วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร เพื่อนแพง ตอนที่ 14


เพื่อนวิ่งหนีมาตามทางเดินในสมาคม อารามรีบร้อนสะดุดขาตัวเองหกล้ม พอจะลุกขึ้นก็เจ็บแปลบข้อเท้า ต้องเดินกะเผลกๆ พลันมีเสียงทะเลาะกันของวิชิตกับเมียดังเข้ามา เธอถึงกับชะงัก วิชิตแก้ตัวเป็นพัลวันว่าเลิกกับแรมแล้วจริงๆ แต่ที่เธอยังพักอยู่ที่โรงแรมก็อาจเป็นเพราะมีผู้ชายคนใหม่เลี้ยงดูเธอแทนเขาแล้วก็ได้

“กล้าสาบานกับลูกปืนไหมคุณวิชิต ถ้าฉันรู้ว่าคุณกับมันยังมีอะไรกันอีก นังแรมจะต้องเป็นศพ ส่วนคุณก็อย่าหวังว่าจะใช้การได้อีก” เมียของวิชิตชักปืนออกมาเล็งที่เป้ากางเกงของเขา

“สาบาน...ผมสาบานจริงๆ ผมไม่ได้ยุ่งกับแรมอีกแล้ว” วิชิตเข่าทรุดยกมือไหว้เมียปลกๆ จังหวะนั้นมีเสียงมานพโวยวายเข้ามา เพื่อนกลัวถูกจับตัวได้ รีบโขยกเขยกหนี...

เนื่องจากอ่านหนังสือไม่ออก พิศจึงให้ลอเก็บจดหมายที่แพงอุปโลกน์ว่าเป็นของเพื่อนเอาไว้ ระหว่างนั้นมีเสียงฟ้าร้องครืนๆดังมาแต่ไกล พิศสั่งให้แพงดูบ้านให้ดีคืนนี้พายุมาแน่ ข้าวของสำคัญก็ให้ขนขึ้นบ้านจะได้ไม่เปียก แล้วหันไปบอกให้ลอรีบกลับ ชายหนุ่มรับคำ เก็บจดหมายแล้วลุกออกไป แพงมองตามหลังก่อนจะเหลือบเห็นกล่องยาสูบของเขาลืมทิ้งไว้ที่แคร่หน้าบ้าน จะเอาไปคืนแต่พิศโวยวายขึ้นเสียก่อน

“ยังมายืนทำซากอะไรตรงนี้ล่ะอีแพง ข้าสั่งอะไรไม่ได้ยินเหรอ”

“จ้ะพ่อ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” แพงจำต้องวางกล่องยาสูบ ลง แล้วทำตามที่พ่อสั่ง...

ฝ่ายเพื่อนกลับถึงบ้านเจ้าคุณรัตน์อย่างทุลักทุเล รีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบซองใส่เงินที่เจ้าคุณรัตน์ให้ไว้เมื่อวันที่ท่านจะเดินทางไปต่างจังหวัด และจะไม่กลับมาที่พระนครนี่อีก เธออดถามไม่ได้ว่าท่านจะไม่บอกเรื่องนี้กับมานพเลยหรือ

“มันไม่สนใจหรอกว่าฉันจะอยู่หรือจะไป ที่มันสนใจก็มีแต่ตัวมันเอง บ้านหลังนี้ฉันจะยกให้มัน ส่วนมรดกอย่างอื่น ฉันจะไม่ให้มันแม้แต่แดงเดียว” ท่านว่าแล้วหยิบซองเงินยื่นให้เพื่อน “ฉันเองก็ไม่รู้จะแสดงความรับผิดชอบแก่เธอยังไง เงินพวกนี้ถือว่าฉันให้เธอเอากลับไปตั้งตัว ไม่ต้องขวนขวายกลับมาพระนครอีก กลับไปหาความจริงใจจากคนที่เขารอแม่เพื่อนอยู่ที่บ้านสร้างเถอะ ฉันไปล่ะ”

เพื่อนตื่นจากภวังค์ เอาซองเงินยัดใส่กระเป๋าเดินทาง แล้วหิ้วลงจากบันได ยังไม่ทันจะถึงประตูบ้าน เสียงมานพตะโกนเรียกจิกเธอดังเข้ามาก่อนตัว เพื่อนกลัวมากรีบไปหลบหลังประตู คนรับใช้ได้ยินเสียงเจ้านายร้องเอะอะ รีบเข้ามาหา มานพกระชากคอเสื้อเขามาถามว่าเพื่อนอยู่ไหน พอรู้ว่าเก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากำลังจะออกไป ก็ผลักเขาหงายหลัง เพื่อนตกใจค่อยๆถอยหนีไปอีกทางหนึ่ง แต่โชคไม่ดีชนแจกันตกแตก

มานพหันมองตามเสียง เห็นเธอวิ่งหนีออกไปที่สวนพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทาง ไล่กวดไปติดๆ แม้เพื่อนพยายามใช้ความมืดซ่อนตัวอย่างเงียบกริบอยู่หลังพุ่มไม้ แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของเขาไปได้...

ขณะที่เพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แพงซึ่งอยู่ที่บ้านสร้างรอจนพ่อเข้าห้องไปแล้ว ตัดสินใจคว้ากล่องยาสูบของลอวิ่งฝ่าความมืดกับฟ้าที่แปลบปลาบตรงไปยังกระท่อมปลายนา

ooooooo

ลอกำลังคุกเข่าอยู่หน้าหิ้งพระภายในกระท่อมปลายนาซึ่งจุดเทียนไขเอาไว้ หลังจากไหว้พระเสร็จ เขาถอดพระเครื่องที่ห้อยคอวางบนหิ้ง มีลมพัดกระโชกเข้ามาทำให้เทียนไขดับ เขารีบจุดเทียนไขเพื่อให้ความสว่างกลับคืนมา พลันมีเสียงคล้ายฝีเท้าคนย่ำอยู่ข้างนอก เขาตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้อง “ใครมาวะ”

เงียบไม่มีเสียงขานตอบ ลอจุดตะเกียงเอามาส่องดูหน้ากระท่อมแต่ไม่เห็นใคร พบเพียงกล่องยาสูบของตัวเองวางอยู่บนแคร่ อดแปลกใจไม่ได้ เพราะนึกว่าลืมไว้ที่บ้านอาพิศ จังหวะนั้นฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา ลอจะเข้าข้างในแต่รู้สึกเหมือนมีคนแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ ตัดสินใจเดินฝ่าสายฝนไปดู พบแพงนั่งคุดคู้ตัวสั่นเนื่องจากเปียกฝน เขารู้ทันทีว่าเธอเป็นคนเอากล่องยาสูบมาคืน

“คืนนี้ฝนต้องตกหนักแน่ ฉันกลัวพี่จะหนาวแล้วจะหายามาสูบให้คลายหนาวไม่ได้ก็เลยเอามาให้พี่จ้ะ”

“แล้วทำไมเอ็งไม่รีบกลับไปขึ้นเรือน”

เธอกลับไม่ได้เพราะตอนที่เอากล่องยาสูบมาให้ลอ พ่อไม่รู้ นึกว่าเธอเข้านอนไปแล้ว ก็เลยชักบันไดขึ้น เธอจะเรียกก็กลัวถูกด่า แล้วบอกให้ลอกลับเข้ากระท่อม ไม่ต้องเป็นห่วงเธอ ฝนซาเมื่อไหร่ เธอจะหาทางกลับไปนอนใต้ถุนเรือนเอง ลอต่อว่าทำไมจะต้องทำขนาดนี้ด้วย แล้วคว้ามือเธอฝ่าสายฝนกลับกระท่อมตัวเอง

“คืนนี้เอ็งนอนในกระท่อมข้าไปก่อน พอฟ้าสาง อาพิศตื่นทอดกระไดลงมา เอ็งค่อยย่องกลับขึ้นเรือน”

“ให้ฉันนอนในนี้ แล้วพี่ลอล่ะจ๊ะ”

ลอจะไปนอนตรงชายคาด้านนอกเอง หยิบผ้าขาวม้าผืนแห้งๆให้เธอเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วเดินออกไป...

ในเวลาเดียวกัน เพื่อนถูกมานพฉุดกระชากลากถูมาที่ห้องนอน เธอพยายามแกะมือออกเขายิ่งบีบแขนเธอแน่นขึ้น เธอเห็นท่าไม่ดี ร้องขอความช่วยเหลือลั่นบ้าน แต่ไม่มีใครหาญกล้าเข้ามาช่วย เพราะรู้ฤทธิ์เดชของมานพดี เพื่อนเปลี่ยนเป็นใช้ไม้อ่อน อ้อนวอนให้เขาปล่อย นอกจากจะไม่ทำตามที่ขอร้อง มานพยังพูดจาดูหมิ่นต่างๆนานา เธอโกรธก็เลยด่ากลับไปบ้างว่าเขาเหมือนสัตว์นรกจากอเวจี เทียบไม่ได้กับพี่ลอของเธอ มานพแค้นมากที่ถูกหยามตบเธอเลือดกบปากแล้วผลักลงบนเตียง

“เธออยากเปรียบเทียบฉันกับไอ้บ้านนอกอย่างไอ้ลอนักใช่ไหม ได้ ฉันจะลงมือกับเธอให้สาสม ให้เธอเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้ลอเองว่า ฉันกับมันใครเป็นผัวเธอได้ดีกว่ากัน” พูดจบมานพโถมตัวตาม...

ฝนที่ทุ่งบ้านสร้างยังคงเทกระหน่ำ แม้จะอยู่ในชายคา แต่ลอยังคงถูกละอองฝนสาดเนื้อตัวเปียกปอน ต้องหลบมายืนตรงหน้าต่างห้อง เห็นแพงกำลังปลดผ้าแถบออกเพื่อเช็ดตัวให้แห้ง เผยแผ่นหลังไร้อาภรณ์ปิดบัง เขาตระหนักทันทีว่าเธอเป็นสาวสะพรั่งถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอเหลือบมาเห็นลอที่มองตัวเองอยู่ก็ชะงัก แม้จะตกใจแต่ก็ไม่ได้โวยวาย เพียงขยับมาแต่งตัวให้พ้นสายตาเขาเท่านั้น ลอตะโกนบอกแก้เก้อ

“เอ็งปิดหน้าต่างซะด้วยนะอีแพง ฝนสาดแรงแบบนี้เดี๋ยวจะเปียกถึงข้างใน”

แพงรับคำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจออกมาเรียกลอให้เข้าไปนอนในกระท่อมด้วยกัน เธอไม่อยากให้เขาต้องป่วยเพราะตากฝน ขอร้องอยู่นานในที่สุดเขาก็ยอมเข้าข้างใน...

ด้วยความดีของแพง ประกอบกับฟ้าฝนเป็นใจ ทำให้ลอตัดสินใจดึงเธอมากอดแนบอก สารภาพผิดที่ ตัวเองหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นน้ำใจแสนประเสริฐที่เธอมีให้

“ข้าผิดนักอีแพงที่ปล่อยให้เอ็งต้องทนขมขื่นแล้วยังซ้ำเติมให้เอ็งต้องเจ็บช้ำอยู่คนเดียวได้ทุกวี่ทุกวัน ยกโทษให้ข้านะอีแพง ความรักที่เอ็งมีให้ข้ามันใหญ่เกินฟ้าเกินน้ำ แต่ข้ากลับย่ำมันแค่รอยฝ่าตีนเท่านั้นเอง”

แพงถึงกับร้องไห้โฮ “พี่ลอจ๋า น้ำตาที่ฉันต้องเสียไปเพราะพี่ ไม่ได้มาจากความเสียใจ แต่มาจากความรักที่ไม่ต้องการเหตุผล รักเพราะอีแพงเกิดมาเพื่อรักพี่ลอคนเดียว...พี่ลอจ๋า”

ลอเชยคางเธอขึ้นมาแล้วบรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ความรักของทั้งคู่ถึงจุดที่ไม่ต้องปกปิดอะไรอีกแล้ว ลอจุมพิตเธอไล่จากหน้าผากลงมาจนถึงริมฝีปาก แพงหลับตาพริ้ม ความสุขที่เฝ้ารอคอยมานานกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ลอกระซิบข้างหูว่ารักเธอ จากนั้นทั้งคู่เป็นของกันและกันด้วยความรักหมดหัวใจ...

ในขณะเดียวกันที่บ้านของเจ้าคุณรัตน์ เพื่อนกำลังถูกมานพจับกดลงกับเตียงแล้วซุกไซ้อย่างไม่ปรานีปราศรัย แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความรักที่ลอกับแพงกำลังมีให้กัน เพื่อนพยายามดิ้นหนี แต่ถูกมานพชกท้องจนจุกตัวงอ หมดเรี่ยวแรงจะขัดขืน ถูกเขาย่ำยีไม่มีชิ้นดี

ooooooo

บรรยากาศยามเช้าที่กระท่อมปลายนาอบอวลไปด้วยความรัก ลอกับแพงหยอกล้อกันราวกับคู่แต่งงาน ใหม่ ทั้งคู่ใจตรงกันอยากให้นี่เป็นความฝันจะได้ ไม่ต้องตื่น ลอซุกไซ้ซอกคอแพงอย่างรักใคร่

“อีแพง รู้ไว้ด้วยนะว่าเอ็งงามทั้งน้ำใจงามทั้งรูปกาย รักของเอ็งเป็นของวิเศษแก่ข้าข้าถึงอยากชื่นใจเอ็งอีก ให้สมกับที่ข้ารักเอ็งเข้าให้แล้ว” ลอพูดจบเปลี่ยนไปซุกซอกคออีกข้างของเธอ

“พี่ลอเนี่ย ไม่เอาแล้ว ไก่โห่จนเงียบเสียงไปนานแบบนี้ ถ้าพ่อตื่นขึ้นมาไม่เจอฉันล่ะก็...”ยังไม่ทันขาดคำมีเสียงพิศตะโกนเรียกลอดังขึ้น คู่รักข้าวใหม่ปลามันถึงกับตาเหลือกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

สักพักลอออกไปรับหน้าพิศที่ยังตะโกนโหวกเหวกจนเหนื่อยหอบอยู่หน้ากระท่อม ลอต้องช่วยประคองมานั่งที่แคร่ ถามว่ามาหาตนแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า เขามาตามหาแพงไม่รู้หายหัวไปไหน เลยต้องมาถามลอ

เผื่อจะรู้ ขณะที่ชายหนุ่มอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร แพงโผล่เข้ามาในสภาพหน้าตาเนื้อตัวเปรอะไปด้วยโคลน พิศตวาดลั่นหายหัวไปไหนมา ครู่ต่อมาลอพยุงพิศกลับมานั่งพักในเรือนของเขาเอง แพงที่ยังเนื้อตัวเปรอะโคลนเดินตามมาด้านหลัง พิศต่อว่าลูกสาวว่าจะไปดูแปลงปลูกผักทำไมไม่ปลุก อยู่ๆหายหัวไปตนก็ตกใจหมด แล้วถามว่าแปลงผักเป็นอย่างไรบ้าง

“โดนพายุพัดเสียหายเกือบหมด กว่าฉันจะเก็บไอ้ที่ดีๆเอาไว้ขึ้นมาได้ก็เล่นซะเอวเคล็ดเลยจ้ะ” แพงพูดพลางส่งสายตาให้ลอเป็นทำนองให้เออออตาม พิศไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก เธอขอไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน จะได้มาจัดยาและข้าวปลาอาหารให้ จากนั้นเดินไปล้างเนื้อล้างตัวที่ตุ่มน้ำใต้ถุนเรือน ลอตามเข้ามาจะคุยเรื่องระหว่าง เราสองคน แพงขอร้องอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้

“พ่อยังไม่หายดี ถ้าว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งกับฉันทั้งกับพี่เพื่อน ฉันกลัวพ่อจะรับไม่ได้”

“แต่ข้าอธิบายให้อาพิศเข้าใจได้”

“พี่พูดเหมือนไม่รู้จักนิสัยพ่อ ปัญหาทุกอย่างถ้ามีฉันไปเกี่ยวข้องด้วย พ่อไม่มีทางเข้าใจอะไรได้หรอก รอให้พ่อหายดีก่อนแล้วค่อยคิดกันอีกทีนะจ๊ะพี่ลอ”...

แม้ความรักของลอกับแพงยังต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้พิศล่วงรู้ แต่ก็ยังดีกว่าความรักของเพื่อนที่ตอนนี้ยับเยินไม่มีชิ้นดี นอกจากจะถูกชายที่ตัวเองหลงรักและหลงไว้ใจว่าเป็นเทพบุตรข่มขืน แถมยังพูดจาดูถูกให้เจ็บช้ำน้ำใจ เธอคว้ากรรไกรที่วางอยู่บนโต๊ะมากำไว้แน่นหวังจะเล่นงานให้สมแค้น แต่มานพรู้ทันเตือนว่าหากคิดจะทำร้ายเขาด้วยของแค่นั้นก็ให้คิดใหม่ กระชากกรรไกรไปจากมือ แล้วผลักเธอล้ม

“เธอจะไม่มีวันได้แก้แค้นฉันเพราะถ้าเธอทำให้ฉันเจ็บอีกแม้แต่รอยข่วน เธอได้ถูกฉันจับขังคุกในพระนครแน่ เข้าใจไหม” มานพบีบปากเพื่อนที่พยักหน้ารับทั้งน้ำตาด้วยความหวาดกลัว “ดีมาก อ้อ แล้วถ้าหน้าบางกลัวว่ากลับไปบ้านสร้างแล้วไอ้ลอจะไม่เอาทำเมียอีก เธอจะอยู่พระนครต่อไปก็ได้นะ ฉันจะเลี้ยงดูเธอเหมือนที่วิชิตเลี้ยงดูคุณแรม แต่เธอต้องทำตัวดีๆอยู่ในโอวาทของฉัน” มานพดึงเพื่อนมาหอมแก้มแรงๆ เธอขยะแขยงผลักเขาออกห่าง เขาเห็นท่าทางของเธอแล้วยิ่งชอบใจ เดินจากไปอย่างสบายอารมณ์

“อีแรม มึงทำให้กูต้องเป็นแบบนี้ มึงอย่าอยู่เลย” เพื่อนขบกรามแน่นด้วยความแค้น คิดหาทางเอาคืนแรมให้สาสม จึงร่วมมือกับเมียหลวงของวิชิต หลอกแรมว่าวิชิตจะมาพบที่สมาคมนักเรียนนอก โดยเพื่อนจะเป็นคนชี้ตัวให้ เพราะเมียของวิชิตไม่รู้จักหน้าค่าตา แรมมาก่อน เธอหลงกลไปรอวิชิตที่ห้องพักรับรอง กลับเจอเมียของเขากับชายฉกรรจ์ 2 คนรออยู่แทนที่

ครู่ต่อมาขณะเพื่อนยืนอยู่หน้าสมาคมพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทาง เห็นแรมถูกชายฉกรรจ์ 2 คนลากตัวออกมา เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือทั้งที่มีผ้าอุดปากแต่เพื่อนยืนมองเฉยๆ เมียของวิชิตที่เดินปิดท้าย หยุดขอบใจเพื่อน แล้วเดินตามคนของตัวเองออกไป

“อโหสิให้ฉันด้วยนะพี่แรม” เพื่อนพึมพำไล่หลัง ก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินทางแยกไปอีกทางหนึ่ง...

แรมหนีชะตากรรมของตัวเองไม่พ้น ถูกชายฉกรรจ์กรีดหน้าอย่างโหดเหี้ยมและถูกทิ้งให้นอนจมกองเลือดตายอนาถ ชะตากรรมของเพื่อนก็ไม่ได้ดีกว่ากันนัก เธอหิ้วกระเป๋าเดินทางมาตามถนนอย่างไร้ทางไป หนุ่มสาวชาวพระนครสองคนเดินคุยกันไม่ดูทาง ชนเธอเสียหลักกระเป๋าตกพื้น ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหลุดจากปากของทั้งคู่ แถมยังปรายตามองเหยียดๆ เพื่อนทรุดลงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า น้ำตาไหลพรากท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวจะหยุดช่วยเหลือ

“พี่ลอ...พี่ลอจ๋า ฉันไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว พี่ลอจ๋า” เพื่อนร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา

ooooooo

แก้วหอบผ้าจะมาซักที่ริมตลิ่ง เจอแพงนั่งซักผ้าอยู่ก่อนแล้ว จัดแจงจะเดินหนี แต่เธอเห็นเสียก่อน ร้องเรียกให้มาซักผ้าด้วยกันตรงนี้ แก้วล้มเลิกความตั้งใจจะซักผ้า อ้างวันนี้แดดไม่ดี แล้วหันหลังจะไป แพงวิ่งไปขวางไว้ พยายามง้อขอให้กลับมาเป็นสหายรักกันเหมือนเดิม แต่เธอไม่สนใจเดินหนีไปหน้าตาเฉย

“อีแก้ว เดี๋ยวสิวะ...อีแก้ว” แพงหันไปคว้าตะกร้าใส่ผ้าที่ซักแล้วรีบเดินตาม

ระหว่างนั้นลอลากไอ้เปลี่ยวเดินสวนมาโดยมีด้วงเดินต่อว่าตามหลังว่าไปดุมันทำไม น่าจะปล่อยให้มันมีความสุขตามประสาควาย แพงอดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ด้วงเสนอหน้าเล่าเป็นฉากๆ

“ไอ้ลอมันหาไอ้เปลี่ยวตั้งแต่เช้า แต่พอข้าบอกว่าเจอไอ้เปลี่ยวมันไปคลอเคลียจ้องทับอีเหม็นเท่านั้นแหละ ไอ้ลอก็ไปฉุดไปลากมันกลับมาซะอย่างนั้น มันเป็นควายนะโว้ย จะให้มันทับแต่อีจั่นตัวเดียวพอได้อย่างไร มันติดสัดอยากทับตัวอื่นอีกก็ปล่อยมันเถอะวะ”

ลอปฏิเสธว่าไม่ได้จะแยกไอ้เปลี่ยวกับอีเหม็นอย่างที่ด้วงว่า แค่จะเอามันไปให้ผู้ใหญ่ผาดยืมเทียมเกวียนตามที่รับปากไว้ตั้งแต่เมื่อวานซืนต่างหาก ด้วงถึงกับร้องอ้าว ทำไมไม่บอกให้หมด ปล่อยให้ตนหลงคิดไปเองว่าเขาอิจฉาควายคู่ใจที่มีตัวเมียให้คลอเคลียเยอะแยะ แต่คู่หมั้นของเขายังไม่โผล่หัวมาสักที แล้วหัวเราะชอบใจ แพงหมั่นไส้ ยันโครมเดียวด้วงหงายท้องก้นจ้ำเบ้า เขาโวยวายมาถีบเขาทำไม

“ก็ปากเอ็งชักเอาใหญ่ เล่นไม่เห็นหัวเห็นหาง ถ้าข้าเห็นเอ็งล้อเลียนพี่ลอเรื่องนี้อีก ข้าจะเลาะฟันเอ็งออกมา แล้วยัดลงคอให้เอ็งกลืน” แพงท่าทางเอาจริง ลอจับมือห้ามเธอไว้ อย่าไปถือสาหาความด้วง

“เอ็งซักผ้าเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวข้าช่วยงานอาผู้ใหญ่เสร็จแล้วจะหิ้วท้องรอเอ็งเก้อ”

“จ้ะพี่ลอ ฉันจะรีบกลับไปหุงข้าวรอพี่เดี๋ยวนี้แหละ” แววตาของแพงที่มองลออย่างรักใคร่ทำให้แก้วอดสงสัยไม่ได้ รีบตามมาถามว่าเธอกับลอตกลงปลงใจรักกันแล้วใช่ไหม แพงตัดสินใจบอกสหายรักว่าเป็นความจริง ต่อไปนี้ตนไม่ต้องทนขมขื่นเพราะรักเขาข้างเดียวอีกแล้ว แก้วตกใจถึงกับอ้าปากค้าง

“แต่ไม่ใช่อย่างที่เอ็งกลัว พี่ลอเขาเห็นความดีที่ข้าทำเพื่อเขา เขาก็เลยรักข้าจริงๆไม่ใช่เพราะเขาไม่เหลือพี่เพื่อนแล้วจะใช้ข้าแก้เหงา”

แก้วอดเป็นห่วงแทนไม่ได้ แพงแน่ใจได้อย่างไรในเมื่อตอนที่ลอถูกเพื่อนทิ้ง จะเป็นจะตายให้ได้ไม่ใช่หรือ เธอมั่นใจ ทุกคำพูดของเขาพูดออกมาจากใจซื่อๆก็เหมือนที่แก้วแน่ใจว่าก้อนรัก

“ตอนนี้ข้ามีความสุขแล้วอีแก้ว ต่อให้ต้องเจอทุกข์อีกหนักหนาแค่ไหน ข้าก็จะไม่เจ็บปวดอีกเพราะข้าได้

ความรักจากพี่ลอมาแล้ว เอ็งจะไม่ดีใจกับข้าหน่อยเหรอเพื่อนรัก ข้าอยากให้เอ็งสุขไปกับข้าด้วยนะอีแก้ว” แพงบอกทั้งน้ำตา แก้วโผกอดเธอร้องไห้ดีใจไปด้วยในที่สุดเธอก็มีความสุขเหมือนคนอื่นสักที

ooooooo

ลอแวะมาที่คุ้งต้นไทรตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง เข้าไปคุกเข่าใต้ต้นไทร กำพระเครื่องที่ห้อยคอไว้แน่น

“ฉันมีเรื่องต้องสารภาพจ้ะพ่อ ฉันเคยตั้งต้นชีวิตด้วยคำสาบานว่าจะรักแต่แม่เพื่อนผู้เดียว แต่แม่เพื่อนกลับว่าคำสาบานนั้นมาแต่ปากฉันไม่ได้มาจากปากเขา เวลานั้นฉันเหมือนคนกำลังจมน้ำ แต่ก็มีเชือกมาให้ฉันยึดเหนี่ยว เชือกนั่นก็คืออีแพง มันยื่นความรักให้ฉันอย่างที่ไม่กลัวว่าเชือกจะพันคอตัวเอง ความดีงามของมันทำให้ฉันทั้งโง่และหูหนวกตาบอด” ลอคลายมือที่กำพระเครื่อง แล้วก้มลงกราบ

“ฉันตั้งใจมากราบ มาขอให้พ่อเป็นพยาน ฉันไม่ได้เป็นอย่างกังหันที่หมุนตามแต่ทิศที่ลมพาไป แต่ฉันรักอีแพงด้วยใจจริงและจะรักแต่อีแพงผู้เดียว” สิ้นคำมีลมพัด

วูบเข้ามาราวกับวิญญาณเสือเทิดรับรู้ พร้อมกับมีผีเสื้อสองตัวบินวนเวียนหยอกล้อกันไปมาอย่างมีความสุข ลอเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้

จังหวะนั้นแพงวิ่งมาหา พลางชูห่อผ้าใส่อาหารในมือ “ฉันหาพี่ลอซะทั่ว กลัวพี่ลอหิวจน...”

ลอไม่ปล่อยให้เธอพูดอะไรอีกรวบตัวมาแนบอก แล้วเอานิ้วแตะริมฝีปากไว้ “ตอนนี้ข้ายังไม่หิวข้าวหรอกอีแพง ข้าอยากจูบเอ็งมากกว่า” ไม่พูดเปล่า เขาก้มหน้าจะทำตามที่พูด เธอเอียงหลบ ไม่ยอมให้เขาจูบง่ายๆ คู่รักหยอกล้อกันอย่างมีความสุข แพงหนีไปแอบข้างหลังกองฟางเพื่อให้ลอหาไม่เจอ แต่เขารู้ทันย่องมารวบเธอจากด้านหลังระดมจูบไปทั่วตัว เธอขอร้องอย่าทำแบบนี้เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า

พูดยังไม่ทันขาดคำมีเสียงของพิศ ก้อนและแก้วเดินคุยกันดังเข้ามา เกี่ยวกับงานแต่งงานของแก้วกับก้อนที่กำลังจะมีขึ้น คู่รักข้าวใหม่ปลามันต่างรีบหลบกลัวพิศจะเห็น แต่แพงดันสะดุดหกล้มมีเสียงดังลอดออกมา พิศหันมองตามเสียง ร้องถามว่าใคร แก้วซึ่งอยู่ใกล้กองฟาง ชะโงกหน้าไปดู เห็นทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดกันก็ตกใจ แต่รีบปรับสีหน้าเป็นปกติ พิศสงสัยไม่หายถามเธอว่าใครอยู่ตรงนั้น

“เอ่อ เปล่าจ้ะอา หมาแถวนี้มันมามุดกองฟางเล่นจ้ะ...ฉันว่าได้เวลาอาต้องกินยาแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ มาเถอะจ้ะเดี๋ยวฉันพาอาไปเอง” แก้วรีบประคองพิศเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง

ooooooo

เสร็จจากงานตัวเอง แพงมักจะหลบมาพลอดรักกับลอเป็นประจำ วันนี้ก็เช่นกัน ทั้งคู่แอบมาเจอกันที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้บึง ลอนอนหนุนตักแพงเป่าขลุ่ยอย่างมีความสุข เธอฟังเสียงขลุ่ยของเขาไม่รู้จักเบื่อขอแล้วขออีก เขาเลยยื่นขลุ่ยให้เธอไปเป่าเอง แล้วนึกขึ้นได้ว่าเธอเป่าขลุ่ยไม่เป็น เก่งแต่เป่าปี่

“เป่าปี่ฉันก็เป่าไม่เป็นเหมือนกัน” แพงพาซื่อ

“ข้าไม่ได้หมายถึงปี่จริงๆ ข้าหมายถึงตั้งแต่เอ็งเป็นเด็ก เอ็งเก่งแต่ร้องไห้ขี้แย โตเป็นสาวเอ็งก็ยังน้ำหู น้ำตาไหลพราก เอะอะก็ร้องไห้เป็นเป่าปี่ตลอดไง”

แพงถึงกับลุกพรวด ลอที่หนุนตักอยู่ไม่ทันตั้งตัวหล่นตุ๊บลงไปกองกับพื้น เขาเห็นเธองอน จัดแจงจะโอ๋ เธอเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับต่อว่าว่าไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง เขาหัวเราะชอบใจดึงเธอมากอดจนได้

“เล่นตัวพอหอมปากหอมคอเถอะอีแพง เพราะเอ็งขี้แยน้ำหูน้ำตาไหลบ่อยๆไม่ใช่เหรอ ข้าถึงต้องคอยอยู่ใกล้เอ็งมาตลอดเพราะหน้าไหนก็ปลอบใจเอ็ง สั่งน้ำตาเอ็งไม่ให้ไหลได้ทันใจอย่างข้า ใช่ไหมอีแพง” ลอหอมแก้มแพงซึ่งยิ้มแก้มป่องอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของเขา...

ครั้นตกค่ำ แพงรอจนพ่อเข้านอน ลอบมาหาลอที่กระท่อมปลายนา แกล้งเอาผมปรกหน้าทำเป็นผีมาหลอก เขาเลยกอดคนชอบกลั่นแกล้งคนอื่นจนหนำใจ แล้วอุ้มเธอไปวางบนแคร่ในกระท่อม ค่อยๆคลี่ผ้าแถบของเธอออก จุมพิตไปทั่วตัวอย่างอ่อนโยน แล้วกระซิบข้างหูว่ารักและคิดถึงเธอมากมายขนาดไหน

“ฉันก็คิดถึงพี่ลอจ้ะ ถ้าไม่มีพี่ลอ ฉันก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร”

“เอ็งไม่ต้องกลัวหรอก แค่มีชีวิตอยู่เพื่อข้าเอ็งก็เตรียมสำลักความสุขได้...เออ วันนี้ข้าเห็นอาพิศอาการเริ่มจะดีขึ้นบ้างแล้ว อีกไม่นานอาพิศก็คงจะหายดี ข้าจะสารภาพกับเขาทุกอย่าง เราจะได้ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆทำเหมือนลักกินขโมยกินกันอยู่แบบนี้” ลอพูดจบ บรรจงจูบหน้าผากเธอ แล้วไล่มาที่ซอกคอ เรื่อยมาที่หัวไหล่ แพงหลับตาเคลิ้มไปกับความรักที่เขามอบให้

ooooooo

เรืองถึงกับหน้าเศร้าเมื่อได้ฟังเรื่องราวความรักของแพงกับลอจากก้อน แก้วเห็นสีหน้าเขาแล้ว ต้องสะกิดเตือนชายคนรักให้ระวังคำพูด ก้อนขอโทษเขาด้วย ลืมไปว่าเขาเคยแอบชอบแพงมาก่อน

“ไม่เป็นไรหรอกไอ้ก้อน ข้ารักอีแพงเพราะอยากเห็นมันมีความสุข ถ้ามันสุขอย่างที่เอ็งว่ามา ข้าก็ดีใจด้วย แต่ถ้าจะห่วงก็อาพิศนั่นแหละ แกจะทำใจได้เหรอวะถ้ารู้ความจริงเรื่องพี่เพื่อน”

“ฉันก็กลัวอาพิศจะไม่เข้าใจ เห็นกันมาแต่ไหนแต่ไรว่าแกรักพี่เพื่อนธรรมดาซะที่ไหน คิดว่าเป็นเทวดามาเกิดเป็นลูกด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อความจริงพี่เพื่อนไม่ได้ดีอย่างที่แกคิด แกก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้สิ”...

คนที่แก้วพูดถึงมาทำบุญที่วัดบ้านสร้าง และกราบขอพรจากสมภารบุญให้เพื่อนเพราะเชื่อว่าที่ตัวเองอาการดีขึ้นได้ก็เพราะเธอเป็นธุระสั่งให้แพงคอยดูแล สมภารบุญทักท้วงทำไมถึงขอพรให้แค่เพื่อนคนเดียว เอาแพงซึ่งคอยดูแลใกล้ชิดไปทิ้งไว้ไหน

“ถ้าหลวงพ่อจะพูดเรื่องนี้กับผมอีก ผมว่าอย่าเสียเวลาเลยครับ หลวงพ่อไม่ใช่คนที่ต้องเจออย่างผม ไหนจะต้องเสียเมีย ไหนชีวิตต้องฉิบหายเพราะ...”

“เพราะเหล้าไม่ใช่เพราะอีแพง” สมภารบุญดักคอ พิศขี้เกียจเถียงพระให้บาปกรรมเปล่าๆ กราบลาท่านกลับไปกินยาหน้าตาเฉย สมภารบุญได้แต่มองตามส่ายหน้าระอาใจ...

ณ ตลาดท่าน้ำในตัวอำเภอ เพื่อนในชุดสวยอย่างสาวพระนครนั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านกาแฟ คิดไม่ตกจะกลับทุ่งบ้านสร้างดีหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าลอกับแพงเล่าเรื่องอะไรของตัวเองให้พ่อฟังบ้าง ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คนแจวเรือเข้ามาสะกิดถามว่าใช่เธอหรือเปล่าที่จะจ้างเรือแจวไปส่งทุ่งบ้านสร้าง พอเขาเห็นหน้าเธอชัดๆก็จำได้ ร้องทักว่านังเพื่อนลูกสาวคนโตของพิศใช่ไหม เขาได้ยินพิศเที่ยวคุยไปทั่วว่าเธอได้ดิบได้ดี

มีงานทำที่พระนคร จะหอบเงินกลับมาแต่งงานกับลอและยังบอกอีกว่าจะจัดงานให้ใหญ่โต

“พ่อพูดอย่างนั้นจริงๆเหรอลุง” เพื่อนสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวังที่พ่อยังไม่รู้ความจริง

“ทำไมเอ็งถามข้าอย่างนี้วะนังเพื่อน”

เพื่อนกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร เธอแค่ไม่ได้เจอพ่อมานานเลยคิดถึง แล้วบอกคนแจวเรือว่าอีกสักพักค่อยเอาเรือมารับ เธอขอไปซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากพ่อกับพี่ลอก่อน...

ให้บังเอิญด้วงมาซื้อของกินที่ตลาดท่าน้ำเช่นกัน เจอเพื่อนกำลังเดินซื้อของฝากอยู่ระยะไกลๆ พยายามตะโกนเรียก แต่เธอไม่ได้ยินเพราะมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ เขารีบเดินตามแต่ก็คลาดกัน...

ที่เถียงนา แพงนั่งดูลอกินข้าวฝีมือตนเองอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่วายแขวะ พอหลงเธอเข้าหน่อย จากเมื่อก่อนด่าว่าว่าฝีมือทำกับข้าวของเธอกระเดือกแทบไม่ลง มาตอนนี้กินมูมมามไม่หยุด

“ปัดโธ่เว้ยอีแพง เมื่อก่อนฝีมือทำกับข้าวเอ็งมันไม่ได้ความจริงๆ แต่เพราะเอ็งพยายามฝึกทำจนรสมือเอ็งดีขึ้นพะเรอเกวียน แล้วจะไม่ให้ข้าหลงรสมือเอ็งได้อย่างไรวะ”

“ฉันพยายามก็เพราะรักพี่ลอ อะไรที่ทำให้พี่ลอมีความสุขไม่ต้องทุกข์ต้องโศก ฉันทำได้ทั้งนั้นแหละจ้ะ”

“น้ำใจเอ็งมันประเสริฐอย่างนี้แหละอีแพง ข้าถึงรักเอ็งนัก” ลอลูบแก้มแพงด้วยความรักเต็มหัวใจ...

เรือง ก้อนและแก้วยังคงคุยกันถึงเรื่องของลอและแพง เรืองเองก็ภาวนาให้อาพิศเข้าใจและเห็นดีให้ลอกับแพงได้รักกัน ทั้งคู่จะได้พ้นทุกข์พ้นโศกกันสักที แก้วเสนอตัว หากเขายังไม่เข้าใจ ตนจะไปยืนยันเองว่าพี่เพื่อนลูกรักของเขา ทำตัวแย่แค่ไหนตอนอยู่พระนคร ระหว่างนั้น ด้วงวิ่งหน้าตั้งเข้ามาถามหาลอกับแพง เนื่องจากไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอใคร ก้อนสงสัยมีธุระอะไรร้อนหนักหนา

“ข้ามาบอกข่าวดีให้ไอ้ลอเนื้อเต้นที่จะได้เจอแม่เพื่อนแล้วน่ะสิวะ”

ทั้งสามคนต่างตกใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนกลับมา โดยเฉพาะแก้วถึงกับหน้าเครียด ฉุดก้อนให้ออกจากบ้านครูแสง สั่งให้ไปหาพี่ลอที่กระท่อม ส่วนเธอจะไปดูที่เถียงนาเอง เจอทั้งคู่เมื่อไหร่เร่งให้ไปเล่าความจริงทุกอย่างให้อาพิศฟัง ก่อนที่พี่เพื่อนจะเจอหน้าเขา ก้อนท้วง หากทั้งคู่เจอหน้ากันก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

“โธ่พี่ก้อน คนเห็นแก่ตัวอย่างพี่เพื่อน พี่คิดหรือว่าจะสารภาพเรื่องตัวเองทำระยำอะไรไว้ที่พระนคร

ยังไงก็ต้องพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้อีแพง แล้วทีนี้ถ้าต่อให้พี่ลอกับอีแพงพูดความจริงอะไรออกไป อาพิศก็ยิ่งไม่ฟัง พาลเอ็ดตะโรเพราะมีพี่เพื่อนคอยแก้ตัวอยู่ตรงหน้า”

ooooooo

เพื่อนมาแผนสูง ซื้อขนมจากตัวอำเภอมาฝากลูกเด็กเล็กแดงของชาวทุ่งบ้านสร้างที่อยู่แถวท่าน้ำ ได้ใจจากชาวบ้านไปอักโข พวกนั้นยังไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้นในพระนคร ต่างหลงไปกับรูปลักษณ์งดงามภายนอก เพื่อนปล่อยให้ทุกคนได้ชื่นชมตนเองพอหอมปากหอมคอ จึงขอตัวไปหาพ่อก่อน คิดถึงท่านเหลือเกิน

“ไอ้พิศน่ะเหรอ ข้าเพิ่งเห็นมันอยู่แถววัด ไปทำบุญอยู่เมื่อครู่นี้”

แก้ววิ่งมาถึงเถียงนาแต่ไม่เจอใคร ร้องเรียกทั้งลอและแพงก็ไม่มีใครขานตอบ สักพักก้อนตามมาสมทบเนื่องจากหาทั้งคู่ไม่เจอเช่นกัน แล้วเหลือบไปเห็นไอ้เปลี่ยวยืนกินหญ้าอยู่

“เดี๋ยวก่อนแม่แก้ว มันทิ้งไอ้เปลี่ยวไว้ แสดงว่าพวกมันคงอยู่ไม่ไกลแถวนี้”

เป็นอย่างที่ก้อนตั้งข้อสังเกต แพงกับลอกำลังจับปลาอยู่ที่บึงน้ำไม่ห่างกันนัก เธอเริ่มเป็นกังวลเนื่องจากลอดำน้ำลงไปจับปลานานผิดปกติ ร้องเรียกให้ขึ้นจากน้ำแต่ทุกอย่างเงียบ อึดใจลอโผล่พรวดขึ้นจากน้ำ ท่าทางลิงโลดที่จับปลาตัวใหญ่ได้ เธอปรี่เข้าไปปัดปลาในมือแล้วผลักอกเขา

“ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ” แพงต่อว่าทั้งน้ำตา ลอเห็นเข้าก็เดาออกทันที

“นี่เอ็งกลัวข้าจะจมน้ำตายเหรอ โธ่เอ๊ยอีแพง เอ็งก็รู้ว่าทั้งบ้านสร้างไม่มีใครดำน้ำได้นานเท่าข้า จนเขาหาว่าชาติที่แล้วข้าเคยเกิดเป็นปลา เพราะฉะนั้นในน้ำไม่ใช่ที่ตายของข้าหรอก”

แพงไม่สนใจ ขอแค่เขาอย่าทำแบบนี้อีก เขารับปากจะไม่ทำอะไรให้เธอเป็นห่วงและที่สำคัญเขา

ไม่อยากตายในเมื่ออยู่กับเธอแล้วมีความสุขอย่างนี้ ก็ต้องอยู่ในนานที่สุด แล้วดึงเธอมากอดขโมยหอมแก้ม พลันมีเสียงแก้วตะโกนโหวกเหวกเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน บอกว่าพี่เพื่อนกลับมาทุ่งบ้านสร้างแล้ว...

เสร็จธุระเรียบร้อย พิศกำลังเดินออกจากวัด เพื่อนวิ่งมาจากอีกทางหนึ่ง ร้องเรียกเขาว่าตนเองกลับจากพระนครแล้ว แต่ไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น...

ในเวลาต่อมาแพงวิ่งหน้าตื่นกลับมาที่บ้านตะโกนเรียกพ่อเสียงลั่นแต่ไม่มีเสียงขานตอบ กำลังจะไปตามหาที่อื่น แต่มีเสียงพิศต่อว่าดังมาจากใต้ถุนเสียก่อนว่าจะแหกปากเป็นเจ๊กตื่นไฟทำไม มีใครตายหรือ

“ไม่มีใครตายหรอกจ้ะ แต่ฉันมีเรื่องต้องคุยกับพ่อ ฉันต้องเล่าความจริงทุกอย่างให้พ่อฟัง เรื่องที่ฉันกับพี่ลอจำเป็นต้องโกหกพ่อ เรื่องพี่เพื่อน” คำพูดของแพงทำให้พิศหูผึ่งทันที...

ระหว่างที่แพงกำลังเล่าถึงเรื่องเลวร้ายที่เพื่อนก่อไว้ที่พระนคร ลอตามหาพิศมาถึงท่าน้ำของวัด พร้อมกับถามชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาว่าเห็นเขาบ้างหรือเปล่า ทันใดนั้นมีเสียงเพื่อนดังขึ้นทางด้านหลัง

“ถามหาแต่พ่อ จะไม่ถามหาฉันเลยเหรอจ๊ะพี่ลอ”

คนถูกเอ่ยชื่อถึงกับชะงัก ค่อยๆหันไปเห็นเพื่อนยืนมองด้วยน้ำตาคลอเบ้า คร่ำครวญว่าคิดถึงเขาเหลือเกิน คิดถึงแทบใจจะขาด แล้วโผซบหน้ากับอกเขาซึ่งได้แต่ยืนตะลึง...

คำบอกเล่าของแพงไม่มีน้ำหนักเหมือนเช่นเคย นอกจากพิศจะไม่เชื่อว่าลูกสาวสุดรักสุดสวาทจะทิ้งลอไปหาชายอื่น ยังหาว่าแพงแต่งเรื่องเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้พี่สาวตัวเองแล้วตบสั่งสอนไปหนึ่งที แพงย้ำหนักแน่นว่าเป็นเรื่องจริง พี่เพื่อนใจโลเลเห็นคนอื่นดีกว่าพี่ลอ รักแต่ตัวเองอยากสุขสบายเป็นคุณนายพระนคร ไม่เคยคิดสงสารคู่หมั้นแม้แต่นิดเดียว พิศสั่งให้หยุดใส่ความพี่สาว ไม่อย่างนั้นจะตีให้ตาย

“ฉันเอาความจริงมาเล่าให้พ่อฟังเพราะอยากให้พ่อเลิกรักพี่เพื่อนไม่ลืมหูลืมตาสักที ถ้าพ่อไม่เชื่อพ่อก็ถามพี่ลอถามพี่ก้อนหรืออีแก้วดูก็ได้ ทุกคนรู้เห็นหมดว่าพี่เพื่อนทำร้ายจิตใจพี่ลอยังไง”

พิศโกรธจัดคว้าไม้เรียวที่เหน็บข้างฝาฟาดแพงไม่ยั้ง “ต่อให้มึงเอาพวกพ้องมึงมาช่วยปด มึงก็ตอแหลกูไม่ได้หรอกเพราะอะไรรู้ไหมอีแพง มึงมานี่กูจะให้ดู” พูดจบ เขากระชากเธอขึ้นไปที่ห้องนอน ผลักให้ดูเสื้อผ้าข้าวของที่กองอยู่เต็มแคร่ รวมทั้งพระเครื่องเลี่ยมทองและของมีค่าอีกหลายอย่าง ของเหล่านี้เป็นของที่เพื่อนหอบหิ้วมาจากพระนคร แพงตกใจ นี่พ่อเจอพี่เพื่อนแล้วหรือ

“เออ นังเพื่อนมันกลับมา มันก็ตรงมาหาข้าทันทีเพราะมันคิดถึงข้า มันหอบข้าวของมาฝากเยอะแยะ ไม่เหมือนเอ็งที่พอรู้ว่าพี่สาวเอ็งจะกลับมา เอ็งก็รีบป้ายสีเขา”

แพงปฏิเสธว่าไม่ได้ป้ายสี สิ่งที่เล่าให้พ่อฟังเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่เชื่อก็ให้ถามพี่ลอ พิศโมโหมากจับเธอเหวี่ยงไปกระแทกตู้เก็บของถึงกับร้องไห้โฮ แล้วสั่งห้ามเอาลอมาอ้าง เพื่อนเล่าให้ตนฟังหมดแล้วว่าที่เธอไม่กล้ากลับมาบ้านสร้างพร้อมกับลอเพราะเธอไม่คิดว่าน้องในไส้จะกล้าแย่งผู้ชายที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย

“ไงล่ะอีแพง มึงคิดว่าพี่มึงตอแหลกับกู มึงก็บอกมาว่ามึงไม่ได้รักไอ้ลอ...พูด”

แพงเอาแต่ร้องไห้พูดอะไรไม่ออก พิศเจ็บบริเวณท้องขึ้นมาอีกถึงกับทรุดลงกองกับพื้น

ooooooo

ลอจ้ำพรวดๆจะกลับไปหาแพงที่บ้านโดยมีเพื่อนตามมาขอร้องให้หยุดฟังเธออธิบายก่อน เขาตัดพ้อต่อว่าทีตอนนี้มาขอให้เขาหยุดเพื่อเธอ แล้วทำไมเวลาที่เขาขอให้เธอหยุดเพื่อเขาบ้าง เธอกลับไม่สนใจ

“แม่เพื่อนใจร้ายกับพี่ แม้แต่จะหันกลับมาดูพี่อีกครั้งก็ยังไม่ทำ ใจของแม่เพื่อนมีแต่มัน แล้วตอนนี้แม่เพื่อนยังต้องการอะไรจากพี่อีก”

เพื่อนขอโทษที่ทำให้พี่ลอเสียใจ ยอมรับว่าตัวเองเลวไม่ขอแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น แต่อยากให้เขายกโทษให้บ้าง ลอทำไม่ได้เพราะสิ่งที่เธอทำกับเขามันมากเกินจะรับไหว เธอออดอ้อนตั้งแต่เราโตมาด้วยกัน เคยมีสักครั้งไหมที่เธอทำให้เขาโกรธ คราวนี้เธอหลงผิดไป เหมือนที่พ่อของเขาเคยทำ แต่เขาก็ยังรักท่าน

“แล้วทำไมกับฉัน ที่รู้ตัวแล้วว่าเป็นคนชั่วช้าที่รักพี่...พี่ถึงไม่ยอมยกโทษให้ฉันบ้าง” เพื่อนบีบน้ำตาสะอึกสะอื้น จับมือลอมาแนบตรงหัวใจตัวเอง “อโหสิให้ฉันนะพี่ลอ ผู้หญิงเลวๆคนนี้ขอสาบานว่าจะมีแต่ความซื่อสัตย์ให้พี่” คำพูดของเพื่อนทำเอาลอสีหน้าเคร่งเครียด เธอเห็นเขานิ่งเงียบ เสนอให้ไปสาบานที่คุ้งต้นไทร ถ้าเขาไม่เชื่อคำพูดของเธอ ลอค่อยๆดึงมือออก

“พี่ยอมรับว่าพี่ดีใจที่เห็นแม่เพื่อนกลับมา แต่พี่ไม่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากรู้ว่าทำไมแม่เพื่อนถึงเรียกร้องให้พี่รักแม่เพื่อนอีกครั้ง...พี่ต้องไปหาอาพิศ เขาเป็นคนเดียวที่ควรจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่พระนคร” พูดจบ ลอเดินจากไป ทิ้งให้เพื่อนยืนอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะใจแข็งกับตนเองถึงเพียงนี้...

ทางด้านแพงเห็นพ่ออาการไม่ค่อยดีประคองไปนั่งพัก แล้วรีบรินยาหม้อมาให้ดื่ม พิศไม่รับความหวังดีปัดมือเธออย่างแรงจนถ้วยยากระเด็น ไล่เธอไปให้พ้นหน้า แพงขอร้องให้พ่อกินยาก่อนแล้วเธอถึงจะไป เขารวบรวมแรงเท่าที่มีผลักลูกชังออกห่าง

“กูบอกให้ไป อย่า...อย่าหวังว่ามึงจะ...จะมายืนดูกูตายให้...สะใจมึงเลย อี...แพง”

แพงมองพ่อด้วยสายตาเจ็บปวด เดินคอตกลงมานั่งร้องไห้ใต้ถุนบ้าน ลอกลับมาถึงเห็นเธอน้ำตานองหน้า ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าอาการป่วยของพิศกำเริบ เธอพยายามจะช่วยแต่ท่านไม่ยอมให้แตะต้อง

“ฉันเล่าเรื่องพี่เพื่อนให้พ่อฟัง พ่อหาว่าฉันตอแหลป้ายสีพี่เพื่อนเพราะจะแย่งพี่ลอไปจากพี่เพื่อน”

ลออาสาจะไปดูเขาให้เอง แต่ยังไม่ทันขยับ เพื่อนร้องห้ามไว้ ในเมื่อท่านฟังเธอคนเดียว เธอจะขึ้นไปดูแลท่านเอง ขืนให้คนอื่นทำก็รังแต่จะทำให้ท่านยิ่งแย่ลงไปอีก ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ปล่อยให้ท่านเป็นอะไร แล้วเดินลิ่วขึ้นบ้าน โดยมีแพงกับลอแอบชะเง้อคอยาวมองตาม
แพงต้องเจ็บปวดใจอีกครั้งที่พ่อเชื่อฟังพี่เพื่อนทุกอย่าง ยอมกินยาที่เธอป้อนให้อย่างว่าง่าย ลอเห็นแล้วอดสงสารแพงไม่ได้ จับมือมากุมไว้ บอกให้รออยู่ตรงนี้ก่อน เขาจะขึ้นไปเล่าทุกอย่างให้อาพิศฟังเอง

“ไม่นะพี่ลอ อย่าให้ฉันต้องเป็นสาเหตุทำร้ายพ่อมากไปกว่านี้เลย ฉัน...ฉันทำให้แม่ต้องตายไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้ฉันต้องทำให้พ่อตายตามแม่ไปอีกคนเลยนะ อย่าพูดเรื่องของเราให้พ่อฟัง ฉันขอนะจ๊ะพี่ลอ”

ลอฮึดฮัดจะขึ้นไปหาพิศให้ได้ แพงยื่นคำขาด หากเขาดึงดัน เขาจะไม่ได้เจอหน้าเธออีกตลอดชาติ

ooooooo
ที่มาไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น