วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 11


คมกริชพาเพียงนภาส่งโรงพยาบาลและเฝ้าอยู่จนเธอรู้สึกตัว เขาเล่าให้เธอฟังว่า

“โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก รถยังเบรกทัน มีแผลถลอกบ้างนิดหน่อย แต่นภาคงปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่บ้าง” เพียงนภาถามว่าเขามาได้อย่างไร “พี่ผ่านไปพอดีก็เลยพานภาส่งโรงพยาบาล” เพียงนภาโวยวายว่ามาช่วยตน ทำไม ตนอยากตาย “แต่ก่อนหน้าจะเจออติเทพ นภาก็อยู่ได้นี่นา ถ้านภาไม่อยู่แล้วใครจะดูฟูจัง ในบ้านมีแต่นภาคนเดียวนี่ที่ดูฟูจัง”

พอพูดถึงฟูจัง เพียงนภาก็สีหน้าผ่อนคลายเป็นห่วงว่าแล้วใครจะให้ข้าวมัน คมกริชได้ทีเลยขอให้เธอหายเร็วๆ แต่ช่วงนี้ตนจะดูฟูจังให้ก่อนดีไหม เพียงนภาพยักหน้าอย่างสบายใจขึ้น คมกริชยิ้มบางๆ เมื่อรู้สึกว่าเพียงนภาวางใจตนมากขึ้น

ทันใดนั้นวีรอรเปิดประตูเข้ามาถามอย่างตระหนก “นภา! เป็นไงบ้างลูก”

คมกริชโทร.เล่าให้ดาหวันฟังขณะเธอกำลังขับรถกลับบ้าน เธอบอกว่าดีแล้วที่ไม่บอกว่าตนเป็นคนให้เขาตามไปดู คมกริชถามว่าเธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเพียงนภาจะทำอย่างนี้ ดาหวันหาว่าเขากำลังกล่าวหาว่าตนเป็น ฆาตกร แล้วชี้แจงว่า

“ดาแค่คิดว่าพี่นภาควรมีคนที่มีวุฒิภาวะพอดูแลในสถานการณ์แบบนี้ พี่ก็เห็นแล้วว่าพี่นภาทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้าพี่กริชไม่เต็มใจ งั้นเดี๋ยวดาหาคนอื่น
ช่วยดูก็ได้” คมกริชรีบบอกว่าตนไม่ได้หมายความอย่างนั้น ดาหวันฟังแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน บอกเขาว่า “โอเคค่ะ มีอะไรก็ส่งข่าวมาแล้วกัน”

ดาหวันจอดรถแต่ยังไม่ทันลง วีรอรก็พรวดเข้ามาหาว่าเธอเป็นคนสั่งให้อติเทพทำแบบนั้นใช่ไหม ดาหวันถามว่าไม่ดีใจหรือที่ตนช่วยแยกอติเทพออกไปจากเพียงนภา วีรอรหาว่าเธอตั้งใจแกล้ง รู้ไหมว่าเพียงนภากระโดดให้รถชน

“โอ้ว...แล้วตายไหมคะ แต่สงสัยจะไม่ตายเพราะไม่งั้นอาอรคงอยู่วัด แทนที่จะอยู่ที่นี่” ดาหวันเล่นบทร้ายต่อ “แค่ผู้ชายบอกเลิก ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วล่ะ เสียดายนะคะที่ทำไม่สำเร็จ”

วีรอรแค้นแทบคลั่ง ทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ดาหวัน กานต์เข้ามาดึงไว้ วีรอรโวยวายตะโกนให้ปล่อย

“กลับไปดูแลพี่นภาดีกว่ามายืนด่ายืนทำร้ายดาแบบนี้มันเสียเวลา สิ่งที่อาอรควรทำคือ ยอมรับความจริงว่าพี่นภาไม่สบาย ให้ความรักพี่นภาให้มากๆ ดูแลพี่นภาให้ดี”

วีรอรตวาดว่าไม่ต้องมาสั่งสอนตน โทษว่าที่เพียงนภาเป็นแบบนี้เพราะเธอ ลามปามไปถึงว่าเพราะให้เธอกินนมวัวนมควายถึงได้โหดร้ายเหมือนนมที่กิน
แล้วดาหวันก็หยิบกระเป๋ามาเปิดเอาเช็คออกมาเซ็น “อ่ะ แสนนึง พอไหม ดาให้ถือเป็นค่าปลอบขวัญดีไหม เห็นรึยังว่าดา ‘ใจดี’ กับญาติพี่น้องแค่ไหน รับไว้สิ” วีรอรเมินหน้าใส่ “รับไว้ ดาบอกให้รับไว้ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้กันไม่ใช่เหรอ”

วีรอรทำเมิน ดาหวันยัดเช็คใส่มือ จับมือให้กำไว้ แล้วเดินขึ้นบ้านไปอย่างไม่สนใจ

วีรอรกลับถึงบ้านในสภาพที่มือยังกำเช็คไว้แน่น แต่แล้วก็ปาเช็คทิ้ง คว้าผ้าปูโต๊ะมาอุดปากตัวเองแล้วแผดเสียงกรี๊ดๆ จนหมดแรงก่อนที่จะเอามีดปอกผลไม้มากรีดหมอนระบายความกดดัน ปากก็คำราม

“นังดา! ทำไมแกไม่ตายไปให้พ้น ทำไม...ทำไม”

ooooooo

กานต์มาตามดาหวันที่บ้านเห็นเธอเครียดและคลึงขมับอย่างปวดหัว เขาถามเหน็บว่ากล้าทำแล้วจะปวดหัวทำไม

ดาหวันบอกว่าตนไม่เคยกลัวสิ่งที่ตัวเองทำ บอกว่าไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยไล่ให้กลับไปเสีย กานต์จะให้เธอกลับไปด้วยเพราะไม่กลับมาหลายวันแล้ว ดาหวัน
บอกว่าที่นี่บ้านตน ตนอยู่บ้านตัวเองก็ถูกแล้วนี่ กานต์เลยเกทับว่างั้นตนนอนที่นี่แล้วกัน

กานต์ยังตื๊ออย่างกวนประสาทจนดาหวันโมโหเรียกคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามาบอกว่ากานต์กำลังจะกลับช่วยพาออกไปทีสั่งเข้มว่า

“แล้วปิดประตูรั้วเสียด้วย และถ้าใครเปิดประตูให้คุณกานต์เข้ามาอีก ขัดคำสั่งฉันพรุ่งนี้เช้าก็ขนข้าวของออกไปอยู่ที่อื่นเลย” กานต์ฟ้องนมมาลัยว่าดาหวันเอาชีวิตคนอื่นมาเป็นตัวประกัน นมมาลัยพยายามจะพูด ถูกดาหวันตัดบทว่าตนขอจัดการเอง แล้วหันไปท้ากานต์ “เอาสิ ถ้าคุณอยากให้คนพวกนี้ตกงานก็อยู่ต่อสิ”

กานต์จึงจำต้องกลับไปเพราะสงสารพวกคนรับใช้ แต่พอตกดึกเขาก็เอาบันไดพาดปีนขึ้นมาที่ระเบียงห้องนอนดาหวัน ยืนยันว่าตนปีนเข้ามาเอง คนของเธอไม่ได้เปิดประตูให้ เย้ยว่า “เห็นไหมว่าคุณไล่ผมไป ไม่ได้หรอกดาร์ลิ่ง”

“คุณนี่เพี้ยนไปแล้ว คิดว่าฉันกลัวคุณเหรอ ฉันจะร้องให้คนช่วย” แล้วตะเบ็งเสียง แต่ร้องได้แค่ช่วย...เท่านั้นก็ถูกกานต์จับไปจูบปิดปาก กานต์ใช้วิธีนี้ขู่ว่าถ้าเธอยังไม่หยุดร้องตนก็จะจูบจนกว่าจะหยุด คืนนี้ตนมีเวลาให้เธอทั้งคืน

ดาหวันอัดอั้น กดดันจนไม่รู้จะทำอย่างไร ด่าเขาอีตาบ้า แล้วทุบเอ๊าทุบเอา พลางก็ระบายความอัดอั้นว่า

“แกล้งฉันมันสนุกมากใช่ไหม เอาสิ แกล้งให้พอเลย ฉันมันเป็นคนไม่ดี เป็นคนนิสัยเสีย ขี้เหวี่ยง ขี้วีน เอาแต่ใจตัวเองชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น ใครๆก็เกลียดฉันไม่มีใครอยากเข้าใกล้ฉัน แต่เพราะฉันมีเงินถึงต้องทนกับฉัน ทุกคนอยากได้เงินของฉันแต่ก็เกลียดฉันที่สุด เมื่อไหร่ฉันจะตายไปเสียทีทุกคนคงอยากถามฉันแบบนี้ใช่ไหม...ใช่ไหม!”

ดาหวันร้องไห้อย่างกดดัน ยิ่งร้องก็ยิ่งหนัก กานต์กอดเธอไว้ เธอดิ้นอยู่พักเดียวก็หมดแรงกลายเป็นซบอกเขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหมดพิษสง

กานต์พาดาหวันขึ้นไปนอน เธอหลับไปอย่างอ่อนเพลียกับความตึงเครียดที่ตัวเองสร้างขึ้นเอง กานต์นั่งมองทบทวนเหตุการณ์ เขาเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มเธอเบาๆ พึมพำก่อนลุกเดินออกจากห้อง...

“คุณคือดาหวันที่มีจิตใจแสนอ่อนโยนต่างหาก ไม่งั้นคุณคงไม่เจ็บปวดกับการกระทำของคนอื่นที่มีต่อคุณหรอก”

ooooooo

วันต่อมาดาหวันยังคงเล่นบทร้ายต่อ เธอดุทั้งธวัชที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ เด็กเอาเอกสารมาให้บอกว่าเธอเซ็นแล้วแต่ยังไม่ประทับตรา เธอก็ดุเด็กอีก จนธวัชเข้ามาแทรกบอกว่าอย่าดุเด็กเลย เธอแค่ประทับตราลงตรงนี้เอกสารก็เสร็จสมบูรณ์

ระหว่างนั้นอติเทพเข้ามาอย่างถือวิสาสะเพราะถือดีว่าดาหวันเป็นคนนัดตน เห็นดาหวันเอาตราจากลิ้นชักมาประทับที่เอกสารแล้วเก็บใส่ลิ้นชักล็อกกุญแจก็มองอย่างสนใจ เมื่อเธอจัดการเอกสารเสร็จก็ควงอติเทพออกไป

คมกริชยังดูแลเพียงนภาอยู่ที่โรงพยาบาล วันนี้เขาเอาปลาสวยงามใส่โถมาให้บอกว่ากลัวเธอจะเบื่อเลยซื้อปลามาให้อยู่เป็นเพื่อน บอกว่าทีแรกจะเอาอีกตัวหางเป็นสีฟ้าแต่กลัวเธอไม่ชอบ

“น่ารักดีจัง มันว่ายดุ๊กดิ๊กไปมาตลกดี” ส่วนปลาหางสีฟ้า เธอพูดอย่างตื่นเต้นว่า “มีสีฟ้าด้วยเหรอ ชักอยากเห็นแล้วสิ ไว้ออกจากโรงพยาบาลพานภาไปดูได้ไหม”

“เอาสิ...ได้เลย เดี๋ยวพี่มารับ” คมกริชดีใจที่นภาเริ่มสนใจอย่างอื่นแทนที่จะหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องอติเทพ

แต่ทันใดนั้นเองดาหวันก็ควงอติเทพเข้ามาอย่างสนิทสนมหนุงหนิง ซ้ำดาหวันยังถามว่าเธอฆ่าตัวตายประชดอติเทพหรือ รำพึงอย่างสมเพช “โธ่...น่าสงสารจริงๆ วันนี้ดาก็เลยพาเทพมาเยี่ยมเป็นกำลังใจนะคะ”

เพียงนภาเครียดขึ้นทันที เกรี้ยวกราดใส่ดาหวันว่าไม่ต้องมาตอแหล มาทางไหนไปทางนั้นเลย คมกริชพยายามบอกเพียงนภาให้ใจเย็นๆ

ดาหวันแกล้งอ้อนอติเทพยั่วเพียงนภาขอให้อติเทพให้เวลาเพียงนภาสักห้านาทีสิบนาทีให้เธอสบายใจขึ้น ทำให้เพียงนภาฮึดขึ้นมาประกาศว่าตนไม่ใช่ของเหลือของใคร ตนไม่ต้องการความสมเพชจากใคร

“นี่คุณพูดเองนะ” อติเทพได้ทีย้ำยืนยัน แต่เพียงนภานาทีนี้เปลี่ยนไปแล้ว เธอพูดอย่างไม่แยแสอติเทพว่า

“เมื่อคุณหลงยายดา ไม่เห็นนภาในสายตาอีก คุณก็กลับไป เราไม่ต้องเจอกันอีก พี่กริชเอาผู้หญิงชั่วชายเลวคู่นี้ออกไปจากห้องนภาที”

ดาหวันยังพูดยั่วเพียงนภาเข้าไปกระซิบอวยพรให้ตายเร็วๆ แล้วทำเป็นตกใจว่าพูดผิดเปลี่ยนเป็นขอให้หายเร็วๆ ก่อนควงอติเทพออกไป เพียงนภารู้ว่าถูกดาหวันเอาคืนที่ตนทำแบบนี้กับเธอเมื่อครั้งไปเยี่ยมดาหวัน เพียงนภาเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้ปัดโถปลากระแทกผนังแตก แผดเสียงกรี๊ดๆ

เป็นเวลาที่วีรอรทำอาหารมาให้เพียงนภา ได้ยินเสียงกรี๊ดของลูกสาวก็พรวดเข้าไปด้วยความตกใจ ได้ยินเพียงนภาร้องไห้พร่ำพูดว่าตนถูกดาหวันเอาคืน ก็หันถามคมกริชว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าดาหวันมาเยี่ยม วีรอรก็โกรธขึ้นมา โผกอดเพียงนภา คำรามแค้น “นังดาหวัน! แกกับฉันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว”

ooooooo

เวลาเดียวกันครองขวัญก็หลอกให้กานต์ไปหาตนที่โรงแรม เธออยู่ในสภาพปากแตกเลือดซึมในชุดคลุมกานต์ตกใจเชื่อว่าเธอถูกปีเตอร์ทำร้าย

ครองขวัญมารยาจนกานต์สงสารทำแผลให้ บอกเธอว่าถ้าอยากจบเรื่องนี้ต้องแจ้งความ ครองขวัญอ้างว่าอายแต่โผกอดกานต์บอกว่าจะหย่ากับปีเตอร์เพราะถ้ามีเขาอยู่ข้างๆอย่างนี้ตนก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

พอเห็นกานต์ดูแลอย่างดี ครองขวัญก็ยั่วยวนทำผ้าคลุมหลุด ดึงตัวกานต์เข้าไปจะจูบ กานต์ขืนตัวไว้ บอกว่าตนมีเมียแล้ว ส่วนเธอก็มีปีเตอร์เป็นสามีอยู่แล้วขอตัวกลับบ้านไปหาภรรยา ครองขวัญใช้ไม้สุดท้าย เอาภาพจากกล้องวงจรปิดที่ดาหวันถือขวดไวน์ไปเข้าห้องปีเตอร์และภาพดาหวันเดินโซเซออกจากห้องปีเตอร์ให้ดู ใส่ไคล้ดาหวันตามความถนัดว่า

“ดาหวันน่ะมั่วแค่ไหนตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ตอนนี้เธอกลับมาเหมือนเดิมแล้ว แบบนี้เราจะต้องซื่อสัตย์กับสองคนนั้นอีกหรือ”

“สำหรับคุณผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่าถ้าคนของเราทำตัวสกปรก เราก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวสกปรกตามพวกเขา” กานต์ตอกหน้าแล้วกลับไปเลย ครองขวัญใส่เสื้อคลุมตามไปเรียกแต่กานต์ไม่สนใจ พอเธอเข้าห้องปิดประตู ก็ถูกนทีโผล่ออกมาตำหนิว่าแผนง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ อุตส่าห์ตั้งกล้องไว้เสียแผนหมด

“ก็ใครจะนึกล่ะว่ากานต์จะใจแข็งแบบนี้ อุตส่าห์ลงทุนยอมเจ็บตัว”

“เมื่อแผนนี้ไม่ได้ผล เราก็ต้องรอแผนอื่น ให้มันรู้ไปสิว่าจะไม่สำเร็จสักแผน” นทีจิกตาอย่างหมายมาด

ooooooo

แม้ต่อหน้าครองขวัญกานต์จะมีทีท่ารังเกียจความสำส่อนของเธอและไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดถึงดาหวัน แต่ในใจเขานั้นร้อนรุ่มด้วยความหึงหวง

เมื่อกลับมาบ้านดาหวัน เขาระบายความกดดัน ประชดเธอด้วยการแสดงความรักอย่างรุนแรง ทั้งยังเหน็บเธอต่างๆนานา พอดาหวันโมโหไล่ให้เขาออกจากห้อง ก็พาลว่าไล่ตนออกเพื่อรออติเทพหรือปีเตอร์ ซ้ำยังพาลโยงถึงเรื่องงานว่า

“ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมปีเตอร์เซ็นสัญญาง่ายๆ โดยไม่อ่านอะไร เพราะฤทธิ์ไวน์สองขวดนั่นใช่ไหมดาร์ลิ่ง ที่ทำให้คุณติดใจจนอยากร่วมทุนกับซีเกตขึ้นมาเฉยๆ ผมยังเป็นสามีคุณอยู่นะ คุณไม่ควรจะสวมเขาให้ผม ความอดทนของผมมันก็มีขีดจำกัดนะ”

“คุณก็ไม่ต้องมาอดทนอะไรกับฉัน นี่คุณเพิ่งรู้เหรอว่าตัวเองมีเขา ความจริงคุณมีเขาตั้งแต่เราหมั้นกันแล้วนะ จะมีเพิ่มอีกมันจะเป็นไรไป”

ทั้งกานต์และดาหวันต่างมีทิฐิต่อกัน ความรักความหึงหวงยิ่งมากความทิฐิก็ยิ่งแรง กานต์รุนแรงกับดาหวันจนเห็นน้ำตาเธอจึงได้สติ มองดาหวันที่นอนร้องไห้ทั้งสงสาร ทั้งโมโห แต่ก่อนออกจากห้องก็ยังพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า

“ที่ผมไม่แตะต้องคุณไม่ใช่เพราะผมสงสาร แต่เพราะผมขยะแขยงคุณเต็มที่ต่างหาก”

กานต์ออกไปปิดประตูปัง ดาหวันนอนน้ำตาไหล พอประตูปิดปัง เธอก็ร้องไห้โฮออกมา

ooooooo

จากวันนั้น ทั้งกานต์และดาหวันก็มุกับการทำงาน หนักทำท่าเหมือนไม่แคร์กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่ภายในเจ็บปวด ว้าวุ่น และสับสน จนเช้าวันหนึ่งกานต์ทนไม่ได้ไปหาดาหวันที่บ้านแต่เช้า ปรากฏว่าดาหวันไม่อยู่แล้ว

นมมาลัยบอกว่าดาหวันไปออกกำลังแต่เช้าแล้ว แต่นมมาลัยกลัวเธอจะเป็นลมเพราะเห็นเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนทั้งคืนจึงแอบโทร.บอกคมกริชให้ตามไปดู

คมกริชจึงไปวิ่งเป็นเพื่อนเธอ แต่เชือกรองเท้าหลุดจึงหยุดผูก ดาหวันวิ่งไปครู่เดียวก็ถูกคนร้ายโดดมาขวางหน้าพร้อมมีดในมือพยายามจะกรีดหน้าเธอ ดาหวัน ดันไว้สุดแรงร้องขอความช่วยเหลือ คมกริชรีบตามไป ดาหวันถูกคนร้ายจับไว้เป็นตัวประกัน ตวาดไล่คมกริชให้ออกไป แล้วทำท่าจะกรีดหน้าดาหวันอีก

ขณะคมกริชตกใจทำอะไรไม่ถูกนั่นเอง กานต์พรวดเข้ามา ถามคนร้ายว่าอยากได้เงินใช่ไหม เขาเอานาฬิกาให้ดูบอกว่าถ้าเอาไปขายจะได้เป็นแสน คนร้ายสนใจขึ้นมา กานต์เสนอให้แลกกับตัวประกัน แล้วอาศัยทีเผลอเข้าชิงตัวดาหวันมาได้ แต่ก็ถูกคนร้ายพุ่งเข้ามาจะแทง กานต์ต่อสู้อย่างคนมีวิชาจนดาหวันกับคมกริชมองอึ้ง

แต่เพราะอยากโชว์พาว กานต์หันหลิ่วตาอวดดาหวัน ทำให้คนร้ายสะบัดหลุดหนีไปได้ คมกริชจะตาม ดาหวันรีบห้าม

“ช่างเถอะค่ะ พี่กริช” แล้วหันบ่นกานต์ “มีแต่เก๊กอยู่นั่น ยังไงก็ตามไม่ทันหรอก” ดาหวันปรายตาไปแขวะกานต์ พอสบตากัน ต่างก็มึนตึงใส่กันอีก

ooooooo

อติเทพขับรถพาครองขวัญมาเยี่ยมเพียงนภา มาถึงหน้าโรงพยาบาล ครองขวัญหันไปหยิบกระเช้าบอกว่าตนขึ้นไปเยี่ยมเพียงนภาก่อน อติเทพถามว่าแน่ใจหรือว่าจะได้ผล

“ยายนภามันคงได้เชื้อบ้ามาจากแม่ของมันนั่นแหละ ถึงได้ทำอะไรบ้าๆ ผมว่าคุณอย่าไปยุ่งกับสองแม่ลูกนี่เลย”

“คุณนี่มันตื้นเขินกว่าที่ฉันคิด ลงสนามทั้งที เราต้องหาแนวร่มให้ได้มากที่สุด หึ...ยิ่งเป็นคนบ้าน่ะสิดี บิ๊วต์นิดๆหน่อยๆ มันก็พร้อมจะทำลายศัตรูให้เรา โดยที่มือของเราไม่มีมลทินเลยสักนิด จริงไหม”

อติเทพมองอึ้ง พูดทึ่งว่า “ผมว่าคุณเลือดเย็นมากเลยนะครองขวัญ จนผมชักจะกลัวๆคุณแล้วสิ”

“ฉันว่าคุณรีบไปจัดการ ‘งาน’ ของคุณให้เรียบร้อยดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณได้เจอความน่ากลัวของฉันแน่”

ครองขวัญถือกระเช้าลงจากรถไป อติเทพมองตามอึ้งๆ เริ่มรู้สึกกลัวตัวตนที่แท้จริงของเธอขึ้นมา

ระหว่างเดินไปห้องเพียงนภานั้น ครองขวัญได้ยินวีรอรคุยโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดว่า

“แกว่าอะไรนะ...นังดาหวันรอดไปได้งั้นเหรอ...โง่! ไม่ได้เรื่อง!” วีรอรด่าแล้วเหลียวมองกลัวใครจะได้ยิน แต่ครองขวัญได้ยินแล้ว วีรอรเดินคุยไปอีก

“แกทำงานยังไงให้พลาด ไหนรับประกันนักหนาว่าก่อนหน้านี้มีคดีมาเยอะแยะจัดการมาหลายคนแล้ว... ทุเรศ...ไม่ต้องมาแก้ตัว”

ครองขวัญออกจากที่ซ่อนมองตามวีรอรไปอย่างสะใจ มองมือถือที่อัดคลิปไว้ยิ้มร้ายอย่างมีแผน

ooooooo

คมกริชพาดาหวันไปแจ้งความ กานต์ตามไปด้วยแต่นั่งอยู่ห่างจากดาหวัน

“จริงๆผมไม่ได้อยากแจ้งความอะไร แต่ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาวผม กลัวว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายอีก” คมกริชเอ่ยกับตำรวจ
กานต์ฟังแล้วแอบกลอกตาหมั่นไส้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะรีบตามจับตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด คมกริช ขอบคุณ แล้วเขากับดาหวันก็ลุกขึ้นจะเดินออกไป ได้ยินเสียงกานต์กระแอมดังๆ พูดลอยๆตามมาว่า

“อะแฮ่มมม...เสียเวลา นาฬิกาก็พัง มีใครจะรับผิดชอบไหมเนี่ย”

ดาหวันปรายตาใส่แว่บหนึ่งแล้วบอกคมกริชว่า “ฝากบอกผู้ชายคนนั้นทีนะคะว่าให้แจ้งชื่อกับค่าเสียหายไว้เดี๋ยวจะให้ออฟฟิศจ่ายให้ทั้งหมด” แล้วเดินออกไปเลย กานต์โมโหต่อว่าเสียงดังว่า

“เยอะไปไหม ดาร์ลิ่ง ผมหมายถึงคำขอบคุณน่ะไม่ใช่เงิน ชาตินี้คุณคงไม่รู้จักคำนี้เลยสินะ” แล้วทำท่าจะตามดาหวันไป ถูกคมกริชขวางไว้ ขอร้องให้พอเถอะ ถามว่าดูหน้าดาหวันหรือเปล่าว่าเหวี่ยงแค่ไหน ขืนออกไปตอนนี้ได้เปิดศึกแน่ “นี่มันเรื่องของฉันกับเมีย นายอย่ายุ่ง” กานต์ตวาด ผลักคมกริชพ้นทางแล้วตามดาหวันไป

แต่พอออกไปก็ไม่เห็นดาหวันแล้ว ขณะกำลังมองหา คมกริชตามมาบอกว่าปล่อยน้องดาไปก่อนเถอะ ถูกตวาดอีก

“บอกแล้วไง อย่ามายุ่ง นายเป็นใคร”

“ใช่ ฉันเป็นคนนอก แต่ฉันก็รู้ว่าฉันควรจะคุยกับน้องดาตอนไหน เมื่อไหร่ ส่วนนายเป็นผัวภาษาอะไร ทำไมถึงไม่เคยเข้าใจเมียตัวเองเลย” ว่ากานต์แล้วคมกริชเดินอ้าวไปเลย กานต์ยืนหัวเสียตะโกนประชด

“เออ...ฉันมันเลว!! โธ่เว้ย!!” แล้วเตะลมระบายอารมณ์เหมือนเด็กเกเร

กานต์เดินหัวเสียไปขึ้นรถเข้านั่งแล้วบ่น “ผู้หญิงอะไรใจดำ!!” แล้วฟุบหน้ากับพวงมาลัย

“ทายาไหม” เสียงดาหวันถามพร้อมกับเคาะกระจกรถ พอกานต์เงยหน้า เธอชูถุงยาให้ดู ทำเอากานต์อึ้ง ใบ้กินสนิท พูดไม่ออกเลย

กานต์ลุกออกไปนั่งที่ม้านั่งริมทาง ให้ดาหวันทายาให้ พอดาหวันทายาให้ก็อ้อน ร้องโอดโอยว่าเจ็บ แต่ตาจ้องหน้าดาหวันเป๋ง เธอถามว่าเจ็บแล้วมาจ้องหน้าตนทำไม กานต์พูดหน้าตายว่า

“ทายามันไม่หายเจ็บนี่ แต่แค่มองหน้าดาร์ลิ่ง หายสนิทเลย” ดาหวันทำเสียงแหวะบอกว่าเลี่ยน กานต์กุมมือเธอ พอเธอมองหน้าก็อ้อน “ผมพูดจริงๆนะ
ผมดีใจที่คุณซื้อยามาให้ นึกว่าจะโดนทิ้งซะแล้ว”

กานต์ทั้งอ้อนทั้งกวนประสาทแล้วเดินไปขึ้นรถ ดาหวันส่ายหน้าระอา ด่าอย่างหมั่นไส้ “อีตาบ้า!”

ooooooo

รุจิกาถือกระเป๋าใบใหญ่เดินเข้าตัวตึก เห็นอติเทพนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่มุมหนึ่ง เธอพึมพำ

“อติเทพ...ต๊ายลงทุนมาเฝ้ายายดา เกาะติดเลยเหรอเนี่ย เชอะ! หวังจะเป็นผัวน้อยนังดาล่ะสิ” แสยะยิ้มแล้วเดินผ่านไป

มือถืออติเทพดังขึ้น เขารีบรับสายถามอย่างตื่นเต้น “ฮัลโหล...จัดการหรือยัง”

“ใจเย็นหน่อยสิ นี่เพิ่งจะได้เวลาปลอดคน....เออ...ๆ ฉันรู้แล้ว ไม่เกินครึ่งชั่วโมง เจอกัน” อรอุมานั่นเอง เธอพูดกับอติเทพแล้วเก็บโทรศัพท์เดินตรงไปที่ห้องทำงานของดาหวัน ในมือถือซองสีน้ำตาลไปด้วย

พอเข้าห้องทำงานของดาหวัน อรอุมาก็เอากุญแจผีที่ปั๊มไว้ไขลิ้นชักโต๊ะทำงานดาหวัน ดึงลิ้นชักออกค้นหาครู่หนึ่งก็หยิบตรายางใส่ถุงแล้วรีบเดินออกจากห้อง อารามรีบร้อนเลยชนเข้ากับรุจิกาที่เดินผ่านมาพอดี กระเป๋ารุจิการ่วงของในกระเป๋าหกมีทั้งเครื่องสำอางและถุงสีน้ำตาล ถุงในมืออรอุมาก็ร่วงเธอตกใจกลัวถูกจับได้ รีบหยิบถุงที่พื้นแล้วเดินหนี

“ชนแล้วหนีไม่ช่วยเก็บอีก ถ่อยจริงๆ สมบัติผู้ดีไม่มีเลยจริงๆ มันน่าจับตบสักทีสองที” รุจิกาเก็บของไปด่าไปแล้วหยิบซองสีน้ำตาลใส่กระเป๋าลุกเดินไป

อรอุมากอดซองสีน้ำตาลเดินลิ่วออกไปนอกออฟฟิศ ได้ยินเสียงธวัชสั่ง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ” อรอุมา ใจหายวาบ หยุดกึกแต่ไม่กล้าหันมอง ได้ยินเสียงธวัชดังมาอีกว่า “หึ...นึกหรือว่าหนีพ้นสายตาผมไปได้ ซ่อนอะไรไว้ เอาออกมา!”

อรอุมายืนตัวแข็งทื่อนึกว่าถูกจับได้แล้ว แต่พอฟังธวัชต่อไปจึงรู้ว่า เขาจับพนักงานที่แอบเอาทุเรียนเข้ามากินในออฟฟิศ อรอุมาโล่งใจเหมือนรอดตาย ผสมโรงด่าพนักงานกลบเกลื่อนตัวเองว่า

“จริงด้วยค่ะคุณธวัช ทุเรศจริงๆ ทำอะไรไม่มีหัวคิดเลย อ๊าย...ไม่ไหวแล้ว อุมาแพ้กลิ่นทุเรียนแทบหายใจไม่ออกเลยค่ะ ขอตัวไปรับอากาศบริสุทธิ์ก่อนนะคะ” แล้วฉวยโอกาสชิ่งไปเลย

ooooooo

ทายาให้กานต์เสร็จดาหวันจะกลับขึ้นรถ กานต์ตามมาจับประตูรถไว้ เธอทำเสียงรำคาญถามว่าอะไรอีกล่ะยาก็ทาให้แล้ว กานต์มองหน้าเธอถามจริงจังว่าเธอมีความสุขจริงๆหรือที่ทำแบบนี้ ดาหวันหลบสายตาเขาอย่างมีพิรุธ แต่ทำเสียงอวดดี

“แน่นอน ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุด ฉันทำในสิ่งที่ควรทำ ดาหวันที่เข้มแข็งจะสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม” กานต์สวนทันทีว่าไม่จริง ตนว่ามันทำให้ทุกอย่างแย่ลงต่างหาก ดาหวันประชดว่า “เป็นคนดีแล้วโดนรังแกมันจะสนุกอะไรสมัยนี้มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

“ทั้งๆที่คนที่คุณฟาดฟันด้วยทั้งหมด คือญาติพี่น้อง คนที่รู้จัก คนที่อยู่ในวงจรชีวิตคุณงั้นเหรอ ถ้าทุกคนเอาแต่แรงใส่กัน ผลสุดท้ายมันก็คือการแตกหัก คนดีไม่ใช่คนโง่ คือคนที่รู้ทันคนอื่น แต่รู้จักการประนีประนอม โดยไม่แตกหักต่างหาก คนฉลาดอย่างคุณ น่าจะคิดได้นะ”

ดาหวันประชดว่าฟังดูดี แต่ไม่ว่าตนจะอยู่ในสถานะไหนตนก็ยังโดนลอบทำร้ายอยู่ดี กานต์ติงว่ามันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ ตำรวจยังไม่ได้สรุป ดาหวันยิ้มเยาะว่า ถึงตอนนี้ตนไม่เชื่ออีกแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเรื่องบังเอิญ

กานต์ถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า เธอเคยบอก ตนไม่ใช่หรือว่าอยากแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำและยินดีขอโทษทุกคน เธอกลับทำไก๋ถามว่าตนเคยพูดด้วยหรือ กานต์ พยักหน้า ย้ำเตือนว่าตอนนี้เธอกำลังจะกลับไปทำตัวแบบเดิมอีก

“มันก็ถูกต้องแล้วนี่! ตอนนี้ฉันคือดาหวันคนเดิม และฉันก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นดาหวันที่อ่อนปวกเปียกแบบนั้นอีก” ดาหวันทำคอแข็ง ผลักกานต์ออกไปจะปิดประตูรถ เมื่อกานต์จับไว้ไม่ยอมปล่อย เธอแกล้งปิดประตูหนีบมือจนกานต์ต้องปล่อย แล้วเธอก็ขับรถพรืดออกไปไม่แยแสกานต์ที่ยืนมองตามอย่างหงุดหงิด

ooooooo

อรอุมารีบเอาซองไปให้อติเทพพร้อมกับขอรางวัลเป็นรถซุปเปอร์คาร์สักคัน อติเทพยิ้มกริ่มคุยว่าถ้างานสำเร็จเธอจะเอาสิบคันก็ยังได้ พลางเปิดซองดู

“อะไรกัน!” อติเทพชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะในซอง นั้นมีแต่ตลับครีมที่สั่งซื้อทางไปรษณีย์ อรอุมาตะลึง เพราะตนเอาตรายางใส่ในซองมาจริงๆ อติเทพปากระปุกครีมใส่หน้าอรอุมาตวาด “แกเล่นลูกไม้อะไร ตรายางอยู่ไหน!”

ขณะทั้งสองกำลังตึงเครียดนั่นเอง รุจิกาก็เอาซองตรายางมาปาใส่หน้ารถ ถามว่ารู้ไหมว่าขโมยตรายางผู้บริหารแบบนี้มีโทษถึงไล่ออก ขู่จนอติเทพถามว่าแล้วเธอต้องการอะไร

“ฉันเกลียดนังดา ถ้าพวกแกกำลังทำลายมันอยู่ละก็...ฉันขอร่วมมือด้วยคน!”

ooooooo

เช้านี้ ขณะดาหวันจะออกไปทำงาน มองไปที่สนามเห็นคมกริชกำลังคะยั้นคะยอเพียงนภาสอนให้เล่นอะคูเลเล่อยู่

เมื่อเด็กรับใช้เอารองเท้ามาให้ เธอถามเด็กรับใช้จึงรู้ว่าเพียงนภากลับจากโรงพยาบาลได้สองสามวันแล้ว และหมู่นี้คมกริชก็ขลุกอยู่กับเพียงนภาตลอดเลย ดาหวันมองอย่างรังเกียจพูดอย่างไม่พอใจว่าโชคดีที่ตนไม่อยู่บ้านเลยไม่ต้องทนฟังเสียงแบบนั้น พอเห็นสีรองเท้าก็ตวาดเด็กว่าหยิบผิดสีมา ด่าว่าตาบอดสีรึไง เด็กลนลานไปเปลี่ยนให้ใหม่ พอเด็กไป สายตาดาหวันก็อ่อนลง พึมพำอย่างพอใจ...

“เห็นไหม ว่าฉันตัดสินใจไม่ผิด”

ที่ห้องโถงหนึ่ง ดาหวัน นที และคนของซีเกตเดินเข้ามาขณะที่นางแบบกำลังซ้อมเดินกันอยู่ นทีเล่าว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่เพื่อเป็นทุนให้กับชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าจากพลังงานลม ดาหวันจึงบริจาคทันทีห้าแสนบาท นทีเชียร์ให้เธอให้เกียรติมาร่วมเดินแบบด้วย เพราะเซเลบอย่างเธอคืนเวทีคงได้รับการสนใจจากสื่อมวลชนอย่างมาก

คนของซีเกตเห็นด้วย ดาหวันลังเลติงว่านางแบบบนเวทีเต็มแล้วตนจะไปแทรกได้อย่างไร

แล้วก็เป็นเรื่อง เมื่อนทีบอกรุจิกาให้เธอถอนตัวเพื่อให้ดาหวันได้มาเดินแบบแทน รุจิกาไม่พอใจมาก นทีชี้แจงว่าพวกที่เดินแบบนั้นแต่ละคนถ้าไม่ใช่ตัวเองก็พ่อแม่ล้วนบริจาคกันคนละสองแสนแต่เธอไม่ได้บริจาคสักบาทแล้วได้มาเดิน รุจิกาไม่ยอมอ้างว่าครองขวัญก็ไม่ได้บริจาคเหมือนกัน ครองขวัญช่วยนทีชี้แจงว่า

“พี่รุต้องเข้าใจนะ งานนี้เป็นงานใหญ่ ยายดาหวันก็เผอิญมาเสนอหน้าเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งด้วย พี่นทีเป็นคนรับผิดชอบงานนี้เสียด้วย พี่เขาคงเข้าข้างพี่รุไม่ได้หรอก คนจะได้นินทากัน”

นทีบอกรุจิกาว่าถ้ายังมีสมองพอก็ต้องทำเพื่อตนหรือถ้าเธออยากเดินมากก็บริจาคแต่ต้องให้เท่ากับที่คุณดาให้ รุจิกาโวยวายว่าอะไรก็คุณดา...คุณดา ดูเขาจะให้ความสำคัญกับดาหวันมากกว่าตน ถูกนทีสวนทันควันอย่างไม่รักษาน้ำใจเลยว่า

“คุณก็หัดทำตัวเองสำคัญบ้างสิ”

ดาหวันมาเห็นบรรยากาศไม่ปกติถามว่ามีอะไรให้ ลำบากใจกันหรือเปล่า นทีรีบบอกว่าไม่มี รุจิกาขอถอนตัวเธอเดินแทนได้เลย ดาหวันทำเป็นผิดหวังบอกว่าตนอยากเดินคู่กับรุจิกา นทีอ้างว่ารุจิกาไม่สบายขอถอนตัวแล้ว

กุ๊กที่ควบคุมการซ้อมเดินเรียกทุกคนมาซ้อมเดินได้แล้ว พอเริ่มเดินปรากฏว่าดาหวันเดินคู่กับครองขวัญ สองสาวต่างมองหน้ากันอย่างเขม่นในที

ooooooo

รุจิกาออกมายืนระงับอารมณ์ เตือนตัวเองให้ใจเย็นไว้เพื่อให้เป็นไปตามแผนการที่อติเทพวางไว้เมื่อวันก่อน

แผนที่อติเทพกล่อมจนรุจิกายอมอดทนคือ เขายุว่า นทีกำลังจะเขี่ยเธอทิ้ง แล้วเอารูปที่อติเทพถ่ายเซลฟี่กับดาหวันให้ดู รุจิกาดักคอว่าตัวเขาเองก็ติดต่อกับครองขวัญอยู่ ถามว่าเอารูปมาให้ดู เขามีแผนอะไร

อติเทพบอกว่าผู้หญิงอย่างดาหวันใช่ว่าจะจับได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือกานต์ยังขวางอยู่

“อ๋อ...งั้นก็เหมือนเดิมสินะ นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณกับน้องขวัญยังร่วมมือกันเหมือนเดิม มองข้ามเรื่องนทีไปก่อน”

“ใช่...แต่เมื่องานสำเร็จแล้ว ผมไม่ยอมให้แฟนคุณแย่งดาไปแน่นอน”

“เป็นสิ่งที่ฉันต้องเรียนรู้เหมือนกันใช่ไหม มองข้ามทุกอย่างไปก่อน กำจัดนังดาสำเร็จเมื่อไหร่ นทีก็จะกลับมาเอง!”

นี่เอง รุจิกาจึงอดทน วันนี้ก็รอกลับพร้อมอติเทพ ทำตัวเป็นคนดี บอกว่าตนจะไม่เข้าไปทำให้เขาเสียงาน เพราะรู้ดีว่างานนี้สำคัญและจะล้มไม่ได้ นทีชมว่าพูดกันรู้เรื่องแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย รุจิกาออเซาะว่า

“รุรอให้โปรเจกต์นี้สำเร็จ ก็คงพอดีกับที่น้องขวัญได้คุณกานต์กลับมา ส่วนนังดาก็มีทั้งอติเทพและปีเตอร์ เราก็จะได้แต่งงานกันเสียที”

ทั้งสองกอดกันแนบแน่นเหมือนรักกันปานจะ กลืน แต่สายตาของทั้งสองแข็งกร้าวกับแผนการในใจของตัวเอง

ดาหวันมาซ้อมเดินแบบ เธอทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เมื่อเสียงเพลงดังเธอเริ่มปวดหัวก็บอกนทีว่าอยากพักดื่มน้ำชา

ครองขวัญของขึ้นทันที บอกว่าตนมีนัดตอนสี่โมงซ้อมให้เสร็จๆเสียไม่ดีกว่าหรือ ดาหวันพูดอย่างไม่แยแสว่าใครรอได้ก็รอใครรอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอดีไหม แล้วอ้อนนทีให้พาไปดื่มน้ำชาโดยไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย

ooooooo
ooooooo
ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น