ะดา มารตีบอกพี่แล้วว่า ที่พี่ได้ค่าคอมมิชชั่น 10 ล้านมาง่ายๆ ” พรรณีถามว่าหมายความว่า... “ครับคุณแม่ น้องดารู้ว่าคุณแม่เป็นหนี้มาเฟียแต่น้องดาก็ยอมปิดทองหลังพระ แอบช่วยให้ผมหาเงินได้ง่ายๆ เพื่อไปใช้หนี้ให้คุณแม่ไงครับ”

“นึกไม่ถึงเลย...ดาหวัน...เธอ...บ้าหรือโง่กันแน่”

“ก็ทั้งสองอย่างมังคะ พี่น้องเหมือนของขวัญจากพระเจ้ามอบให้เรา เพราะงั้น เราควรดูแลพวกเขา พ่อเคยบอกดาไว้ ที่ดาทำก็แค่...อยากทำให้พ่อเท่านั้น เผื่อพ่อมองลงมาจะได้รู้ว่าดายังจำคำของพ่อได้ เพราะฉะนั้นอย่าลำบากเอาเงินมาฟาดหัวดาเลยนะ ดามีเยอะแล้ว” ดาหวันลุกขึ้นจะออกไป พรรณีรีบเรียกไว้

“ดาหวัน...เดี๋ยวก่อน” พรรณีเดินเข้าหาดาหวันพูดเสียงอ่อนอ้อนวอน “คนอย่างฉันถือว่าศักดิ์ศรีเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าวันไหนฉันคุกเข่าให้ใครก็แปลว่า ฉันยอม...ฉันยอมแพ้เธอแล้ว ดาหวัน”

พรรณีคุกเข่าลง ทั้งดาหวันและธวัชตกใจประคองพรรณีลุกขึ้น พรรณีขอโทษ ยอมรับผิดอ้อนวอนดาหวันได้โปรดช่วยรุจิกาด้วยเถิด ดาหวันบอกให้ลุกขึ้น พรรณีไม่ยอมลุก ยังอ้อนวอนขอร้องดาหวันอย่างหมดรูป

“ไม่...ฉันจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเธอจะรับปากว่า เธอจะช่วยยายรุ นะ...ดาหวัน อย่าปล่อยให้ยายรุติดคุกเลยนะ ช่วยยายรุด้วย...ถ้ายายรุเป็นอะไรไป ป้าต้องตายแน่ๆ”

ดาหวันสะเทือนใจกับการอ้อนวอนของพรรณี

ครู่หนึ่งพรรณีเข้าไปในห้องที่รุจิกานอนอยู่บอกอย่างดีใจสุดว่า

“ยายรุ แกรอดแล้ว ดาหวันจะกันแกให้เป็นพยาน แกไม่ต้องติดคุกแล้วนะ” แล้วพรรณีก็ชะงัก เพราะในห้อง ไม่มีรุจิกาแล้ว!

ooooooo

ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น