วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อ่านละคร ดั่งสวรรค์สาป ตอนที่ 14 (ตอนอวสาน)


รุจิกาเจ็บใจอติเทพ ไปเสนอตัวเป็นเมียของมาเฟียอิทธิเพื่อให้แก้แค้นอติเทพ

ฝ่ายดาหวัน เพื่อช่วยรุจิกาตามที่รับปากพรรณีไว้ เธอไปหากานต์ที่ห้องทำงาน เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง บอกเขาว่า

“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ ฉัน...ฉันเลยอยากขอให้คุณช่วยพี่รุด้วย กันพี่รุให้เป็นพยานเหมือนคดีของฉันได้ไหม” กานต์ถามว่าเธอมาขอร้องให้ตนช่วยคนที่ทำร้ายเธอหรือ “ยังไงซะ พี่รุก็เป็นญาติฉัน สายเลือดเดียวกันไม่มีวันตัดขาดหรอก”

กานต์ถามอย่างอ่อนใจว่า เมื่อไหร่เธอจะเข็ดเสียที พวกเขาทำร้ายเธอนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะ ดาหวันตัดบทฉุนๆ ว่าตนมาขอความช่วยเหลือไม่ใช่ให้มาสั่งสอน

“แล้วถ้าผมช่วยคุณ ผมจะได้อะไรบ้างล่ะ” ดาหวันปรามว่าจะเยอะไปแล้ว “ช่วยไม่ได้ คุณไม่เคยได้ยินหรือว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ผมช่วยคุณ คุณก็ต้องช่วยผมสิ มันถึงจะเท่าเทียม ยุติธรรม”

“ก็ได้...ถ้าคุณยอมช่วยพี่รุ ฉันก็จะยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ”

กานต์ยิ้มกริ่มชมว่าเยี่ยม ย้ำว่าเธอรับปากแล้วนะ แล้วเสนอ “เรื่องง่ายๆ ไม่ยากหรอก ตัดใจจากอติเทพเสีย มันอาจจะเจ็บปวดสักนิด แต่เรื่องนี้อติเทพมีส่วนร่วมอยู่ด้วย เพราะงั้น ต่อไปนี้เจอมันที่ไหนก็ให้คุณแจ้งตำรวจจับมัน ผมขอคุณแล้วนะ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างวัดใจ...

ooooooo

เมื่อพรรณีตาสว่างแล้วก็บุกไปที่ห้องทำงานประธานบริษัทที่วีรอรยึดไปจากดาหวัน บอกว่าเมื่อดาหวันพิสูจน์แล้วว่าบริสุทธิ์เธอก็ต้องออกจากห้องนี้ไปและคืนตำแหน่งให้ดาหวันเสีย

วีรอรด่าพรรณีว่าทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ดาหวัน ไล่ให้ออกไปเสีย พรรณีโต้ว่าถ้าคราวนี้จับตนโยนออกไปอีกก็อย่าคิดว่าตนจะยอมให้กดขี่ง่ายๆอีก

ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของวีรอรดังขึ้น เธอรับสายด่าไปทันทีว่าถ้าโทร.มาขายประกันละก้อจะฟ้องบริษัทให้ล่มจมไปเลย แต่พอฟังเสียงปลายสาย “ผมเอง เจ๊!” วีรอรจำได้ทันทีว่าคือคนร้ายที่ตนจ้างไปทำร้ายดาหวันก็หน้าเสีย มองพรรณีแว่บหนึ่งแล้วรีบเก็บของออกจากห้องไปทันที

วีรอรเข้าไปในห้องหนึ่งปิดประตูล็อกแล้วโทร.คุยกับคนร้าย ถามว่าโทร.มาทำไม เราไม่มีอะไรต้องติดต่อกัน อีกเงินก็ให้ไปแล้วไม่ใช่หรือ คนร้ายบอกว่าให้แค่ครึ่งเดียว

วีรอรตวาดว่ามากเกินไปแล้ว งานที่ทำก็ไม่เป็นไปตามที่รับปาก ราคาคุยทั้งนั้นแล้วยังจะกล้าโทร.มาหาตนอีกหรือ

“เจ๊...อยากเห็นผมกล้ากว่านี้ไหมล่ะ” คนร้ายท้า

“ฉันบอกเสียก่อนนะ ถ้าแกคิดจะมาไถฉัน แกคิดผิดแล้ว ฉันคือคนรวยมีเงิน สามารถทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งเอาแกเข้าคุกอีกรอบ จำใส่หัวกบาลแกไว้”

วีรอรกระแทกเสียงแล้วกดตัดทันที ยืนหายใจหอบถี่ด้วยความกลัวแต่จำต้องทำเสียงแข็งขู่ไปอย่างนั้น

ooooooo

เพราะเพียงนภาตามหาฟูจังแมวของตนไม่เจอ คมกริชจึงซื้อลูกแมวน่ารักมาให้ พอปล่อยลูกแมวก็ซนไปตามประสาวิ่งไปนัวเนียที่เท้าดาหวัน เธออุ้มขึ้นมา ถามว่า เจ้าแมวน้อย หลงมาจากไหนเนี่ย

พอดีเพียงนภากับคมกริชเดินตามหาเจ้าฟูจังมาเจอ คมกริชบอกเพียงนภาว่าฟูจังอยู่นั่น พลางชี้ฟูจังที่ดาหวันอุ้มอยู่ บอกดาหวันเขินๆว่า “คือพี่เพิ่งซื้อให้นภาน่ะ นภาเขาหาฟูจังตัวเก่าไม่เจอ”

“อ๋อ...ค่ะ...ดีค่ะ...” ดาหวันตอบอย่างเริ่มเข้าใจ พลางส่งเจ้าฟูจังให้เพียงนภา

เพียงนภาชะงักไปนิดหนึ่งรับฟูจังไปบอกดาหวันอย่างถือดีว่า “เธอ...คงไม่แพ้ขนแมวหรอกนะ รอมันโตอีกนิด เดี๋ยวฉันจะเอาฟูจังไปเลี้ยงไว้ที่บ้านฉัน ไม่ไว้ที่บ้านเธอหรอก” ดาหวันบอกว่าเพียงนภากับอาอรย้ายมาอยู่ตึกนี้ เลี้ยงไว้ที่นี่ก็ได้ เพียงนภาตอบเชิดๆว่า “ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉัน ฉันชอบห้องนอนเดิมของฉันมากกว่า มันคือบ้านของเธอ ถ้าแม่อยากอยู่ต่อก็ให้แม่อยู่คนเดียวแล้วกัน”

ดาหวันหว่านล้อมให้เพียงนภาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่ ตนขออย่างเดียวเท่านั้นคือ ขอได้เล่นกับฟูจังบ้างเท่านั้น

“ได้สิ แล้วเธอจะเห็นว่าฟูจังมันน่ารักแล้วก็ฉลาดมากเลยล่ะ” แล้วเพียงนภาก็หันไปเล่นกับลูกแมว พอลูกแมววิ่งหนีไปเธอวิ่งตามไปอย่างร่าเริง

ดาหวันพูดกับคมกริชว่าตนไม่เคยเห็นรอยยิ้มสดใสของเพียงนภาอย่างนี้มานานแล้ว คมกริชเล่าอย่างสบายใจว่าเพียงนภาดีขึ้นมากแล้ว หมอปรับยาให้เรื่อยๆ จนอารมณ์คงที่มากขึ้น

“แต่อาศัยยาอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ก็เพราะพี่กริชช่วยดูแล พี่นภาถึงดีขึ้น”

“ถ้าดาหมายถึงอาการต้องการความรักของนภาละก้อ พี่ว่านภาก็ช่วยพี่นะ ไม่ใช่แค่พี่ที่ดูแลนภา แต่นภาก็ช่วยให้พี่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น เราต่างก็ช่วยกันรักษาซึ่งกันและกัน เราทุกคนต่างก็ต้องการความรักทั้งนั้น ความรักที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ ทำให้เราอยากตื่นในทุกๆ เช้า แล้วแบบนี้เราจะทิฐิกับความรักทำไม ในเมื่อคนที่เจ็บเองคือเรา”

ดาหวันฟังไปก็เจ็บจี๊ดๆในใจ แต่ก็ยังเชิดหน้าอย่างทิฐิอยู่

ooooooo

วีรอรเดินไปแถวครัว ถามเด็กรับใช้ว่าเห็น เพียงนภาไหม เด็กบอกเห็นเดินตามหาฟูจังไปทางโน้นเดี๋ยวตนไปตามให้ วีรอรแว้ดใส่ว่าไม่ต้อง ลูกของตนตนตามเองได้ แล้วเดินบ่นออกไป...

“เฮ้อ...ไม่รู้จะเอาแมวเป็นตัวเป็นตนมาเลี้ยงทำไม ต้องตามหากันวุ่นวาย”

ทันใดนั้นมีมือมาปิดปากล็อกคอแล้วลากออกไปจนวีรอรไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้อง เมื่อลากไปในสวนที่ลับตาคนแล้ว ชายคนนั้นเหวี่ยงวีรอรลงพื้น มันคือคนที่เธอจ้างให้ไปทำร้ายดาหวันและโทร.มาทวงเงินค่าจ้างนั่นเอง

วีรอรถามว่าต้องการเงินใช่ไหมเดี๋ยวตนเอามาให้ ถามว่าสองหมื่นใช่ไหม มันบอกว่าตอนแรกก็นึกว่าจะพอแต่ดูจากบ้านใหญ่โตขนาดนี้แล้ว...วีรอรเสนอให้ห้าหมื่นเดี๋ยวจะเข้าไปเอาให้บอกให้มันรอตรงนี้ คนร้ายโลภมากเกี่ยงว่ามันน้อยไป

“งั้นเอานี่ไปอีก เอาไป เอาไปให้หมดเลย” วีรอรถอดต่างหูกับสร้อยคอให้ ทั้งยังใจดีบอกว่า “ถ้าใช้เงินหมดเมื่อไหร่ อยากได้อีกก็มาเอาได้ ฉันจะให้แกแต่ขออย่างเดียวให้แกปิดปากเงียบเอาไว้เท่านั้นเอง”

ถอดเครื่องประดับให้แล้วทำเป็นบอกราคาเพชรหัวแหวนว่า ถ้าเอาไปขายก็น่าจะได้ไม่ต่ำกว่าห้าแสน หลอกให้คนร้ายเผลอแล้วคว้าก้อนหินแถวนั้นทุบหัวมันอย่างจัง พอมันล้มก็ตามซ้ำจนตาย ฆ่าคนตายแล้วก็จะลากไปฝัง เจอคนสวนเข้าพอดี คนสวนเลยซวยถูกใช้ให้ขุดหลุมฝัง พอฝังเสร็จก็ถามว่า

“แน่ใจนะว่าเราฝังลึกขนาดนั้นพอแล้ว ไม่ใช่พวกหมาแมวมาขุดดินเล่นเจอศพที่เราฝังไว้ล่ะ” คนสวนตอบเสียงสั่นว่าไม่หรอกครับ “ดี...เพราะถ้าใครมาเจอศพนี้ฉันจะบอกว่าแกก็มีส่วนร่วมกับการฆาตกรรมในครั้งนี้ด้วย”

คนสวนยกมือไหว้อ้อนวอนขอให้ปล่อยตนไปเถิด วีรอรโยนแหวนเพชรและสร้อยคอให้ สั่งเหี้ยม

“เอาของพวกนี้ไป แล้วก็หายตัวไปจากบ้านนี้ไม่ต้องกลับมาอีก แกจะไปอยู่บ้านนอกก็เรื่องของแก แต่ถ้าแกเปิดปากพูดเรื่องนี้เมื่อไหร่ แกจะกลายเป็นศพเหมือนไอ้บ้าที่นอนอยู่ในหลุมนั้นทันที แกก็รู้แล้วนี่ว่าฉันทำได้! ไปสิ!!”

คนสวนลนลานออกไป วีรอรได้ยินเสียงก๊อกแก๊กคว้าจอบเตรียมพร้อม มองขึ้นไปจึงเห็นว่าฟูจังอยู่บนต้นไม้

“โธ่เอ๊ย อีแมวบ้า ทำฉันตกใจหมด” วีรอรด่า ทิ้งจอบ ลูบหน้าเรียกสติรวบรวมความกล้าแล้วทำหน้าตาเป็นปกติเดินกลับไปที่บ้านที่หลังต้นไม้ เพียงนภาแอบดูอยู่ เธอเอามือปิดปากร้องไห้ช็อกกับเหตุการณ์ที่รับรู้

ooooooo

เมื่อเหตุการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลายเป็นลำดับ มารตีตัดสินใจเอาคลิปที่ดาหวันเดินเมาทั้งเหล้าและยาออกจากห้องที่เข้าไปกับปีเตอร์มาให้กานต์ดู เขาบอกว่าเคยดูแล้ว ธวัชถามว่าครองขวัญเอาให้ดูใช่ไหม เขาขอว่าอย่าดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องเลย

“แต่สิ่งที่คุณขวัญทำไว้มันยังมีผลอยู่ มันคงไม่แฟร์กับดาถ้าฉันไม่เคลียร์เรื่องนี้” มารตีเอ่ย ธวัชเริ่มต้นให้ฟังว่า

“วันนั้นคุณดาไปพบปีเตอร์ เพื่อช่วยให้ผมได้ค่าคอมมิชชั่นไปใช้หนี้ แต่มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียว เธอทำเพราะอยากช่วยคุณด้วย”

“ใช่ค่ะ” มารตีเสริม “ดารู้ว่าปีเตอร์ไม่พอใจคุณ ก็เลยเสนอเข้าร่วมทุนด้วยแลกกับการไม่ถอดบริษัทคุณออก แต่ดาก็ระวังตัวเสมอ ดาไม่เคยไว้ใจปีเตอร์ ดาจึงมาปรึกษาฉันกันธนายง ฉันเป็นคนหายาให้ดาเอาให้ปีเตอร์กินเพื่อให้ดาเอาตัวรอดออกมาได้ โดยเราสองคนรอรับดาอยู่หน้าห้อง”

นอกจากนี้ มารตียังรับรองกับกานต์ว่าดาหวันไม่เคยมีอะไรกับปีเตอร์ ไม่เคยมีอะไรกับอติเทพ สิ่งที่เธอทำทั้งหมดเพื่อประชดพ่อเท่านั้น กานต์บอกว่าถ้าตนรักเธอก็ไม่เคยแคร์สิ่งเหล่านั้น

“ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรต้องค้างคาใจอีก งั้นคุณก็ไป บอกน้องดาเลยสิว่ารักเธอ” ธวัชลุ้น

“ผมบอกคุณดาตลอดนะ ทั้งหมดมันอยู่ที่ดามากกว่า ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้เธอยังรักผมหรือเปล่า”

กานต์เดินออกไปหงอย ธวัชกับมารตีมองหน้ากัน ธวัชบ่นว่า

“คู่นี้จะจบกันยังไงเนี่ย งอนกันเข้าไป รู้ไหมว่าคนเชียร์มันลุ้นกันเหนื่อยนะ”

“ให้รักนำทางค่ะ เป็นคำตอบที่ดีที่สุด” มารตีสรุป

ooooooo

คืนนี้ กานต์ไปนั่งแถวน้ำพุบ้านดาหวัน แหงนมองขึ้นไปบนห้องเธอหงอยๆ พอดีประจวบโทร.มาถามว่าอยู่บ้านดาหวันหรือเปล่า กานต์ปดว่าเปล่า มากินข้าวกับเพื่อน

ประจวบยุให้กานต์ไปหาดาหวัน เพราะยิ่งปล่อยไว้นานก็จะยิ่งห่างไปเรื่อยๆ บอกว่าคืนนี้ไม่ต้องกลับมานอนบ้านให้นอนที่บ้านดาหวันนั่นแหละ พูดแล้วตัดสายเลย กานต์บ่นกะปอดกะแปดว่าทำอย่างกับเจ้าตัวเขายอมงั้นแหละ

พอดีดาหวันนอนไม่หลับลงมาเดินเล่น กานต์รีบหลบไปหลังน้ำพุ เธอเห็นแว้บๆ

“นั่นใคร ฉันบอกให้ออกมา ไม่งั้นฉันจะขว้างจริงๆนะ” เธอหยิบก้อนหินทำท่าจะขว้าง พอกานต์เผยตัว ออกมาก็ถูกดุว่า “มาด้อมๆมองๆอะไรแถวนี้ บ้านช่องก็มีทำไมไม่กลับ”

กานต์หาข้อแก้ตัวไม่ทันตอบมั่วไปว่ามาหาเนคไท ดาหวันชี้ว่าก็มันอยู่ที่คอเขา กานต์แกล้งถอดเนคไทหย่อนลงไปร้องว่านั่นไงหล่นแล้ว ต่างก้มลงเก็บเนคไทพร้อมกัน ความรู้สึกเดิมๆที่เคยผูกเนคไทให้กันแว่บขึ้นมา แต่ต่างก็ไม่ยอมรับความจริง กานต์แก้เกี้ยวว่า “พ่อสั่งให้ผมมาดูเพราะที่นี่มีแต่ผู้หญิง”

“ใครว่า พี่ธวัชก็อยู่บ้านโน้นใกล้กันนิดเดียว แต่ยังไงฉันคิดว่าฉันดูแลตัวเองได้”

เมื่อต่างปากแข็งถือดีมีทิฐิ เรื่องจึงลงเอยด้วยการประชดประชันจนเมินเฉยต่อกันทั้งที่ต่างก็เจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง

ooooooo

คืนนี้เอง อติเทพแอบปีนรั้วเข้ามา เจอเพียงนภาอยู่ในห้องครัว เพียงนภาตกใจถามว่าเข้ามาที่นี่ทำไม

อติเทพบอกว่าตนต้องการเงิน เธอคนเดียวที่จะช่วยตนได้ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับทั้งๆที่ตนไม่ได้ทำผิดตนถูกใส่ร้าย พอเพียงนภาบอกว่าตนไม่มี ก็อ้อนว่าไม่รักตนแล้วหรือ เอาเงินมา ตนหนีไปได้แล้วจะกลับมารับเธอไปอยู่ด้วย

เมื่อเพียงนภาปฏิเสธก็ถูกต่อยท้องจนจุกตวาด “นี่แกคงมีผัวใหม่แล้วสิ รู้ไหมว่าถ้าจะทิ้งฉันมันต้องมีค่าแลกเปลี่ยน” แล้วกระชากเพียงนภาขึ้นทั้งที่เธอจุกสั่ง “ไปเอาเงินมาให้กู” เมื่อเพียงนภาลุกไม่ขึ้นก็จิกผมด่า “อีสำออย ลุกขึ้น”

“อย่าแตะต้องตัวพี่นภาอีก ไม่งั้นฉันเสียบคุณแน่” ดาหวันถือมีดยาวในครัวเข้ามาขู่ อติเทพบอกดาหวันให้วางมีดลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน แต่ดาหวันไม่คุยด้วยไล่ให้ออกไปไม่อย่างนั้นจะโทร.ตามตำรวจมาจับ ดาหวันแข็งกร้าวจนอติเทพจำต้องออกไป เธอหันไปกอดเพียงนภาที่ยังจุกหน้าซีดอยู่กอดไว้อย่างปกป้อง

ooooooo

ดาหวันประคองเพียงนภามานั่ง ถามว่าไปหาหมอดีไหม เพียงนภาบอกไม่ต้อง ตำหนิตัวเองว่าทำไมแต่ก่อนตนมองคนชั่วอย่างอติเทพเป็นเทพบุตรไปได้

“เพราะความเห็นแก่ตัวของดาไงคะ ดาเป็นคนผลักให้พี่นภาเป็นแบบนั้น ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ดา เริ่มที่ดาอยากเอาชนะพี่เลยแย่งเทพมาจากพี่ โดยไม่คำนึงถึงจิตใจของคนอื่น ไม่ใช่สิ ไม่ใช่คนอื่นแต่คือญาติพี่น้องที่เราควรจะรักกันดีต่อกันช่วยเหลือกัน แต่ดากลับโง่เลือกยื่นดาบให้แทน ดา...ดาขอโทษค่ะพี่นภา” ดาหวันไหว้อย่างจริงใจ

เพียงนภาบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้ตนตบสิ ดาหวันหลับตาเชิดหน้าพร้อมให้ตบ เพียงนภากลับหัวเราะหึๆ พอดาหวันลืมตาดู ก็บอกว่า

“ฉันรอเวลานี้มาตลอด ฉันคิดไว้ว่าเมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะตบหน้าเธอ ตบๆๆๆ ให้มันหายแค้น แต่พอถึงตอนนี้...ดาหวัน เธอพูดถูก เราสองต่างใช้ดาบทิ่มแทงกัน เลือดที่ไหลออกมา มันก็คือเลือดสีเดียวกัน จากต้นตระกูลเดียวกัน เราสองคนนี่โง่จริงๆ”

ทั้งสองต่างโผเข้ากอดกันต่างสำนึกผิด พอผละออกต่างก็ยิ้มอย่างเข้าใจกัน เพียงนภาขอร้องดาหวันอย่าเอาเรื่องครอบครัวตนที่ทำผิดกับเธอไว้มาก ดาหวันถามว่าหมายความว่าอย่างไร? เพียงนภากำลังจะพูด วีรอรก็เข้ามาขัดจังหวะ

“นภา! แกมาทำอะไรตรงนี้” พลางเดินเข้าไปหา เพียงนภาผละออก “เป็นอะไร ทำท่าเหมือนรังเกียจแม่”

เพียงนภาบอกว่าไม่มีอะไรตนนั่งเล่นแล้วเจอดาหวันเลยได้คุยกัน ตนกับดาหวันเข้าใจกันแล้ว วีรอร ถามว่าตนหูฝาดไปรึเปล่า ดาหวันตอบแทนว่า

“ดากับพี่นภาเข้าใจกันแล้วจริงๆนะคะ ต่อไปนี้เราจะเป็นพี่น้องกันจริงๆเสียที”

“เอาไว้นภาค่อยเล่าให้ฟัง ตอนนี้นภาง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่าค่ะแม่” เพียงนภาตัดบทพาวีรอรออกไปแต่แอบยิ้มให้ดาหวัน ดาหวันยิ้มตอบด้วยความรู้สึกสบายใจที่เคลียร์กับเพียงนภาได้ เงยหน้ามองฟ้ารำพึงอย่างมี ความหวังว่า

“อย่างน้อยวันนี้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ แล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดีกว่านี้อีก”

ooooooo

วันนี้กานต์เดินสวนกับดาหวันที่บันไดทางเข้าออฟฟิศของเธอ ต่างหลีกทางให้กันแต่จ๊ะเอ๋กันไปมาจนดาหวันฉุนถามว่าจะเอายังไง กานต์สวนทันควันว่าคุณนั่นแหละจะเอายังไง

เล่นแง่กันเหมือนเด็กอยู่พักหนึ่งกานต์จึงบอกว่า เรื่องที่เธออยากให้กันรุจิกาไว้เป็นพยานนั้น ตำรวจบอกว่าอย่างแรกเลยคือรุจิกาต้องมามอบตัวก่อน ดาหวันทำเสียงเยาะว่าแค่นี้โทร.มาบอกก็ได้ กานต์ยั่วว่าโทร.มาก็ไม่เห็นหน้าสิ

ทันใดนั้นกานต์เห็นแฟ้มปกแข็งลอยลงมาตรงที่ดาหวันยืนพอดี เขาคว้าตัวเธอหลบได้เฉียดฉิว ดาหวันเงยดูเห็นกระดาษปลิวลงมาจากด้านบนซึ่งเป็นบันไดทางเชื่อม

บนนั้น...วีรอรกำลังทะเลาะกับธวัชอย่างรุนแรง วีรอรหาว่าเอกสารที่ธวัชทำนั้นเป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ในขณะที่ธวัชยืนยันว่ามันเป็นข้อมูลจริงทั้งหมด วีรอรหาว่าการส่งข้อมูลให้บอร์ดแบบนี้เท่ากับต้องการให้บอร์ดปลดตน กล่าวหาว่า...

“แกอยากให้ยายดามันกลับมานั่งตำแหน่งแทนฉันล่ะสิ ไม่มีทาง นังดามันไม่ได้กลับมาอีกหรอก ถึงแกจะรวมหัวกันยังไง ฉันก็ไม่มีทางจะคืนตำแหน่งให้มัน”

“ผมมีหน้าที่แค่ทำรายงาน เรื่องนั้นบอร์ดจะมีการตัดสินใจเอง ถ้าอาอรได้ตำแหน่งมาโดยบริสุทธิ์มีความสามารถเหมาะสมพอ ผมคิดว่าก็ไม่ต้องกลัวอะไรนี่ครับ”

วีรอรโมโหสุดขีดใช้อารมณ์และอำนาจจัดการปัญหา เธอไล่ธวัชออกนับแต่วินาทีนี้ ตวาด “ไสหัวแกออกไปจากบริษัทฉัน!” ธวัชโต้ว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไร อาอรไม่มีสิทธิ์ไล่ วีรอรตะโกนเรียกยามให้มาเอาตัวธวัชออกไป เพียงนภาเข้ามาขอร้องแม่อย่าทำแบบนี้ ก็ถูกตวาดไม่ต้องมายุ่ง

วีรอรตะโกนเรียกยามมาลากธวัชออกไปหากยังไม่มาก็จะไล่ออกยกชุด เพียงนภาลากวีรอรเข้าไปในห้อง สองแม่ลูกยื้อยุดกัน วีรอรจะออกไปอาละวาดอีก แต่เพียงนภายื้อไว้สุดแรง ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปโดนโต๊ะที่มีปุ่ม สปีกเกอร์โฟนภายในบริษัทเปิดไม่รู้ตัว สองแม่ลูกยังโต้เถียงกันต่อคิดว่าอยู่ในห้องปิดประตูแล้วไม่มีใครได้ยิน

หารู้ไม่! สปีกเกอร์โฟนทำงานอย่างซื่อสัตย์ เสียงสองแม่ลูกจึงดังไปทั่วทั้งสำนักงาน ทั้งเจ้าหน้าที่และพนักงานต่างหยุดงานฟังกันเงียบกริบ รวมทั้งพรรณีที่เดินเข้ามาพอดีด้วย!

เพียงนภาบอกแม่ว่าเที่ยวไล่ทุกคนออกแบบนี้มันไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมเลย

“เลิกพูดคำสวยๆแบบนี้ได้แล้ว ความยุติธรรมมันมีด้วยเหรอในโลกนี้ คนที่มีเงินต่างหากคือคนที่มีอำนาจตัดสินทุกอย่าง เมื่อก่อนแกไม่เห็นเหรอว่าเราสองคนเป็นยังไงบ้าง”

“แต่เราก็มีความสุขกันดีนะแม่”

“ความสุขที่ต้องโดนทุกคนกดหัวตลอดเวลาน่ะ โดนพี่พรรณด่าว่าโง่ผัวทิ้งต้องซมซานมาให้พี่ชายเลี้ยงดูเหมือนขอทาน ยายรุ ธวัช นังดา มันเคยนับถือฉันเป็นอา เป็นญาติผู้ใหญ่ของมันจริงๆไหม แกก็เหมือนกัน โดนนังดามันแย่งแฟนไป แกก็เคยเจ็บแค้นมันนักหนาไม่ใช่เหรอ เงินและอำนาจเท่านั้นถึงจะทำให้พวกมันนับถือ ไหว้เรา ฉันลงทุนไปเยอะ ถึงได้นั่งในตำแหน่งนี้ ฉันไม่ยอมเสียมันไปง่ายๆหรอก”

“รวมถึงต้องปิดปากผู้ชายคนนั้นด้วยใช่ไหม แม่ฆ่าคนตายแล้วนะแม่รู้ตัวไหม” วีรอรตกใจถามว่าแกเห็น?! “หนูก็ไม่อยากเห็นเลย ถ้าเป็นไปได้หนูอยากให้แม่จับหนูขังไว้ในห้องมืดมากกว่า หนูไม่อยากเห็นมือแม่เปื้อนเลือด”

วีรอรเดินเข้าไปจะปลอบ เพียงนภาถอยหนีถูกถามว่ารังเกียจมือแม่ มือที่เคยอุ้มเคยป้อนน้ำป้อนข้าวให้หรือ

“หนูไม่ได้รังเกียจแม่ หนูรักแม่ แต่หนูไม่อยากให้แม่ทำผิดไปมากกว่านี้ คืนตำแหน่งเขาไปเถอะแม่ แล้วเราสองแม่ลูกก็ออกจากบ้านนี้ ไปหาที่อยู่ใหม่กัน หนูจะหางานทำเลี้ยงแม่เอง ไม่ให้แม่ลำบากเลย”

วีรอรปรามาสว่าหน้าโง่อย่างนี้จะทำงานอะไร สู้วิธีของตนไม่ได้ มันง่ายกว่าเยอะ เพียงนภาถามว่าแม่ทำอะไรอีก?

“หึๆ ฉันนี่แหละที่เป็นคนเจาะน้ำมันเบรกรถนังดาให้มันเกิดอุบัติเหตุ เสียดายที่มันไม่ตาย”คนทั้งบริษัทที่ได้

ฟังเสียงจากสปีกเกอร์โฟนต่างอึ้งสนิท ดาหวันถึงกับเซ แต่วีรอรก็ยังพล่ามต่ออย่างอารมณ์ขึ้นว่า

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำก็เพื่อแกทั้งนั้นเพื่อให้แกสบาย เพื่อให้เราสองคนมีหน้ามีตาทัดเทียมคนอื่น แต่ถ้าแกจะอกตัญญูอยากให้แม่ติดคุกก็เอาเลย เอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคนได้เลยนังนภา”

แต่ทุกคนรู้หมดแล้ว! เพียงนภาน้ำตาไหลพราก วีรอรไปเปิดประตูเดินเชิดออกไป

ooooooo

วีรอรเดินเชิดออกมาเห็นธวัชกับคนอื่นๆยืนมองตนอยู่ เธอตวาดว่ามายืนมองอะไรอยากโดนไล่ออกกันหรือ!

ธวัชบอกว่าเราทั้งหมดได้ยินสิ่งที่อาอรพูดกับนภาในห้องหมดแล้ว พรรณีด่าว่าจิตใจอำมหิตผิดพี่ผิดน้อง วีรอรสวนทันทีว่าตัวเองดีกว่าตนตรงไหน ที่ผ่านมาก็ต้องการสมบัติดาหวันเหมือนกันนั่นแหละอย่าตีหน้าเป็นคนดีหน่อยเลย พรรณีโต้ว่าถึงตนอยากได้สมบัติแต่ก็ไม่เคยฆ่าลูกหลานตัวเอง เตือนสติน้องสาวว่า

“เงินทองมันมีอำนาจมากมาย แต่อย่าให้มันมีอำนาจจนลืมคำว่าญาติพี่น้องไป”

พรรณีถูกวีรอรแฉทั้งตัวเองและรุจิกา ท้าว่ารุจิกาอยู่ไหนตามกลับมาเข้าคุกสิ พรรณีอายจนพูดไม่ออก วีรอรได้โอกาสแหวกพนักงานแถวนั้นหนีไปแต่โผล่ไปเจอดาหวันกับกานต์เข้าอย่างจัง

เพียงนภาขอร้องดาหวันอย่าจับแม่เลย แม่ทำผิดเพราะรักตน พรรณีตามมาถล่มซ้ำถามเพียงนภาว่าข้อหาพยายามฆ่าจะยกโทษกันง่ายๆหรือ บอกธวัชกับกานต์ให้จับวีรอรส่งตำรวจเลย กานต์มองหน้าดาหวันเชิงขอความเห็น

“ถ้าฉัน...ฉันขอไม่เอาเรื่องอาอรจะได้ไหม ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจบลงแค่นี้!”

ทุกคนคิดไม่ถึงว่าดาหวันจะตัดสินใจแบบนี้ โดยเฉพาะพรรณีฮึดฮัดขัดใจอย่างที่สุด!

เมื่อดาหวันไม่เอาเรื่อง วันต่อมาพรรณีจึงลงมือเอง จัดการเอากระเป๋าของวีรอรกับเพียงนภาออกมากองที่ห้องโถง วีรอรถามว่าทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ทั้งตนและพรรณีต่างก็เป็นผู้อาศัยเหมือนกัน พรรณีอ้างว่าเพราะวีรอรเป็นฆาตกร

เพียงนภาอ้อนวอนพรรณีอย่าทำแม่เลย หากจะทำอะไรให้ทำกับตน พรรณีโต้ว่าตอนที่วีรอรให้ รปภ.จับตนโยนออกจากบ้านยังทำได้เลย มันเป็นกฎแห่งกรรมไงล่ะ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้อย่างนั้น

ขณะที่พรรณีกับวีรอรกำลังโวยวายชุลมุนกันอยู่นั้น ดาหวัน กานต์ และธวัชก็นั่งรถตู้กลับมาพอดี ธวัชเข้าไปขอร้องแม่ให้หยุดเถอะ กานต์ก็ขอให้พอเถอะอย่ามีเรื่องกันเลย เมื่อใครห้ามก็ไม่ฟัง ดาหวันจึงพูดกับพรรณีว่า

“ป้าพรรณคะ ที่บริษัทดาก็พูดชัดแล้วนะคะว่าจะไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น อาอรยังมีสิทธิ์อยู่ที่นี่ได้เหมือนทุกคน” เมื่อพรรณีโต้แย้ง ดาหวันชี้แจงอย่างใจเย็นว่า “อาอรไม่ใช่คนเดียวที่เคยทำผิดนะคะ พี่รุก็เหมือนกัน ดาบอกตรงนี้เลยนะคะว่าดาพร้อมที่จะให้อภัยทั้งอาอรแล้วก็พี่รุเท่าเทียมกัน”

“ยายดา” พรรณีไม่พอใจ

“ที่ดาตัดสินใจแบบนี้ ไม่ใช่เพราะดาอยากเป็นคนดี หรือว่าเป็นนางฟ้ามาจากไหน แต่มันเป็นเพราะพ่อเคยบอกไว้ว่าพี่น้องคือของขวัญจากพระเจ้าดาเข้าใจความหมายของมันแล้วล่ะค่ะว่าถ้าขาดใครไป บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แล้วก็จะไม่มีใครมีความสุขสักคน ดาขอร้องทุกๆคนนะคะ ถอยกันคนละก้าว อภัยให้กันและกัน แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ให้เราช่วยกันทำให้บ้านนี้น่าอยู่สำหรับทุกคนนะคะ”

“เยี่ยม พี่เห็นด้วยกับน้องดา” ธวัชเอ่ยอย่างปลาบปลื้มแล้วปรบมือนำ เพียงนภาปรบตาม วีรอรค่อยๆปรบบ้าง ส่วนพรรณีปรบเปาะแปะๆ กานต์มองดาหวันอย่างปลื้มสุดๆ แล้วปรบมือให้เต็มที่

ooooooo

พอเข้าไปในห้องนั่งเล่น ดาหวันก็ทิ้งตัวนั่งอย่างเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เอาศีรษะพิงพนักถอนใจเฮือกใหญ่

ครู่หนึ่งมีมือจากข้างหลังนวดขมับให้ ดาหวันตกใจหันมอง กานต์นั่นเอง เขาบอกเธอให้นอนเฉยๆตนจะนวดให้ ดาหวันบอกไม่ต้อง เลยโดนสั่ง

“อย่าดื้อน่ะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ พักสักหน่อยเถอะ” ดาหวันอึ้งนิ่งไปอย่างว่าง่าย กานต์นวดไปพูดไปราวกับสะกดจิต “ดีมากกก อย่างนี้แหละ...ผ่อนคลาย... แล้วก็หลับตาลง...ปล่อยใจให้ว่างแล้วนึกถึงแต่เรื่องดีๆ...คนดีๆที่คุณรัก แล้วคุณจะสบายใจขึ้น”

ครู่เดียว ดาหวันร้องไห้ออกมา กานต์ตกใจถามว่าตนนวดมือหนักไปหรือ เธอบอกว่า “คิดถึงพ่อ ตั้งแต่เกิดมา ดาไม่เคยทำอะไรถูกเลย ดาไม่รู้ว่าดาตัดสินใจถูกไหม พ่อจะรู้สึกยังไง ดาดูแลครอบครัวของเราดีพอหรือยัง”

“อย่าร้องไห้เลยนะ...ถ้าคุณอายังอยู่ ผมว่าคุณอาต้องปลื้มใจในตัวคุณมากๆแน่ วันนี้คุณทำได้ดีมากนะ” ดาหวันถามว่าพูดจริงหรือ “ผมจะโกหกคุณทำไม นี่ไม่ใช่แต่คุณเท่านั้น ผมเองยังทึ่งแล้วก็ชื่นใจมาก ที่เห็นคุณยอมให้อภัยคนอื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข” กุมมือดาหวันเอ่ยอย่างภูมิใจ “คุณเปลี่ยนไปมาก ผมภูมิใจในตัวคุณจริงๆ”

“ขอบคุณมากค่ะ กานต์...” ดาหวันมองกานต์อย่างตื้นตันใจที่ให้กำลังใจในภาวะที่ตนสับสน

“ดาร์ลิ่ง...เราเคยเรียกกันว่า ดาร์ลิ่งไม่ใช่เหรอ... กลับมาเรียกเหมือนเดิมจะได้ไหม” กานต์มองอย่างเว้าวอน ดาหวันไม่ทันตอบ ธวัชก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตำรวจมาเต็มบ้านเลย มาตามจับน้าอรถึงบ้านเพราะใครไม่รู้โทร.ไปแจ้งตำรวจว่าน้าอรเป็นคนบงการฆ่าน้องดา!

เวลาเดียวกันพรรณียืนเอามือถือเคาะกับมือพึมพำอย่างสะใจ

“มาเร็วทันใจจริงๆ ขอโทษทีนะยายดา แต่ป้าคิดว่า ถ้านิ้วร้ายเราก็ควรตัดทิ้ง น่าจะเหมาะกับเรื่องนี้มาก”

ooooooo

วีรอรวิ่งหนีไปทางหลังบ้าน เพียงนภาวิ่งตามพยายามดึงแขนแม่บอกว่าอย่าหนีเลย มอบตัวสู้คดีเถิดเพราะดาหวันสัญญาแล้วว่าจะไม่เอาเรื่อง

“แกยังจะเชื่อมันอีกเหรอ มันเป็นคนบอกว่าจะไม่แจ้งความ แล้วนี่อะไรตำรวจมาได้ยังไง!” วีรอรไม่ฟังเสียงวิ่งหนีไปอีก เพียงนภาตามไปด้วยความเป็นห่วงบอกว่าถ้าแม่ไปตนก็จะไปด้วย วีรอรเลยหันผลักเพียงนภาล้ม ตะโกนบอกว่า “ถ้าไม่ตายคงได้เจอกัน...แม่รักลูกนะ” แล้วปีนขึ้นกำแพงกระโดดลงไปเลย

แต่พอวีรอรวิ่งหน้าตั้งไปได้อึดใจก็เกือบถูกรถ อติเทพที่ขับมาอย่างเร็วชนเอา พออติเทพรู้ว่าตำรวจอยู่เต็มบ้าน จึงพาวีรอรหนีไปด้วยกัน พอวีรอรรู้ว่าอติเทพมาเพื่อจะหาอะไรที่หยิบฉวยไปขายเอาเงินมากินข้าวได้บ้างก็แนะวิธีหาเงินก้อนโตให้

“เราต้องร่วมมือกัน จับตัวนังดาหวันมาเรียกค่าไถ่”

ต่อมาวีรอรก็โทร.มาหาดาหวันย้ำว่าอย่าบอกใครว่าตนโทร.มา ดาหวันจึงเลี่ยงจากนมมาลัยออกไปคุยข้างนอก วีรอรคร่ำครวญถึงความลำบากว่าวันนี้แม้แต่ข้าวเม็ดเดียวก็ยังตกไม่ถึงท้อง เลยขอร้องดาหวันให้ช่วยตนด้วย

ดาหวันถามว่าอาอรอยู่ที่ไหนตนจะไปหา วีรอรบอกว่าอยู่สนามเด็กเล่นหลังบ้านของเรา ย้ำแล้วย้ำอีกว่าดาหวันต้องมาคนเดียวเท่านั้น

เมื่อประจวบรู้ว่าวีรอรหายไปและไม่ติดต่อมาเลย บอกกานต์ว่าตนเป็นห่วงดาหวัน เพราะคนเราพอเข้าตาจนก็ทำอะไรที่นึกไม่ถึงได้ กานต์ตัดสินใจจะไปรับดาหวันมาอยู่บ้านตนเพราะปลอดภัยกว่า แต่พอไปถึงถามนมมาลัยว่าดาหวันอยู่ไหน จึงรู้ว่าดาหวันหายไปรีบไปหาที่บ้านต้นไม้ก็ไม่มีกานต์ร้อนใจจะออกไปตามหา ธวัชถามว่าจะไปหาที่ไหนหรือ

“ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าให้นั่งรอเฉยๆแบบนี้ผมคงบ้าแน่ๆ”

แต่กานต์ยังไม่ทันออกไปก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่ผ่านไป คนขี่ปาหินก้อนเล็กๆใส่กระจก พอกานต์โผล่ไปดูจึงเห็นว่ามีกล่องเล็กๆเหมือนกล่องของขวัญวางอยู่ที่หน้าบ้าน ทุกคนกลัวว่าจะเป็นระเบิด กานต์อาสาไปจัดการเอง

ooooooo

พอดาหวันไปหาวีรอรที่สนามเด็กเล่นก็ถูกอติเทพโปะยาสลบแล้วพาหนีไปที่กระท่อมร้างกลางป่า ดาหวันรู้สึกตัวขึ้นมาเห็นทั้งวีรอรและอติเทพอยู่ด้วยกัน เธอรู้ทันทีว่าถูกวีรอรหลอกทั้งสองไม่พูดพร่ำทำเพลงอติเทพส่งมีดสปริงให้ วีรอรรับมีดแล้วเดินทื่อเข้าหาดาหวัน

“แกบอกว่ารักฉันเป็นห่วงฉัน เพราะงั้นก็ถึงเวลาแล้วที่แกควรแบ่งเงินมาให้ฉันใช้บ้าง”

“อาอร...อย่า! อย่าทำแบบนี้นะ” ดาหวันร้องสุดเสียงเมื่อวีรอรจับเธอหงายขึ้นมาแล้วฟันฉับลงไป

กานต์ไปยกกล่องขึ้นฟังไม่มีเสียงนาฬิกาข้างใน คาดว่า คงมีใครสักคนต้องการล้อเล่นกับเรา แต่...มันต้องการอะไร?พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังจากกล่องของขวัญนั้น ทุกคนสะดุ้ง กานต์หยิบโทรศัพท์ราคาถูกเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ทุกคนได้ยิน

เป็นเสียงอติเทพทักมาอย่างย่ามใจว่า “ไง ชอบของขวัญที่ฉันส่งให้ไหม ตลกดีนะ ฮ่ะๆๆๆ” กานต์ถามว่าต้องการอะไรหรือแค่เล่นสงครามจิตวิทยากับตน “เปล่าๆ ฉันแค่ต้องการเงิน 50 ล้านเท่านั้น” พอกานต์บอกว่าไม่ให้และเวลานี้ตำรวจก็กำลังตามตัวเขาอยู่อย่างกระชั้นชิด วีรอรก็แย่งโทรศัพท์ไปคุยเอง

“ฉันว่าแกคงไม่เห็นของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ อีกชิ้นที่ฉันฝากไปให้สินะ แกถึงกล้าพูดแบบนี้” กานต์เฉลียวใจดูในกล่องจึงเห็นมีอะไรอีกบางอย่างอยู่ในนั้น พอหยิบดูเป็นปอยผมกับต่างหู นมมาลัยจำได้ว่าเป็นต่างหูคู่ที่ดาหวันใส่ก่อนหายตัวไป พรรณีตกใจบอกว่าถ้าอย่างนั้นปอยผมนี่ก็ต้องเป็นของดาหวัน!

กานต์เครียดทันทีพูดไปตามสายว่า “ถ้าแกทำอะไรดาหวัน ฉันจะเอาคืนพวกแกร้อยเท่าพันเท่า”

“งั้นเหรอ...กลัวจัง...เตรียมเงินสดเอาไว้ แล้วก็ห้ามบอกตำรวจเด็ดขาดไม่งั้นแกได้เห็นมากกว่าเส้นผมของนังดาแน่ๆ ฮ่ะๆๆ” แล้ววีรอรก็วางสายเลย

กานต์ตกใจมากโทร.กลับก็ไม่มีสัญญาณแล้วนมมาลัยตกใจจนเป็นลม เลยวุ่นวายกันไปหมด

ooooooo

เมื่อติดต่ออติเทพไม่ได้ กานต์กับธวัชจึงไปหาอรอุมาเผื่อจะได้เบาะแสพี่ชายเธอบ้าง แต่ปรากฏว่าอรอุมาไหวทันหนีไปก่อนที่กานต์กับธวัชมาถึงเส้นยาแดงเดียว

ขณะอรอุมาถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินถึงถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่นั้น เจอรุจิกากับมาเฟียอิทธินั่งรถตู้มาปาดหน้า รุจิกาถามอรอุมาว่าจะไปไหนตนจะไปส่ง แต่ลูกน้องอิทธิลงมาเอาปืนจ่อข้างหลังเธอแล้ว รุจิกามองอรอุมาอย่างมีแผนร้าย

ธวัชไปเบิกเงินตามที่อติเทพเสนอมา กานต์ให้จดเลขธนบัตรไว้ทุกใบ เผื่อทั้งสองเอาไปใช้ที่ไหนจะได้สาวไปถึงตัว ครู่เดียววีรอรก็โทร.เข้ามือถือเพียงนภา เธอรีบเอาโทรศัพท์ไปให้กานต์ เขาบอกทันทีว่าเบิกเงินมาแล้วจะให้เอาไปให้ที่ไหน

ฝ่ายดาหวัน เห็นมีรอยแตกที่ผนังห้องที่ขังตนจึงไปแอบดู เห็นอติเทพดื่มเบียร์อยู่คนเดียว เธอออกอุบายร้องกรี๊ดๆ บอกว่าไม่รู้ตัวอะไรตกที่เสื้อ หลอกให้อติเทพเข้ามาดูแล้วเสนอว่า ถ้าตนยอมมีอะไรกับเขาแล้วเขาจะปล่อยตนไหม อติเทพแสยะยิ้มว่า เมื่อก่อนตนปรารถนาเธอมากแต่เวลานี้เงินน่าสนใจกว่าเยอะ

“คิดเสียว่าเราเล่นกันสนุกๆ จบตรงนี้คุณได้เงินแล้วก็ไป เรื่องนี้ก็จบ ไม่มีการรู้ถึงหูกานต์โอเคไหม” ดาหวันอ่อยแต่พอดาหวันโลมไล้จนอติเทพเคลิ้มก็เตะเข้าหว่างขาและข่วนหน้าจนอติเทพดิ้นพลาดๆ ด่า “นังมารยา” ดาหวันยิ้มเยาะแล้ววิ่งหนีออกไป

พอออกพ้นประตูก็เจอวีรอรถือปืนจ่อรออยู่ ดาหวันขอร้องให้ปล่อยตนเถิด ตนสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องที่อาอรทำไปบอกพี่นภาให้เสียใจ วีรอรตะคอกใส่ว่า “มันรู้ว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อมัน”

“สิ่งที่พี่นภาต้องการไม่ใช่เงิน แต่คือความรัก ความรักจริงๆ ที่ไม่มีการกดดันการคาดหวังการขมขู่ ไม่งั้นพี่นภาคงไม่เป็นแบบนี้” ดาหวันขอร้องให้วางปืนเสียแล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่

“ฉันฆ่าคนตายมาแล้ว 1 คน ฉันกลับไปยังไงก็ต้องโดนคดี แผนที่ฉันอุตส่าห์วางไว้กำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว ฉันจะเลิกทำไม ฉันปรานีแกแค่ไหนนังดาที่ยอมให้ผัวแกเอาเงินมาไถ่ตัวแก ถ้าแกขืนพูดมากอีกฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าแกทิ้งตอนนี้แหละ”

อติเทพวิ่งออกมาตรงเข้าตบดาหวันซ้ายขวาซ้ายขวาแล้วบีบคอ จนวีรอรต้องบอกให้พออย่าให้ถึงตายเพราะถึงเวลาที่เราจะเอาตัวไปใช้ประโยชน์กันแล้ว

อติเทพยิงปืนอย่างฮึกเหิม วีรอรด่าว่าทำบ้าอะไร อติเทพบอกว่าเช็กดูว่ายิงออกหรือเปล่า รับเงินแล้วก็จะได้ยิงคนบางคนให้ไส้แตกตายไปเลย ดาหวันถามว่าไหนว่าได้เงินแล้วจะปล่อยตนและไม่ทำอันตรายใครไง

อติเทพพูดกวนประสาทว่าบางทีกานต์อาจมาสะดุดกระสุนเอง อันนี้ช่วยไม่ได้ วีรอรรำคาญบอกว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ แต่พอได้เงินแบ่งกันแล้วก็ต่างคนต่างไป แล้ววีรอรก็สั่งให้ดาหวันขึ้นรถ แต่เจ้ากรรม รถสตาร์ตไม่ติด พอลงไปก็ถูกลูกน้องมาเฟียอิทธิเอาปืนมาจ่อทันที

พอรุจิกาลงมาก็ตรงเข้าตบหน้าอติเทพไม่ยั้ง วีรอรเหล่มาเฟียอิทธิแล้วขยับเข้าไปถามว่าอยากได้เงินใช้สักสิบยี่สิบล้านไหม มาเฟียอิทธิหันมองอย่างสนใจ

กานต์กับธวัชเอาเงินใส่กระเป๋ามาและต่างก็มีปืนไว้ป้องกันตัว แต่รอจนเลยเวลาแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว กานต์บอกธวัชว่ายังไงก็ต้องรอ เพราะมันเป็นทางเดียวของเราไม่นานประจวบก็โทร.มาบอกว่า อย่าเพิ่งให้เงินพวกมัน เพราะตำรวจพบตัวอรอุมาโดนซ้อมและเอามาทิ้งไว้ข้างถนน

“แล้วอรอุมายอมบอกหรือเปล่าว่าอติเทพอยู่ไหน” กานต์ถามแทบไม่ได้หายใจ

“บอก ตอนนี้ตำรวจกำลังวางแผนเข้าช่วยเหลืออยู่” กานต์ถามว่าที่ไหน ประจวบพูดดักว่า “ฉันรู้ว่าแกจะทำอะไร แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่าไหม มันอันตรายเกินไป”

“ถ้ากลับกัน เป็นแม่โดนจับตัวไปแบบนี้ พ่อจะอยู่เฉยๆหรือเปล่า” กานต์ย้อนถาม ทำเอาประจวบอึ้ง

รุจิกา วีรอร อติเทพ และดาหวัน ยังเผชิญหน้ากันอยู่ ต่างมีความแค้นที่จะต้องชำระกัน ดาหวันพยายามหว่านล้อมรุจิกาให้กลับบ้านเพราะกานต์ให้ตำรวจกันเธอไว้เป็นพยานแล้ว

“แกนี่เป็นคนดีหรือตั้งใจโง่กันแน่ยายดา แกไม่รู้เลยเหรอว่าฉันเกลียดแกแค่ไหน”

“ดาไม่สนหรอก พี่รุเคยบอกว่าคนดีกับคนโง่มันมีเส้นบางๆกั้นอยู่ ดาพอเข้าใจ แต่สิ่งที่ดาไม่เข้าใจคือ ทำไมคนเราถึงยอมเป็นคนเลว ทำเลวขนาดไหนก็ได้ ทั้งที่รู้ว่าต่อไปมันจะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง และยิ่งทำให้เราต้องทำเรื่องเลวร้ายไปกว่าเดิมเรื่อยๆ แต่ไม่ยอมนิดเดียวที่จะได้ชื่อว่าเป็นคนโง่”

“ก็เพราะไม่มีใครอยากโดนคนอื่นหัวเราะเยาะไง”

“เมื่อก่อนดาอาจเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้ดาว่านี่ล่ะค่ะ คือสิ่งที่ยากที่สุด เราไม่ได้โง่ แต่เราเลือกที่จะยอมมากกว่าเพื่อความสุขของตัวเองและคนรอบข้าง”

ขณะทั้งสองกำลังตอบโต้กันนั้น มาเฟียอิทธิตวาดว่ามัวพูดอะไรกัน แล้วสั่งลูกน้องให้ตามวีรอรไปคุมเงินกลับมา ให้เอาปืนไปหลายกระบอกหน่อยมันจะได้กลัว

รุจิกาถามว่าเงินอะไร ตนไม่ได้ให้เขามาทำเรื่องนี้ อิทธิตวาดให้เงียบ พอรุจิกาจะพูดอีกก็ถูกตบขู่ว่าพูดมากเดี๋ยวจับขายซ่องเสียเลย พอเห็นดาหวันก็มองหื่นชมว่าสวย หุ่นดี ถามว่ารวยมากใช่ไหม วีรอรบอกว่าสมบัติทุกอย่างเป็นของมันทั้งสองสมคบกันทันที วีรอรเสนอว่าเมื่ออิทธิมาร่วมด้วยตัวหารเพิ่มขึ้น ให้เรียกร้อยล้านเลยเป็นไง

แต่พวกมันยังวางแผนกันไม่ทันเสร็จ ก็ถูกตำรวจบุกเข้ามา วีรอรถามอิทธิว่าเอาไงดี อิทธิบอกให้หนี ดาหวันรีบเข้าไปคว้ามือรุจิกาที่ยังตกใจอยู่พาหนี อติเทพกับวีรอรเห็นดังนั้นรีบวิ่งตามไป

ooooooo

กานต์กับธวัชหลบหลังรถตำรวจพยายามมองหาดาหวัน แต่ไม่เห็น ถามก็ไม่มีใครตอบได้

ตำรวจยิงต่อสู้กับมาเฟียอิทธิ พออิทธิถูกยิงตายลูกน้องก็ถอดเสื้อโบกยอมมอบตัวทันที

ดาหวันพารุจิกาวิ่งหนีไปในป่า แม้จะถูกรุจิกาด่าทอประชดเหน็บแนมต่างๆนานา แต่ดาหวันก็แสดงความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ พารุจิกาหนีไปหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่แล้วตัวเองวิ่งออกไปล่อให้อติเทพกับวีรอรตามไปอีกทาง

ดาหวันวิ่งล่อไปถึงริมลำธาร เธอตัดสินใจลงว่ายน้ำข้าม อติเทพยิงแต่ไม่ถูก แต่เสียงปืนทำให้กานต์กับธวัชตามมา ระหว่างทางธวัชลื่นไถลไปพอลุกขึ้นมาก็หากานต์ไม่เจอแล้ว ธวัชตามหาจนเจอรุจิกา พอเจอพี่ชายรุจิกาอ้อนวอนขอให้ช่วยตนด้วย

อติเทพว่ายน้ำทันดาหวัน มันจิกผมเธอลากข้ามฝั่ง เธอสู้สุดฤทธิ์ ขณะมันเงื้อมือจะตบเธอนั้น กานต์ยกปืนตวาด

“หยุดนะ ถ้าแกทำอะไรเมียฉันอีกนิดเดียว แกตาย!” พออติเทพชะงัก วีรอรก็ตามมาทันเอาปืนจ่อกานต์อีกต่อ สั่งให้ทิ้งปืน กานต์สบตาส่งสัญญาณกับดาหวันแล้ว

ทิ้งปืน พริบตานั้นเขาหมุนตัวปัดปืนในมือวีรอรตกน้ำ ขณะวีรอรก้มควานหาปืนนั้น อติเทพพุ่งเข้าใส่กานต์ทันที

วีรอรหาปืนเจอยกขึ้นเล็งใส่กานต์ ดาหวันพุ่งเข้าปัดเลยต่อสู้กัน กลายเป็นผู้ชายสองคนต่อสู้กันในลำธารจนน้ำแตกกระจาย ส่วนผู้หญิงสองคนก็ตบตีกันที่ริมตลิ่ง วีรอรแย่งปืนที่พื้นได้ยกยิงกานต์ทันทีแต่ยิงไม่ออกเพราะปืนเปียกน้ำ

“พอเถอะค่ะอาอร อย่าทำแบบนี้อีกเลย” ดาหวัน ขอร้อง

“ไม่...ไม่...ฉันไม่อยากติดคุก ฉันฆ่าคนตาย ฉันต้องติดคุก ฉันไม่อยากตายในคุก”

แม้ดาหวันจะบอกว่ากานต์กันเธอไว้เป็นพยานแล้ว แต่วีรอรไม่เชื่อพุ่งเข้าบีบคอดาหวัน กานต์เห็นดังนั้นผละจากอติเทพเข้ามาดึงวีรอรออก อติเทพยกก้อนหินจะทุ่มใส่กานต์ ทันใดก็ถูกยิงหน้าผากผงะหงาย ทุกคนหันมอง เห็นนทีถือปืนอยู่

“ฉันรอวันที่จะได้แก้แค้นคนที่มันหักหลังฉันกับขวัญได้สำเร็จแล้ว” นทีแสยะยิ้มอย่างสะใจ แต่เพียงพูดขาดคำเขาก็ถูกตำรวจวิสามัญขณะเขากำลังหันปืนไปทางดาหวัน

เมื่ออติเทพและนทีถูกยิงตาย วีรอรก็ละล้าละลังแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เหลือบเห็นปืนที่ตกอยู่ ตะโกนบอกดาหวันว่า “บอกนภาด้วย ฉันรักเขามาก” แล้วพุ่งไปหยิบปืน เล็งใส่ตำรวจแต่ก็ถูกตำรวจยิงตายก่อน

ดาหวันวิ่งไปกอดศพวีรอรร้องไห้โฮ กานต์ตามมาปลอบ ธวัชประคองรุจิกามายืนดูอยู่ห่างๆ เขาเบือนหน้าจากภาพนั้นอย่างสะเทือนใจ

ooooooo

เมื่อเหตุการณ์ต่างๆคลี่คลายลงแล้ว กานต์ไปเยี่ยมครองขวัญที่เรือนจำ ถามว่าของที่ตนฝากเจ้าหน้าที่มาให้เธอได้รับแล้วใช่ไหม เตือนอย่างเป็นห่วงว่า ถ้าไม่สบายก็ให้บอกเจ้าหน้าที่อย่าปล่อยไว้จนไม่สบายมาก

“คุณยังมีน้ำใจเหมือนเดิม ไม่รังเกียจคนขี้คุกอย่างขวัญ”

“ผมมีความรักและความเป็นเพื่อนให้คุณเสมอ บอกแล้วไง ขวัญทำผิดไปแต่ก็ไม่ใช่ขวัญจะกลับตัวไม่ได้นี่ เวลาที่ขวัญเสียไปในนี้ อย่าให้มันเสียไปเปล่าๆ ทบทวนแล้วแก้ตัวใหม่นะขวัญ เมื่อออกมาขวัญก็จะเป็นคนใหม่ และเริ่มต้นใหม่ ไม่สายไปหรอก”

“ค่ะ...” ครองขวัญน้ำตาไหลสะเทือนใจจนพูดอะไรไม่ออก ครู่หนึ่งจึงบอกกานต์ว่าข้าวของส่วนตัวไม่ต้องฝากมาเยอะเพราะใช้ไม่หมดและในนี้ก็ให้มีใช้กันเท่าที่จำเป็นเท่านั้น พอดีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยม กานต์จึงขอตัวกลับแล้วจะมาเยี่ยมใหม่ แต่พอครองขวัญจะเดินเข้าข้างใน กานต์บอกเธอว่าดาหวันอยากมาเยี่ยมเธอนะ

ครองขวัญชะงักนิดหนึ่งแต่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เมื่อดาหวันมาเยี่ยมเธอ ครองขวัญกลับไม่ยอมออกมาพบ ดาหวันบอกกานต์ว่า

“คุณขวัญเธอไม่ยอมพบฉัน คุณเข้าใจฉันใช่ไหม ฉันไม่ได้ต้องการมาซ้ำเติมคุณขวัญ แต่ฉันอยากมาขออโหสิกรรมกับเธอต่างหาก”

“ผมเข้าใจดาร์ลิ่ง ให้เวลาขวัญทำใจอีกหน่อยเถอะนะ แล้วเราค่อยมากันใหม่”

แต่พอทั้งสองจะออกไป เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามายื่นจดหมายให้ดาหวันบอกว่า ผู้ต้องขังหญิงครองขวัญฝากมาให้

เมื่อกลับถึงบ้าน ดาหวันมองจดหมายในมือครู่หนึ่งจึงเปิดออกอ่าน ครองขวัญเขียนมาว่า...

ooooooo

“ดาหวัน ที่ผ่านมาฉันเข้าใจมาตลอดว่าถ้าไม่มีเธอ ฉันกับกานต์ก็คงกลับมารักและแต่งงานกัน ฉันจึงได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเลิกกับกานต์ แม้กระทั่งเป็นฆาตกร อยู่ในนี้มันมีเวลาว่างมากมาย ทำให้ฉันได้ไตร่ตรองอะไรหลายๆอย่าง และพิจารณาสิ่งที่ฉันทำในชีวิต... ฉันถึงเพิ่งเข้าใจว่า กานต์ไม่รักฉัน ไม่ใช่เพราะเธอ ถึงไม่มีเธอ กานต์ก็ไม่สามารถรักคนอย่างฉันได้อยู่ดี และที่ฉันไม่ออกไปพบเธอ ไม่ใช่เพราะฉันยังเกลียดเธอ แต่เพราะฉันไม่กล้าสู้หน้าเธอต่างหาก ฉันขอให้เธออโหสิกรรมกับฉันในเรื่องที่ผ่านมาด้วย... ครองขวัญ”

ooooooo

ที่หน้าบ้านดาหวันเช้านี้ พรรณี เพียงนภา และคมกริช ใส่บาตรเสร็จก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ เพียงนภาตักบาตรทุกวันนับแต่วีรอรจากไป

เมื่อไม่มีความอิจฉาริษยาลดทิฐิถือดีแล้วพรรณีรำพึงอย่างเศร้าใจเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

“ฉันเป็นพี่คนโต อายุมากที่สุด ควรจะไปก่อนใคร แต่ทำไมพวกเธอสองคนถึงทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวล่ะ”

คมกริชดูแลเพียงนภาอย่างดีด้วยความจริงใจ จนกลายเป็นความรักและขอเป็นผู้ดูแลเธอไปตลอดชีวิต

ส่วนธวัชเองก็ถูกคมกริชแซวเรื่องเจนจิราว่ามัวแต่ชักช้าระวังจะไม่ทันคนอื่น ทำให้ธวัชตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะมีใครมาฉกเธอไปจริงๆ

วันนี้เมื่อเห็นเจนจิราคุยกับลูกค้าชายก็ออกอาการหึงบอกว่าตนเป็นว่าที่แฟนของเจนจิรา จนเจนจิราติงว่า เขาเป็นลูกค้า เที่ยวบอกใครต่อใครแบบนั้นเดี๋ยวตนขายไม่ออกจะว่ายังไง

“ขายไม่ออกเดี๋ยวพี่ซื้อเอง พี่เหมาหมดเลยทั้งตัวแล้วก็หัวใจ ก็บอกแล้วว่าพี่ไม่ใช่พี่ชาย แต่เป็นว่าที่แฟน”

“บ้า...” เจนจิราค้อนเขินๆ

ooooooo

หลังจากกลับมาอยู่กับแม่ไม่นาน รุจิกาก็เตรียมเดินทางไปอยู่ฝรั่งเศสบอกพรรณีว่า ตนอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตนอาย ไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้ว ใครๆก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน...

พรรณีพยายามหว่านล้อมให้อยู่กับแม่ ไม่ต้องออกไปพบใครก็ได้ ไม่ต้องไปแคร์ว่าใครจะว่าอะไร

“ใช่ค่ะพี่รุ อยู่กันประสาพี่ๆน้องๆเถอะนะคะ เรื่องคดีก็ไม่มีอะไรน่าห่วงเขากันพี่รุไว้เป็นพยานแล้ว” ดาหวันเอ่ย

รุจิกาอ้างว่าตนอยากไปเรียนต่ออยู่แล้วแต่เพิ่งติดต่อได้และไม่ได้หนีหน้าใคร ดาหวันดูออกเดาใจได้จึงไม่พูดอะไรอีก อวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ส่วนเพียงนภาก็รับปากว่าจะดูแลคุณป้า รอจนกว่าพี่รุจะกลับมาอยู่ด้วยกัน

“เธอจะรอฉันเหรอ อีกไม่นานคุณกริชคงยกขันหมากมาขอแล้วล่ะ” รุจิกาแซว ทุกคนเลยหัวเราะกันทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น

เมื่อรุจิกาจะออกเดินทาง ดาหวันยกมือไหว้เอ่ยอย่างสำนึกผิดว่า

“ดา...ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยล่วงเกิน เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะคะพี่รุ”

“นภาด้วยค่ะ” เพียงนภายกมือไหว้อีกคน

สามสาวที่เคยฟาดฟันกันเอาเป็นเอาตาย เมื่อต่างสำนึกก็โผกอดกันด้วยความรักอย่างมีความสุข...นาทีนี้ ต่างรู้ว่าไม่มีความสุข ใดจะสุขเท่ากับที่ญาติพี่น้องรักใคร่ปรองดองกันอีกแล้ว

ธวัชบอกว่าฝรั่งเศสแค่นี้คิดถึงก็บินไปหากันได้ ไม่เหมือนสมัยก่อนต้องเดินทางกันเป็นเดือนๆ แล้วเร่งให้รุจิการีบเดินทางเดี๋ยวจะตกเครื่อง

ooooooo

มารตีเพื่อนรักของดาหวัน มีความสุขมากเมื่อเธอตั้งครรภ์ ดาหวันแสดงความยินดีกับเพื่อน แต่พอมารตีถามว่าแล้วตัวเองเมื่อไหร่จะมีข่าวดีบ้าง

นมมาลัยบอกว่าตนก็รออยู่แต่สงสัยไม่ทันเพราะจนป่านนี้คุณหนูยังไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านกานต์เลย มารตีถามว่ามีอะไรกันหรือทำไมจึงยังไม่ดีกันอีก

ที่แท้ดาหวันยังบาดใจที่ถูกกานต์ด่าว่า “ผู้หญิงสำส่อน” อยู่ แต่เมื่อมารตีถามว่า เธอยอมให้อภัยทุกคนได้ แต่กับคนที่รักเธอที่สุดเธอกลับไม่ยอมปล่อยทั้งที่รู้ว่ากานต์พูดออกมาก็เพราะความเข้าใจผิด เล่าบทเรียนของตัวเองให้ฟังว่า

“คนเป็นสามีภรรยากัน ต่อไปจะต้องเจอเรื่องมากกว่านี้อีกมาก พี่กับธนายงก็เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราอยู่กันได้จนถึงตอนนี้ก็คือ การให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แค่ให้อภัยเขานะ เราต้องให้อภัยตัวเองด้วย”

พอมารตีกับธนายงกลับไป ดาหวันก็ได้รับโทรศัพท์จากประจวบ เธอตกใจมากบอกว่าจะรีบไปเดี๋ยวนี้

ไปถึงบ้านกานต์ เห็นเขานอนอยู่ริมสระ มีจิตราประคองหัวเขาไว้ ประจวบเรียกกานต์ให้รู้สึกตัวอย่างห่วงใย ดาหวันรีบเข้าไปประคองกานต์แทนจิตรา เธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น จิตราเล่าไปร้องไห้ไปว่า ตนเอาเอกสารมาให้กานต์เซ็น เห็นท่าทางเขาเครียดๆ แล้วบ่นแต่ว่าไม่รู้จะทำยังไง พอกานต์เดินมาที่สระว่ายน้ำก็ลื่นหกล้มหัวกระแทกพื้นจนหมดสติไปอย่างที่เห็นดาหวันมองกานตพ์ร่ำบอกเขาว่า

“กานต์...คุณต้องไม่เป็นไรนะ”

ส่วนกานต์ก็พยายามลืมตามือไขว่คว้า ปากก็ ร่ำร้องเรียกหาแต่ “ดา...ดา...ผม...ผม...” แล้วสลบไปอีก ดาหวันกอดเขาร้องไห้โฮ

ooooooo

จนเมื่อกานต์ดีขึ้น ดาหวันพยายามทบทวนความจำของเขาว่าเราเป็นสามีภรรยากัน กานต์ทำเป็นคิดๆ แล้วบ่นปวดหัว แต่ในที่สุดดาหวันก็จับได้ว่าถูกเขาแกล้ง

ที่แท้เป็นแผนของประจวบที่จะทำให้ทั้งสองละทิฐิเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อกันเสียที

เมื่อไปพักผ่อนกันที่ชายทะเล ดาหวันยังงอนที่ถูกหลอก กานต์อ้อนว่า

“ผมไม่ได้ล้อเล่นเพื่อความสนุก แต่ผมอยากรู้ว่าคุณจะห่วงผมแค่ไหน จะทิ้งผมไปหรือเปล่าถ้าวันหนึ่งผมเกิดจำอะไรขึ้นมาไม่ได้จริงๆ”

“ฉันก็จะทำแบบที่คุณเคยดูแลฉันตอนที่ฉันจำไม่ได้ไง ดาร์ลิ่ง”

เมื่อกำแพงแห่งความทิฐิถูกทำลายลง ต่างก็แสดงความรักที่มีต่อกันอย่างไร้กำแพงกั้น

คืนนี้ทั้งสองนอนดูดาวกันที่ชายหาด ดาหวันชี้ไปบนท้องฟ้าถามว่า

“นั่นดาวอะไร...วีนัสหรือเปล่า เขาว่าวีนัสเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ดาร์ลิ่งเคยได้ยินไหม”

“ไม่อ่ะ...เทพเจ้าแห่งความรักของผมชื่อดาหวัน คนที่อยู่ตรงหน้าผมตรงนี้ต่างหาก”

“อึ๋ยยยย...มุกนี้เลี่ยนอ่ะ”

“งั้นเรามาหาวิธีแก้เลี่ยนกันดีกว่านะดาร์ลิ่ง”

กานต์จุมพิตดาหวันอย่างแสนรัก ท่ามกลางดวงดาวที่พราวพริบ

ooooooo

–อวสาน–




ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น