วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 8


คืนนี้หลังจากไปกินข้าวกันกลับมา พอใกล้ถึงคอนโด พาไลก็โทรศัพท์ไปหานครินทร์บอกเขาว่า

“เพิ่งไปกินข้าวกับเพื่อนมา ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากคุณด้วย ห้อยไว้ที่เดิมนะ” พูดแค่นั้นแล้ววางสาย ฝนแหย่ว่า

“ห้อยน้ำเต้าหู้มันจะได้ผลอะไร มันต้องห้อยชุดชั้นในโว้ย” พาไลกับมิ้มมองหน้าอย่างรู้กัน มิ้มคาดคั้นว่าฝนคบกับใครอยู่ใช่ไหม ยอมรับมาเสียดีๆ “ฉันยอมรับว่าฉันมี แต่ฉันยังไม่ขอบอกนะว่าเขาเป็นใคร”

“แกจะคบใครก็คบไป แต่ดูให้มันดีแล้วกัน อย่าให้ซ้ำรอยอย่างไอ้คุณจำรูญ” พาไลเตือน ฝนขอร้องว่าอย่าพูดถึงไอ้หน้าปลวกนั่นได้ไหม คิดถึงแล้วจะอ้วก มิ้มพูดอย่างหมั่นไส้ว่าทีเมื่อก่อนล่ะคุณรูญคะ...คุณรูญขา...แล้วหัวเราะขำกัน

มาถึงหน้าคอนโด พาไลกับฝนต่างรู้สึกว่ามีคนแอบมอง แต่พอหันมองก็ไม่เห็นใคร ฝนบอกว่ารู้สึกมีคนแอบเดินตามมาสองสามวันแล้ว พาไลเตือนว่าระวังตัวกันไว้ก็แล้วกัน ทั้งสามขึ้นคอนโดไปอย่างไม่สบายใจ

ooooooo

วันนี้พาไลย้ายของเข้าไปอยู่บ้านสวนแล้ว นครินทร์รอจนคุณโปรยกับคุณยอดออกจากบ้านจึงมาช่วยขนของเพราะไม่อยากให้มีปัญหา

เพรียวมาช่วยพาไลขนของด้วย นครินทร์ทักว่ามาช่วยด้วยหรือ

“ต้องมาสิวะ คุณพาไลเคยช่วยฉันสยบข่าวลือเรื่องปิ่น ฉันก็ต้องตอบแทน ฝนกับมิ้มเดินออกมาได้ยินพอดี ฝนถามว่าข่าวลือเรื่องคุณปิ่น? ลือเรื่องอะไรหรือ? “ผมกับปิ่นถูกเม้าท์ว่ากิ๊กกันครับ คุณไลก็เลยไปช่วยปลอมเป็นแฟนให้ผม” ฝนพยักหน้า พลันก็มีความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

“โอม...ปะติโถถัง...พวกมันออกไป!” เสียงจุ้นดังมาจากทางรั้วบ้าน ทุกคนหันมอง เห็นจุ้นถือขันเงินกำลังเอาก้านมะยมพรมอยู่ระหว่างรั้วกั้นสองบ้าน นครินทร์ถามจุ้นว่าทำอะไร “คุณผู้หญิงให้เอาน้ำมนต์เก้าวัดมาพรมรั้วบ้าน ป้องกัน...ภูตผีปีศาจเข้าบ้านค่ะ” ปากพูดกับนครินทร์แต่หางตาไปทางพาไล

มิ้มหมั่นไส้แกล้งถามว่าน้ำมนต์จริงหรือ จุ้นเสียรู้ยื่นให้ดู ถูกมิ้มจับขันน้ำสาดใส่จุ้นเต็มๆ จุ้นร้องลั่น มิ้มพูดขำๆว่าเชื่อแล้วว่าเป็นน้ำมนต์จริงเพราะจุ้นร้องเสียลั่น จุ้นคว้าขันจะปาใส่มิ้ม ถูกนครินทร์เรียกปราม เลยพูดอาฆาตว่า

“คอยดูเถอะ คุณผู้หญิงกลับมาฉันจะฟ้องคุณผู้หญิง” แล้วเดินสะบัดไป

มิ้มกับฝนหัวเราะเยาะตามหลัง พาไลบอกเพื่อนว่าเกรงใจคุณรินทร์เขาบ้าง มิ้มขอโทษบอกว่ามันทนไม่ไหวจริงๆ นครินทร์ก็ขอโทษแทนจุ้นด้วย พาไลคว้าแขนมิ้มบอกให้ไปช่วยขนของจากคอนโดกับตนดีกว่า ขืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวมีเรื่องอีก นครินทร์ขอไปด้วย แต่บอกเพรียวให้อยู่ที่นี่รอรับก็แล้วกัน

“ฉันจัดของอยู่ที่นี่ด้วยนะ” ฝนบอกพาไลหลังจากมองเพรียวอย่างมีแผน พออยู่ด้วยกันที่บ้านสวน ฝนถามเพรียวว่าเป็นเพื่อนสนิทของนครินทร์หรือ พอเพรียวบอกว่าตั้งแต่เรียนมัธยม ฝนถามต่อ “อย่างนี้ก็แสดงว่าคุณเพรียวรู้จักกับคุณปิ่นมานานแล้วเหมือนกัน เพราะแบบนี้หรือเปล่า คนที่ทำงานคุณเพรียวถึงได้เม้าท์ว่าคุณกับคุณปิ่นเป็นกิ๊กกัน”

พอเพรียวบอกว่าไม่ใช่แต่เป็นเพราะเรื่องอื่น ฝนถามทันทีว่าเรื่องอะไร เล่าให้ตนฟังได้ไหม เพรียวเสียรู้ฝนจนได้

ooooooo

พาไล มิ้ม และนครินทร์ไปขนของที่คอนโด พาไลรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาบางคนจับจ้องอยู่แต่ก็จับตัวไม่ได้สักที พอเห็นแว้บๆว่ามีคนอยู่หลังต้นไม้ แต่พอจะไปดู ก็ถูกบัวทองขับรถปาดหน้าแล้วลงจากรถบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย

บัวทองถามพาไลอย่างหาเรื่องว่าไปทำอะไรให้คุณลุง ทำไมอยู่ๆ คุณลุงถึงได้หน้ามืดตามัวหลงจนเรียกทนายมาทำพินัยกรรมยกสมบัติให้คนเดียว เห็นพาไลงงๆก็ด่าว่าทำเป็นไม่เข้าใจ ตนนึกแล้วว่ากลับมาแกล้งทำเป็นคนดีบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเงินของคุณลุงแม้แต่บาทเดียว มันเป็นแค่แผนปอกลอกคุณลุงเท่านั้น

พาไลยืนยันว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้น บัวทองท้าให้พิสูจน์ด้วยการบอกคุณลุงว่าจะไม่รับสมบัติของคุณลุงเลยแม้แต่บาทเดียว

“ได้สิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉันไม่ว่าง” พาไลบอกแล้วเดินตามมิ้มไป บัวทองพรวดไปดักหน้าบอกให้โทร.ไปบอกคุณลุงเลย ทำท่าจะต่อสายให้ ถูกพาไลเตือนสติว่ารู้ไหมว่าความอยากมีอยากได้ของเธอทำให้แสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจออกมา มิ้มพูดปกป้องพาไล เลยถูกบัวทองผลักเซไปด้วยความโมโห

คนอย่างมิ้มไม่มีวันยอมให้ใครทำฝ่ายเดียวอยู่แล้ว ทำท่าจะลงมือกันจนพาไลต้องขอร้องแต่ไม่ได้ผลเพราะทั้งสองกระโจนเข้าตบกันแล้ว นครินทร์ลงมาเห็นถามว่ามีเรื่องอะไรกัน บัวทองเห็นนครินทร์ก็ชะงักถามว่ามาทำอะไรที่นี่

นครินทร์บอกว่าตนมาช่วยพาไลขนของ ถามว่าแล้วเธอมาทำอะไร บัวทองเกือบพลั้งปากแต่กลับลำทันบอกว่ามาคุยกับพาไล แล้วถามว่าพาไลจะย้ายไปอยู่ที่ไหน นครินทร์ชี้ไปบอกว่าอยู่บ้านเช่าหลังบ้านตน

“เรื่องที่เธอบอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะโทร. ไปคุยกับคุณพ่อเอง” พาไลบอกบัวทองแล้วชวนนครินทร์ไปเก็บของกันจะได้เสร็จเร็วๆ

“เข้าใจหาที่อยู่ดีนะนังพาไล!” บัวทองจิกตาพึมพำ แล้วเดินกลับออกไป

สายตาลึกลับคู่นั้นมองตามบัวทองแล้วแอบเดินตามไป พอบัวทองเปิดประตูด้านคนขับ ชายเจ้าของสายตาคู่นั้นก็ก้าวขึ้นนั่งคู่คนขับทันที บัวทองเห็นคนแปลกหน้าขึ้นนั่งรถ เธอร้อง

“ว้าย! ไอ้บ้า แกเป็นใครขึ้นมาในรถฉันทำไม!”

มันคือเนตร ผัวเก่าพาไลนั่นเอง!

ooooooo

พาไลโทรศัพท์คุยกับพิศมัยเรื่องที่บัวทองมาอาละวาดว่าคุณเชื่อมยกสมบัติทั้งหมดให้พาไล พิศมัยบอกว่าบัวทองพูดเกินไป คุณเชื่อมแค่เรียกทนายมาเตรียมจัดสันปันส่วนแบ่งสมบัติให้พาไลด้วยเท่านั้นเอง

“แต่ไลไม่สมควรได้รับอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะไลไม่ใช่ลูกของคุณพ่อคุณแม่”

“สำหรับพ่อกับแม่ ลูกไม่ใช่แค่คนที่เราให้กำเนิด แต่คือคนที่เราจะมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา เพราะ ฉะนั้น ไลเป็นลูกของพ่อกับแม่จ้ะ”

พาไลยิ้มนิดๆด้วยความซาบซึ้งใจในความรักของคุณเชื่อมกับพิสมัยที่มีให้ตนตลอดมา

พาไล นครินทร์ และมิ้ม กลับมาถึงบ้านสวนพร้อมส้มตำไก่ย่าง ฝนเดินหงุดหงิดออกจากบ้านต่อว่าทันที

“หายไปไหนกันมาตั้งนาน ฉันอยู่กับคุณเพรียวจนจะได้เสียกันอยู่แล้ว”

เพรียวที่กำลังดื่มน้ำจากขวดสำลักพ่นน้ำออกมากับคำพูดของฝน นครินทร์ขำๆ เพราะชินกับภาษาแสบๆ แซ่บๆของพวกเธอแล้ว บอกเพรียวว่าอยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชิน

มิ้มบอกว่าแวะซื้อส้มตำมาจัดปาร์ตี้แซ่บ เลี้ยงฉลองเศรษฐินีคนใหม่” มิ้มพูดพลางมองไปทางพาไล พาไลติงว่าพูดเกินไป “ไม่เกินหรอกย่ะ ระดับคุณเชื่อม วิบุลยา สมทบทุนช่วยเหลือลูกเลี้ยงผู้ยากไร้ ยังไงก็ต้องไม่ต่ำกว่าห้าแสน”

“โห...บ้านนี้สุดยอด ย้ายเข้ามาปุ๊บ ไลโชคดีปั๊บ” ฝนตื่นเต้น พาไลบอกว่าแต่ใจตนไม่ค่อยอยากรับ

“ไม่ผิดหรอกครับถ้าคุณจะรับเงินของคุณพ่อไว้ เพราะท่านเต็มใจให้ คุณแค่นำมาต่อยอดให้ท่านได้เห็นว่าเงินของท่านทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นได้” นครินทร์เอ่ย

มิ้มบอกพาไลว่าคุณรินทร์คอนเฟิร์มแล้วเลิกคิดมาก แล้วมากินส้มตำกันเถอะหิวแล้ว บรรยากาศเลยครึกครื้นขึ้นมา

ooooooo

เนตรกับบัวทองไปนั่งคุยกันในร้านกาแฟ เนตรขอให้บัวทองช่วยหาทางให้ตนได้คืนดีกับพาไล

บัวทองถามอย่างรู้ทันว่าเขามาหาตนเพราะอยากรู้ว่าพาไลได้อะไรจากคุณลุงบ้างใช่ไหม ปรามาสว่าเขากลับมาหาพาไลถ้าไม่ใช่ต้องการเงินก็ต้องการตัว เนตรยอมรับว่าเวลานี้ตนลำบากมากอยากได้เงินสักก้อน ถามว่าช่วยตนได้ไหม

“ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีอะไรมาแลกเปลี่ยน” เนตรถามว่าเธอต้องการอะไร “เล่าเรื่องเลวๆของพาไลให้ฉันฟัง”

เนตรยิ้มร้ายกับเรื่องง่ายๆ

วันนี้ทนายบรรจบเอาพินัยกรรมที่ร่างตามที่คุณเชื่อมต้องการมาให้คุณเชื่อมที่บ้าน

“นี่ครับพินัยกรรมที่คุณเชื่อมต้องการ ทรัพย์สมบัติของคุณทั้งหมด ถูกแบ่งเป็นสามส่วนคือ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์มอบให้คุณพิสมัย สามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของคุณพาไลและยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของคุณบัวทอง”

เพ็ญมาแนบหูแอบฟัง พอรู้ว่าบัวทองได้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็กัดฟันว่า “มันไม่ยุติธรรมเลย!”

ทนายบรรจบดึงกระดาษออกจากซองสีน้ำตาลยื่นให้คุณเชื่อม “ส่วนนี่เช็คเงินสดห้าล้านบาทที่คุณจะมอบให้คุณพาไลก่อนล่วงหน้า คุณเชื่อมเซ็นเอกสารแล้ว ผมจะนำไปมอบให้คุณพาไล”

เพ็ญตาร้อนผ่าวพึมพำ “ทำไมนังพาไลมันโชคดีอย่างนี้” พลันบัวทองก็ถามเสียงดังขึ้นว่า

“คุณแม่คะ คุณลุงอยู่ไหนคะ” เพ็ญหันมอง จึงเห็น ว่าบัวทองยืนอยู่กับเนตร

ขณะทนายบรรจบกำลังจะให้คุณเชื่อมเซ็นชื่อนั่นเอง บัวทองร้องห้าม

“เดี๋ยวค่ะ ก่อนที่คุณลุงจะตัดสินใจทำเพื่อพาไล บัวมีเรื่องอยากให้คุณลุงรับรู้เอาไว้ คุณลุงจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าถูกคนชั่วอย่างพาไลปอกลอก”

บัวทองบอกว่าพาไลฆ่าลูกในท้องของตัวเองด้วยการทำแท้ง ทุกคนตกใจ คุณเชื่อมปวดหัวใจจนทรงตัวไม่อยู่ บัวทองไม่สนใจ บอกเนตรให้เล่าเรื่องเขากับพาไลให้คุณเชื่อมฟัง

“พาไลเคยมาบอกว่าท้องจะให้ผมรับเป็นพ่อเด็ก แต่ผมไม่โง่ เพราะใครๆก็รู้ว่าพาไลนอนกับผู้ชายแลกเงิน ทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงขายบริการ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำที่พาไลทำแท้ง ผู้หญิงอย่างพาไล เข้าออกคลินิกเถื่อนเป็นว่าเล่น”

“เลือดชั่วพ่อแม่มันแรงจริงๆ” เพ็ญแทรกขึ้น

“คุณบรรจบครับ พินัยกรรมนี่ผมคงต้องรบกวนให้คุณทำใหม่ แบ่งทรัพย์สินของผมเป็นสองส่วนก็พอ” คุณเชื่อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ เพ็ญกับบัวทองและเนตรยิ้มอย่างผู้ชนะ ฟังคุณเชื่อมพูดต่อ

ตาเป็นประกาย “แบ่งให้คุณพิศกับพาไล คนอื่นไม่ต้อง”

“คุณพี่! ทำไมคุณพี่ทำแบบนี้!” เพ็ญแผดเสียงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณเชื่อมหน้าแดงก่ำโกรธจนตัวสั่นบอกว่า

“เธอกับลูกสาวเธอดูถูกพี่มากเกินไป พี่ไม่ได้โง่ถึงกับจะมองใครไม่ออก และถ้าจะมีคนหวังสมบัติของพี่ ไม่ใช่พาไลหรอก แต่เป็นพวกเธอ” บัวทองสวนทันควันว่าไม่จริง ตนกับแม่ไม่เคยคิดเลย

“ออกไปจากห้องให้หมด” คุณเชื่อมไล่ตะเพิด พิสมัยบอกเพ็ญให้พาบัวทองออกไป บัวทองไม่ยอมไป เพ็ญจึงต้องลากแขนออกไป บัวทองขืนตัวโวยวายทำให้บรรยากาศชุลมุนไปหมด จนคุณเชื่อมลุกขึ้นตะโกนสุดเสียง

“ฉันบอกให้ออกไป!” สิ้นเสียงคุณเชื่อมก็เจ็บหน้าอกรุนแรงทรุดล้มลงกับพื้น

“คุณพี่!” พิสมัยร้องสุดเสียง

ooooooo

พาไลได้รับข่าวคุณเชื่อมจากพิสมัย เธอถามว่าใครเป็นต้นเหตุให้คุณพ่อโรคหัวใจกำเริบ พิสมัยไม่กล้าบอกความจริงเพราะเพ็ญและบัวทองคือน้องและหลานแท้ๆของตน ตอบเลี่ยงไปว่าคุณเชื่อมช็อกไปเอง

พาไลไปถึงโรงพยาบาล หมอออกจากห้องฉุกเฉินมาบอกว่าคุณเชื่อมเสียแล้ว เธอช็อกน้ำตาไหลพรากไม่รู้ตัว ทั้งพิศมัย เพ็ญและบัวทองต่างพากันร้องไห้ คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะร้ายแรงถึงเพียงนี้

เมื่อนำร่างคุณเชื่อมออกจากห้องฉุกเฉิน พาไลโผเข้ากอดร้องไห้คร่ำครวญ ไม่เชื่อว่าคุณพ่อจากไปแล้ว พร่ำปลุกให้คุณพ่อตื่น...ตื่นขึ้นมาพูดกับตน...จนนครินทร์ต้องมาพาเธอออกจากร่างคุณเชื่อม

วันรุ่งขึ้น ในงานศพคุณเชื่อม แขกมาในงานมากมาย มีทั้งเพื่อนๆและนักธุรกิจที่เคยรู้จักคุณเชื่อม

ฝนมาช่วยเสิร์ฟน้ำ พอเห็นคุณขจีกับคุณยอดมาก็รีบวางถาด บอกพาไลว่าตนจะไปดูแลเอง ฝนเข้าไปต้อนรับ แนะนำตัวเองว่าเป็นเพื่อนพาไลแล้วพาไปนั่งด้วยท่าทางพินอบพิเทา

ในงาน เพ็ญเกือบบอกคุณยอดถึงสาเหตุการตายของคุณเชื่อม ถูกพิศมัยเรียกปรามแล้วให้พาแขกไปนั่งเพราะพระใกล้สวดแล้ว พาไลสังเกตอยู่ เธอถามพิสมัยว่ามีอะไรปิดบังตนอยู่หรือเปล่า

“ไม่มีหรอกจ้ะ แม่แค่ไม่อยากฟังใครพูดถึงการตายของคุณพ่อน่ะ”

แต่คุณโปรยก็รู้เห็นเหมือนกับพาไล คุณโปรยกระซิบกับคุณยอดว่า

“เมื่อกี๊เห็นกันไหม น้องสาวคุณพิศมัยเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แม่ว่าคุณเชื่อมไม่ได้หัวใจวายตายธรรมดาอย่างที่เป็นข่าวก็ได้”

“ถ้าครอบครัวเขาบอกว่าตายธรรมดาก็คือธรรมดา อย่าไปใส่สีตีไข่ให้มันพิเศษเลยคุณ” คุณยอดตัดบท เลยถูกคุณโปรยค้อนที่ขัดคอ นครินทร์ได้ยินคุณพ่อพูดและเห็นอาการของคุณแม่ก็หัวเราะขำๆ

ปิ่นปักเป็นตัวแทนของศกมางาน พิสมัยจะให้พาไลพาเข้าไปนั่ง ปิ่นปักบอกว่าไม่เป็นไร ตนเข้าไปเองได้แล้วเดินผ่านพาไลเข้าไปเลย

ปิ่นปักเข้าไปสวัสดีคุณเศียรกับคุณขจี คุณเศียรถามว่าแล้วศกล่ะ เธอบอกว่าเขาติดลูกค้าเลยให้ตนมาเป็นตัวแทน พอปิ่นปักนั่งลง คุณขจีก็สะกิดแขนคุณเศียรอย่างรู้กัน คุณเศียรจึงเรียกปิ่นปักให้ดูคลิปเด็กกำลังร้องเพลง ปิ่นปักรู้ว่าคุณขจีต้องการอะไร รู้สึกขัดใจแต่ก็ต้องดูจนจบเพื่อรักษาน้ำใจ

เห็นปิ่นปักดูคลิป คุณขจีได้ใจเลยจัดหนักเตรียมเปิดให้ดูอีก ปิ่นปักขอเอาไว้ก่อนดีกว่าตนขอไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ก่อน พอลุกไปคุณขจีแอบค้อนบ่น “พูดถึงเด็กทีไร เป็นอย่างนี้ทุกที”

ส่วนปิ่นปักพอไปนั่งกับคุณโปรยก็บ่นว่าอยู่ในงานศพแต่พูดเรื่องลูก เกิดใครได้ยินจะมองว่าเราไม่รู้จักกาลเทศะ

ขณะนั้นเอง เพรียวเข้ามาสวัสดีคุณโปรยกับคุณยอด เขาถามถึงนครินทร์ คุณโปรยบอกว่าคงไปเข้าห้องน้ำ บอกให้เพรียวไปตามให้ทีกลัวโดนผีสางแถวนี้ดักหลอก ถูกคุณยอดขัดขึ้นว่าไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็มาบอกเพรียวให้นั่งด้วยกันตรงนี้เลย

พอเพรียวนั่ง ปิ่นปักถามเหน็บว่าไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนพาไลหรือเวลานี้เธอคงต้องการกำลังใจจากเขา

“พาไลเขารู้ว่าพี่ส่งกำลังใจไปให้ทุกลมหายใจอยู่แล้ว”

ปิ่นปักถามอีกว่าแล้วเรื่องเรียนปริญญาโทไปถึงไหนแล้วเริ่มเปิดเทอมหรือยัง เพรียวชะงัก บอกว่ายังเลย

ฝนเดินผ่านมา เห็นปิ่นปักนั่งคุยกับเพรียวอยู่ เธอยิ้มอย่างมีแผนทันที

ooooooo

ฝนเข้าไปคุกเข่าเสิร์ฟน้ำให้คุณขจีแล้วทำทีเห็นปิ่นปักคุยกับเพรียว พอคุณขจีถามว่าปิ่นปักคุยกับใครหน้าคุ้นๆ ก็เข้าทางฝนทันที

“อ๋อ...คุณเพรียวเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายคุณปิ่น

ค่ะ คุณขจีคงจะคุ้นเพราะเคยเห็นที่งานแต่งงานของคุณปิ่น ฝนรู้มาว่าเขาสนิทกันมาก เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้หน้าที่การงานของคุณปิ่นนำคุณเพรียวไปไกลแล้ว” คุณขจีถามว่าเธอรู้เรื่องของพวกเขาได้อย่างไร “พาไลเพื่อนฝนสนิทกับคุณรินทร์ ฝนก็เลยรู้ทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องข่าว...อุ๊ย!”

ฝนทำเป็นตกใจที่พลั้งปาก คุณขจีถามว่าข่าวอะไร ฝนทำเป็นว่าไม่อยากพูดให้คุณขจีไม่สบายใจ พอคุณขจีบอกว่าตนจะยิ่งไม่สบายใจถ้าเธอไม่พูด ฝนย้ำกับคุณขจีว่าห้ามบอกใครว่ารู้เรื่องนี้จากตนไม่อย่างนั้นตนถูกไล่ออกแน่ พอคุณขจีรับปาก ฝนก็พรั่งพรูเรื่องที่พนักงานนินทาความสัมพันธ์ของปิ่นปักกับเพรียวให้คุณขจีฟังอย่างมันอารมณ์

ครู่เดียว ที่มุมหนึ่งของวัด คุณขจีก็ไปเล่าให้คุณโปรยฟัง คุณโปรยตกใจไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นความจริง รับประกันด้วยชีวิตว่าปิ่นปักไม่มีวันทำตัวต่ำอย่างที่คนอื่นลือกันแน่ๆ คุณขจีติงว่าถ้าไม่มีมูลสุนัขไม่ถ่าย คุณโปรยถามว่าคุณขจีเชื่อข่าวลือนั้นหรือ

“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้เชื่อ เพราะดิฉันเชื่อว่าตาศกเลือกคนมาเป็นเมียไม่ผิด แต่มูลที่ว่า อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจของหนูปิ่น ดิฉันก็เลยอยากจะขอให้คุณโปรยช่วยตักเตือนหนูปิ่นให้ที ว่าตัวเองไม่ใช่สาวโสดแล้วอย่าไปให้ความสนิทสนมกับใครจนเกินงาม ทำอะไรหัดนึกถึงหน้าตาของสามีบ้าง”

เมื่อคุณโปรยรับปากว่าจะเตือนปิ่นปักให้ คุณขจีรีบย้ำว่าอย่าให้ปิ่นปักรู้ว่าตนเป็นคนมาบอก เดี๋ยวตนจะถูกถอนหงอก

คุณโปรยทั้งโกรธทั้งเสียใจจนยืนแทบไม่ติด นครินทร์ที่มายืนฟังพักหนึ่งแล้วรีบเข้าไปหา คุณโปรยถามว่าเขาได้ยินที่คุณขจีพูดถึงปิ่นปักแล้วใช่ไหม คุณโปรยพูดอย่างเจ็บปวดว่า

“ตั้งแต่เกิดมาแม่ไม่เคยรู้สึกเสียหน้าเท่าครั้งนี้มาก่อน นี่ถ้าเรื่องปิ่นเป็นความจริง แม่คงต้องตายแน่ๆ” นครินทร์บอกว่าคุณแม่สบายใจได้เลยเพราะข่าวไม่ใช่เรื่องจริง “แล้วน้องไปทำอะไรทำไมคนเขาถึงพูดกันล่ะ”

“ปิ่นยังไม่ต้องทำอะไรก็พูดกันได้ครับ ผมว่าเราอย่าบอกปิ่นเลยครับ คุณแม่ก็รู้จักปิ่นดี ปิ่นยอมใครเสียที่ไหน ถ้าปิ่นรู้เรื่องปิ่นไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ปัญหาจะยิ่งบานปลายด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง พวกข่าวเม้าท์ข่าวลือเดี๋ยวมันก็หายไปตามกาลเวลา อย่าเอาใจไปใส่ให้มันมาสร้างปัญหาให้เราได้เลย คุณแม่ทำใจให้สบายแล้วเข้าไปข้างในเถอะครับ พระเริ่มสวดแล้ว”

คุณโปรยพยักหน้ายอมเข้าไปนั่งฟังพระสวดทั้งที่ใจไม่สงบนัก ปิ่นปักเห็นคุณโปรยสีหน้าไม่สบายใจถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า คุณโปรยบอกว่าอากาศร้อนไม่มีอะไร แล้วพนมมือฟังพระสวดระหว่างพระสวดนี่เอง มือถือของบัวทองสั่นเพราะมีข้อความเข้า บัวทองดูหน้าจอ “รออยู่ข้างนอก เนตร” เธอลุกเดินออกไปพบเนตร จึงรู้ว่าเนตรมาทวงเงินค่าตอบแทนที่เล่าเรื่องพาไลให้ฟัง บัวทองจึงให้ไป

หนึ่งหมื่นบาทบอกว่ามีติดกระเป๋าอยู่เท่านี้และเราไม่มีอะไร ติดค้างกัน ต่อไปอย่ามายุ่งกับตนอีก ส่วนเรื่องง้อพาไลให้เขาไปหาทางเอาเองตนช่วยอะไรไม่ได้

พาไลไปเข้าห้องน้ำกลับมา เธอตกใจเมื่อเห็นบัวทองคุยอยู่กับเนตร เมื่อเนตรไปแล้วจึงถามบัวทองว่ารู้จักกับเนตรได้อย่างไร เตือนบัวทองว่าเนตรไม่ใช่คนดีถ้าเธอไม่อยากเดือดร้อนอย่าไปยุ่งกับมันเด็ดขาด กลับถูกบัวทองหาว่ากลัวตนรู้ความลับของตัวเองหรือ เสียใจด้วย ตนรู้หมดแล้ว!

“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเนตรจะพูดถึงฉันว่ายังไง แต่เธอก็คิดเอาเองแล้วกัน เมื่อก่อนมันเคยบอกว่ารักฉัน แต่พอเลิกกันกลับมาพูดให้ร้ายฉันให้คนอื่นฟัง พฤติกรรมแบบนี้ ผู้ชายดีๆเขาไม่ทำกันหรอก และถ้าเธอยังจะเอาตัวเข้าไปใกล้มัน ไปหลงเชื่อคำพูดของมันอีก เธอก็โง่เต็มทน” เตือนแล้วพาไลเดินออกไป

บัวทองโกรธตามไปหาเรื่องว่าด่าตนแบบนี้ก็เท่ากับด่าคุณลุงว่าโง่ด้วย พาไลถามว่าหมายความว่ายังไง

“คุณป้าพิศสั่งให้พวกเราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ฉันคิดว่าแกควรจะรู้ แกจะได้รู้ตัวว่าตัวเองเลวแค่ไหน คุณลุงรู้จากเนตรว่าเธอเคยทำแท้ง ท่านถึงได้ช็อกตกใจจนหัวใจวายตายไง” พาไลอึ้งไม่เชื่อ “ไม่เชื่อก็ไปถาม

คุณป้าพิศดูสิ คุณลุงเขาผิดหวังมาก ไม่สามารถล้างเลือดชั่วในตัวแกออกได้”

เป็นเวลาที่พระสวดเสร็จ ทั้งนครินทร์ ปิ่นปักและคุณโปรยกำลังเดินมาขึ้นรถได้ยินเข้าพอดีจึงหยุดฟัง บัวทองยังพูดอย่างสะใจว่า

“แกมันเลวกว่าพ่อแม่ของแก ถึงแม่ของแกจะทิ้งแกไป แต่เขาก็ยังอดทนอุ้มท้องลูกไว้ตั้งเก้าเดือน ผิดกับแก รักสนุกไปวันๆ พอพลาดก็ทำแท้ง”

ครอบครัวนครินทร์ทุกคนอึ้ง มีแต่นครินทร์คนเดียวที่รับรู้เรื่องนี้มากับตัวเองมาก่อนแล้ว

“คุณลุงเขารู้เรื่องนี้จากผัวเก่าของแก เขาถึงทำใจรับไม่ได้ช็อกตายยังไงล่ะ แกจำใส่หัวเอาไว้เลยนะพาไล แกคือคนที่ทำให้คุณลุงตาย แกเป็นฆาตกรฆ่าคุณลุง!”

พาไลโกรธสุดขีด ตบเปรี้ยงเดียวบัวทองล้มลงกับพื้นแผดเสียงกรี๊ด ลุกขึ้นจะตบคืน นครินทร์พุ่งเข้าไปขวาง

“พาไล บัว เกิดอะไรขึ้น” พิสมัยที่วิ่งออกมาพร้อมกับเพ็ญ มิ้ม และฝน ถามบัวทองในขณะที่ทั้งสองยังจ้องกันเขม็ง

เมื่อพาไลกลับเข้าไปในศาลา ไปร้องไห้พร่ำบอกคุณเชื่อมอยู่หน้ารูปว่า

“คุณพ่อขา...คุณพ่ออย่าเข้าใจไลผิดนะคะ ไลไม่ได้ทำแท้ง ไลไม่ได้ฆ่าลูก”

“ไล...ใจเย็นๆ ลูก แม่ยืนยันได้ว่าคุณพ่อเขาเชื่อไล” พิสมัยเข้ามากอดพาไล เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของแม่

ooooooo

กลับถึงบ้าน ทั้งคุณโปรยและปิ่นปักต่างตำหนิพาไล และเตือนนครินทร์อย่าเข้าใกล้คนบาปหนาอย่างนี้เด็ดขาด นครินทร์ชี้แจงว่าพาไลไม่ได้ทำแท้ง แต่เธอถูกพ่อของเด็กทำร้ายร่างกายจนแท้ง

“รินทร์อย่าไปฟังนิยายดราม่าของพาไล” คุณโปรยแทรกทันที

“ผมไม่ได้ฟังพาไล แต่ตอนที่พาไลแท้งเด็ก ผมเป็นคนพาพาไลไปส่งโรงพยาบาล”

ทุกคนตะลึง! ปิ่นปักยังย้ำกับนครินทร์ว่า “พาไลทำตัวไม่ดี ชีวิตจึงต้องคบคนพาล ไม่แปลกที่พวกเขาจะทำเรื่องเลวร้ายต่อกัน พี่รินทร์รู้อย่างนี้ก็อย่าไปยุ่งกับพาไลอีกเลยนะคะ”

นครินทร์คร้านที่จะชี้แจง เพราะยิ่งพูดก็มีแต่จะทำให้พวกเขามีอคติกับพาไลมากยิ่งขึ้น

มิ้มกับฝนมาส่งพาไลที่บ้าน ฝนบอกพาไลว่าอย่าคิดมากเพราะคุณแม่ยืนยันแล้วว่าคุณพ่อไม่เชื่อที่เนตรบอก แต่ท่านหัวใจวายตายเพราะโกรธบัวกับเนตร มิ้มชวนพรุ่งนี้ไปดักเอาเปลือกทุเรียนตบหน้าบัวทองกันไหม

“ไม่ล่ะ ฉันรู้ว่าบัวเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันถึงต้องโยนความผิดมาที่ฉัน ฉันจะให้อภัยบัวเพื่อคุณพ่อ”

“ทำไมชีวิตแกมันยากแบบนี้วะ กำลังจะได้เงินจากพ่อมาตั้งตัวอยู่แล้วก็ดันมีมารมาผจญ คราวนี้ต้องกลับไปเป็นพาไลผู้ยากไร้คนเดิม” ฝนบ่น

“คุณพ่อเคยสอนว่า ถ้าชีวิตมีแต่คำว่าง่าย มันก็ไม่ใช่ชีวิต”

มิ้มกับฝนกลับไปแล้ว ขณะพาไลจะเดินเข้าบ้าน ก็เจอนครินทร์มาดักพบอยู่ เธอโผเข้ากอดเขาร้องไห้ นครินทร์กอดตอบและลูบหัวปลอบใจ ต่างรับรู้จากสัมผัสถึงความเป็นห่วงและเข้าใจกันและกัน

ที่ประตูทางเชื่อมระหว่างบ้านของนครินทร์กับบ้านเช่า จุ้นแอบดูอยู่ พอเห็นทั้งสองกอดกันก็จิกตาร้าย แจ้นกลับไปรายงานคุณโปรย คุณโปรยฟังจุ้นแล้วโกรธตำหนินครินทร์ว่าไม่น่าปล่อยให้มันทำแบบนั้นเลย

ป้าแสงฟังอยู่นานถามว่าเขาปลอบใจกันเรื่องพ่อเสียจะให้ชวนกันกระโดดโลดเต้นรึไง ถูกคุณโปรยหาว่าเดี๋ยวนี้เข้าข้างพาไลแล้วหรือ อยากได้มาเป็นหลานสะใภ้หรือไง

“ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ค่ะคุณ เพราะเขาต้องอยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต ส่วนเราอีกไม่กี่ปีก็ตายเป็นผีกันแล้ว”

“แต่ก่อนตาย ฉันจะไม่ทนเห็นลูกชายคว้าไม้ผุไม้พังมาสร้างเรือนหรอก จุ้น...รินทร์ยังอยู่ที่บ้านโน้นหรือเปล่า”

จุ้นลอยหน้าว่าแยกย้ายกันไปแล้ว พาไลเข้าบ้านและนครินทร์ยืนคุยโทรศัพท์ที่สวน คุณยอดว่านั่นไง ไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่เขาแค่ปลอบใจกันประสาเพื่อน

“เพื่อนก็ไม่ได้ค่ะ เกิดใครมาเห็นเข้าจะเอาไปนินทาว่าเราได้สะใภ้เป็นผู้หญิงพรรค์นั้น อับอายขายขี้หน้า คนสมัยนี้ขี้เม้าท์ขี้นินทาอย่างกับอะไรดี ขนาดคนดีอย่างปิ่นยังตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้เลย”

คุณโปรยพลั้งปากไปคำเดียวกลายเป็นเรื่องทันที ปิ่นปักคาดคั้นให้คุณแม่บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าใครนินทาอะไรตน!

ooooooo

กลับถึงบ้าน ปิ่นปักเดินเข้าไปคุยกับศกที่นั่งดื่มพักผ่อนอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอบอกเขาว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พอปิ่นปักเล่าเรื่องที่ถูกพนักงานนินทาให้ฟังก็ถูกศกตำหนิว่าทำไมไม่รู้จักระวังตัว เคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าให้วางตัวให้ดี

ศกไม่เพียงไม่พอใจที่ปิ่นปักมีข่าวไม่ดีหากไม่พอใจมากที่เป็นข่าวกับเพรียวที่เขาจิกเรียกว่า “ไอ้กระจอกนั่น” เพราะคนเขาจะคิดว่าเธอใฝ่ต่ำ ปิ่นปักโมโหถามว่าทำไมว่าตนแบบนั้น

“ผมพูดความจริง เชื่อผมเถอะ คุณกับมันเป็นข่าวกันแล้ว คนก็จะยิ่งคอยจ้องจับผิดต่อไปคุณกับมันจะยิ่งมีข่าวหนักหนากว่านี้”

“ใครจะพูดยังไงปิ่นไม่สนใจ ปิ่นสนใจแต่คุณแม่คุณปิ่นไม่อยากให้คุณแม่มองปิ่นผิดๆ คุณต้องพูดกับคุณแม่ให้ปิ่นนะคะ ว่าข่าวลือของปิ่นกับพี่เพรียวไม่เป็นเรื่องจริงเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ผมไม่มีเวลาว่างมานั่งพูดเรื่องไร้สาระหรอกนะ ผมว่าคุณอยู่เฉยๆไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณแม่เจอเครื่องเพชรถูกใจท่านก็ลืมเรื่องของคุณไปเอง”

กระนั้นปิ่นปักก็ยังไม่สบายใจ

วันต่อมาปิ่นปักไปที่บริษัทอีก ฝนรีบลุกมาไหว้ ปิ่นปักถามว่าคุณแม่ประชุมคณะผู้บริหารเสร็จหรือยัง ฝนดูสีหน้าท่าทางก็รู้ว่าเธอกำลังจะมีเรื่องกับคุณขจีแน่ แอบยิ้มกระหยิ่มใจกับแผนการของตน ทำทีบอกว่าน่าจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวตนจะโทร.ถามสมรให้ว่าคุณขจีอยู่ไหนศกมาเจอปิ่นปักขณะรอคุณขจี เขาถามว่ามาทำอะไรที่นี่ พอรู้ว่าเธอจะมาคุยกับคุณขจี เขาลากเธอไปจากตรงนั้นทันที ฝนมองอย่างมีแผน ตามไปแอบฟังและถ่ายคลิปไว้ด้วย

ศกกับปิ่นปักโต้เถียงกันรุนแรง ศกหาว่าเธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ครู่เดียวฝนก็พาคุณขจีมายังที่ที่ปิ่นปักกับศกกำลังโตเถียงกัน ศกบอกว่าเธอก็รู้ว่าถ้ายิ่งพยายามอธิบายคุณแม่ก็จะยิ่งคิดว่าเธอกำลังร้อนตัว

“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ต้องเป็นฝ่ายพูดให้คุณแม่เข้าใจปิ่นและสอนคุณแม่ด้วยว่าอย่าหูเบาเพราะถ้าคุณแม่ฟังอะไรโดยไม่ใช้สมองคิดไตร่ตรองให้ดีแบบนี้ ครอบครัวเราจะอยู่กันอย่างสงบสุขได้ยังไง”

คุณขจีโกรธจนตัวสั่น พึมพำ “ถ้าไม่เคารพกัน

แบบนี้ เห็นทีตาศกจะต้องเลือกระหว่างเมียกับแม่!” แล้วเดินออกไปหาศกกับปิ่นปักทันที

“บ้านแกได้แตกแน่” ฝนพึมพำสะใจ

แต่พอคุณขจีออกไปถามปิ่นปักว่ามีปัญหาอะไรกับตนหรือ ปิ่นปักก็คลื่นไส้จะอาเจียนบอกว่าเหม็นกลิ่นน้ำหอมของคุณแม่ เธอเอามือปิดปากวิ่งไปห้องน้ำ

คุณขจีถามปิ่นปักว่ารอบเดือนมาปกติหรือเปล่า พอรู้ว่าขาดไปสองเดือนแล้ว คุณขจีลืมความโกรธหมดสิ้นกลายเป็นดีใจสุดๆ จับมือปิ่นปักบอกว่า “ปิ่นท้อง แล้ว ปิ่นจะมีหลานให้แม่แล้ว!”

กลายเป็นข่าวดีที่ทำให้ความบาดหมางขุ่นเคืองใจทั้งหมดมลายหายไปสิ้น ปิ่นปักได้รับการประคบประหงมราวไข่ในหิน ฝนที่ติดตามดูอยู่ผิดหวังอย่างหนัก พึมพำกับตัวเอง

“ทำไมนังปิ่นถึงโชคดีอย่างนี้วะ”

ooooooo

ที่บ้านสวน พาไล ฝน และมิ้ม ซื้ออาหารมากินกัน ฝนตั้งหน้าตั้งตากินเอ๊า...กินเอา จนมิ้มมองแปลกใจ ในขณะที่ปิ่นปักก็เอาแต่นั่งมองอาหารเซ็งๆ

ฝนบอกว่าตนจะกินให้อ้วนประชดชีวิตที่ถูกผู้ชายทิ้งอีกแล้ว บ่นว่าท่าทางตนจะไม่มีผัวรวยเหมือนคนอื่นเขา กำลังจะจับเขาได้อยู่หมัดแล้วเชียว นังเมียดันท้องป่อง!

ฝนบอกว่าจากประสบการณ์การเป็นเมียน้อยมากว่าสิบปีคอนเฟิร์มได้เลยว่า ผู้ชายมีเมียแล้วจะมีเมียน้อยมากที่สุดก็คือตอนเมียเริ่มเหี่ยวกับตอนเมียเริ่มท้อง ถูกพาไลขัดขึ้นว่าจะไปสนับสนุนให้ฝนเป็นเมียน้อยทำไม แล้วบอกฝนว่า

“ฝน ฉันว่านะ แกเลิกกับเขาเถอะสงสารคนเป็นเมีย ฉันเคยท้อง ฉันรู้ว่าเวลาท้องเราไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากให้พ่อของลูกคอยดูแลเรา”

“แต่ฉันต้องสงสารตัวเองก่อน ฉันยอมรับว่ารักเขาเข้าแล้ว รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ฉันเสียเขาไปไม่ได้แล้ว”

พาไลได้แต่มองหน้าฝนอย่างไม่สบายใจ

ooooooo

คุณขจีพาปิ่นปักไปหาหมอ หมอยืนยันว่าเธอท้องได้สองเดือนแล้ว กลายเป็นข่าวใหญ่ข่าวดีของสองครอบครัว

คุณโปรยกับคุณยอดกำลังขับรถอยู่ระหว่างทาง พอได้ข่าวจากปิ่นปักคุณยอดดีใจจนมือสั่นขับรถแทบไม่ได้ จึงตัดสินใจแวะไปที่มหาวิทยาลัยที่นครินทร์สอนแต่ไม่รู้ว่าเขาสอนอยู่ตึกไหน โชคดีเจอมิตรา พอถามนอกจากจะรู้ว่านครินทร์อยู่ตึกไหนแล้วยังรู้ว่ามิตราเป็นเพื่อนนครินทร์ตั้งแต่สมัยเรียนเมืองนอกด้วยกันอีกด้วย

คุณโปรยถูกชะตากับมิตรามาก นอกจากเธอจะมีตระกูลดี เรียนเก่ง ฉลาด แล้วยังสวยมากๆด้วยคุณโปรยจึงชวนไปงานปาร์ตี้ที่จะจัดฉลองที่ปิ่นปักท้องที่บ้าน

ศกประคบประหงมปิ่นปักอย่างดี จนเธอบอกว่า ถ้ารู้ว่าท้องแล้วเขาจะน่ารักแบบนี้ตนท้องมานานแล้ว

“ผมต้องดูแลลูกเราให้ดี เพราะถ้าเกิดคุณแท้ง หรือร่างกายลูกไม่สมประกอบ คนอื่นจะว่าเอาได้ว่าผมไม่มีปัญญาดูแลลูกเมียให้ดี” ปิ่นปักฟังแล้วยิ้มอย่างมีความสุขมาก

ในงานปาร์ตี้ฉลองปิ่นปักท้อง มิตรามาตามคำเชิญของคุณขจี พัชรินมาแสดงความยินดีเต็มที่ทุกคนอวยพรให้หลานแข็งแรง มิตราถามว่ารู้หรือยังว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ปิ่นปักบอกว่าเพิ่งสองเดือนยังไม่รู้ต้องรออายุครรภ์สี่เดือนก่อน นังจุ้นสาระแนให้มาทายกันว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย

“ต้องผู้ชายเท่านั้นครับ” ศกเสียงขึงขังจนทุกคนเงียบกริบ “ต่อไปลูกผมต้องสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ถึงตอนนั้นบริษัทจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าแสนล้าน ผู้หญิงยังไงก็บริหารงานไม่เก่งเท่าผู้ชาย”

ศกพูดแล้วชวนไปทานข้าวกันโดยไม่รู้ตัวเลยว่า การพูดของตนทำให้บรรยากาศกร่อยไปทันที

ooooooo

พัชรินดูจะดี๊ด๊าดีใจกับปิ่นปักกว่าเพื่อน เธอดีใจจนน้ำหูน้ำตาไหล ยุทธถามว่าทำ ไมเธอต้องดีใจถึงขนาดนี้ด้วย พัชรินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่คราบน้ำตายังติดอยู่ว่า

“ชูว์ เบาๆสิคุณ เสียงดังไป เดี๋ยวใครมาได้ยิน” แล้วลดเสียงลงเป็นกระซิบว่า “ที่ฉันต้องแกล้งดีใจโอเว่อร์ ก็เพราะว่าอยากกู้หน้ากับคุณแม่ยัยปิ่น ฉันเพิ่งโดนเขาด่าว่าไปเผือกเรื่องครอบครัวปิ่นกับคุณศก ฉันอยากให้คุณแม่กลับมารักฉันเหมือนเดิม เพราะว่าบ้านนี้ของกินอร่อย เยอะ มาทีไรอิ่มจังตังค์อยู่ครบทุกที”ยุทธฟังแล้วเหนื่อยใจกับเมียตัวเอง

คุณโปรยโปรดปรานมิตรามาก พยายามชงให้นครินทร์ตักโน่นนี่ให้ ซ้ำยังปรารภว่าปิ่นปักก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว เหลือแต่นครินทร์ที่ยังไม่มีแฟนกับเขาสักที

“อ้าว...คุณรินทร์ยังโสดเหรอครับ ผมคิดว่ามีคุยอยู่กับพาไล เห็นสนิทสนมกันดีเหลือเกิน” ศกจงใจเผา

“ผู้ชายผู้หญิงคุยกัน ให้คำปรึกษากัน ไปช่วยเหลือกันในยามที่อีกฝ่ายอยู่ในอันตราย ไม่ต้องจำกัดว่าต้องเป็นแฟนกันอย่างเดียวก็ได้นี่ครับ” นครินทร์พูดมีนัยถึงวันที่ศกปล้ำพาไล แต่ฝ่ายนั้นทำหน้าตายถามว่า

“สรุปว่าคุณไม่ได้ชอบพาไล” นครินทร์ไม่ตอบแต่มองศกด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างรู้ทันว่าศกจงใจหาเรื่อง

“ใช่ค่ะ คุณรินทร์ชอบพาไล มินก็ชอบพาไลเหมือนกัน” ปิ่นปักถามว่ารู้จักพาไลด้วยหรือ “รู้จักค่ะ เราเคยเจอกัน พาไลเป็นคนสวย นิสัยก็น่ารัก ถ้าใครได้อยู่ใกล้พาไลก็ต้องชอบทุกคนแน่นอน”

“สรุปพี่รินทร์ยังโสด คุณมินก็โสด เรียนเก่งด้วยกันทั้งคู่ ถ้าลองคบกันมากกว่าเพื่อนก็น่าจะดี” พัชรินสอพลอ

“ต๊าย...พัชพูดถูกใจแม่มากๆ” คุณโปรยหัวเราะคิกคักกับพัชริน เลยทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง

เมื่อนครินทร์ออกมาส่งมิตรากลับ เขาขอบคุณเธอที่ช่วยตนเรื่องพาไล เธอบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ ตนแค่ไม่อยากให้บรรยากาศเสีย วันนี้เป็นวันดีของปิ่น เราทุกคนควรจะพูดถึงแต่ปิ่น ปิ่นจะได้มีความสุข

“งั้นผมก็ต้องชอบคุณคุณแทนปิ่น ดีใจแทนปิ่นที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ”

“ฉันก็ดีใจแทนพาไลที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ” มิตรายิ้มให้ นครินทร์ยิ้มรับอย่างจริงใจ

ooooooo

คืนนี้พาไลนั่งเขียนใบสมัครเรียน กศน.อยู่ที่บ้านสวน เธอคิดถึงคุณพ่อที่ไม่ทันได้เห็นความสำเร็จของตนก็มาด่วนจากไป

นครินทร์เอาเนื้อปูพร้อมน้ำจิ้มใส่จานมาให้ เธอถามว่าที่บ้านมีงานเลี้ยงอะไรหรือได้ยินเสียงเอะอะตั้งแต่ตอนเย็น

นครินทร์บอกว่างานเลี้ยงฉลองได้หลานเพราะปิ่นปักท้องได้สองเดือนแล้ว เล่าขำๆว่า

“คุณพ่อคุณแม่เห่อกันใหญ่ คุณศกก็ดูจะเห่อไปกับเขาด้วย ดีเหมือนกัน เผื่อลูกในท้องปิ่นจะทำให้คุณศกไม่เกเรอีก”

พาไลเอะใจนึกถึงที่ฝนบ่นว่ากำลังจะจับผู้ชายคนนั้นได้อยู่แล้วเชียวเมียดันท้องเสียอีก และที่ฝนชมว่าศกดีมาก ผู้ชายอะไรไม่รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง และกระทั่งรู้เรื่องบนเตียงของปิ่นปักว่าจืดชืดจนทำให้ศกหิวโหย พาไลเผลอพึมพำว่า

“ฝนต้องคบกับคุณศกอยู่แน่ๆ” นครินทร์ถามว่าเธอพูดอะไร พาไลรีบบอกว่า “ไม่มีอะไรค่ะ” แล้วยิ้มกลบเกลื่อน

วันต่อมา ฝนส่งข้อความให้ศก “คิดถึงคุณจัง อยู่ไหนคะ” รอครู่หนึ่งก็บ่นอย่างหงุดหงิด “ทำไมคุณศกไม่ตอบ”

พาไลแกล้งคุยโทรศัพท์ผ่านมาให้ฝนได้ยินว่า “อย่าโทร.มาอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องคุณ” แล้วทำเป็นหงุดหงิดวางสายเลย ฝนถามว่าใครโทร.มา พาไลตอบอย่างไม่อยากบอกว่า “คุณศก”

ฝนสนใจจี๋ถามว่าศกโทร.มาหาเธอทำไม พาไลตอบปัดๆไปว่าไม่มีอะไร ช่างเถอะ แล้วแกล้งเดินไป ทำให้ฝนยิ่งอยากรู้ตามไปถามอีกว่าศกโทร.มาหาเธอทำไม

“เขาบอกว่าเขาเหงา เขาขอให้ฉันไปหาที่คอนโดตอนนี้”

ฝนคว้ากระเป๋าออกจากบ้านไปเรียกแท็กซี่ทันที พาไลกับมิ้มจึงขับรถตามไปหมายจับผิดให้ได้ว่าฝนคบกับใครอยู่

ทั้งสองจับได้ว่าฝนมาหาศก ฝนยอมรับ แต่เมื่อพาไลเตือนด้วยความเป็นห่วง กลับถูกฝนมองว่าพาไลกลัวตัวเองจะมีปัญหากับนครินทร์ที่เพื่อนสนิทมาทำให้ครอบครัวน้องสาวเขาแตก แม้พาไลจะบอกว่าไม่อยากให้ฝนเสียใจภายหลัง ฝนไม่สนใจบอกเพื่อนทั้งสองว่า

“งั้นแกก็เลิกเป็นห่วงฉันได้เลย เพราะฉันจะไม่มีวันเสียใจอีก ฉันจะเป็นภรรยาคนใหม่ที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณศกให้ได้!”

แยกกับฝนแล้ว มิ้มบอกพาไลว่าเรื่องนี้งานเข้าเธอเต็มๆ แต่พาไลไม่ได้ห่วงตัวเอง บอกว่าคนที่น่าเป็นห่วงคือปิ่นปัก บอกมิ้มว่า

“แกก็รู้จักฝนดี ถ้ามันตัดสินใจจะเอาอะไรขึ้นมา มันก็ต้องเอามาให้ได้” มิ้มได้แต่พยักหน้าอย่างหนักใจ

ooooooo

เมื่อปิ่นปักท้อง เธอมีความสุขมากที่ได้รับการประคบประหงมอย่างมากจากศก

แต่ที่เธอรับไม่ได้คือศกกำหนดกฎเกณฑ์ไว้มากมาย ห้ามเธอทาครีม เกรงสารเคมีจะไม่เป็นผลดีต่อลูก ให้เธอลาออกจากงาน เกรงความเครียดจะส่งผลถึงลูก ที่สำคัญเขาชี้แจงว่า

“อีกอย่างนะ ถ้าใครรู้เว่าผมปล่อยให้เมียตั้งท้องไปทำงาน เขาจะคิดว่าผมไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูกเมีย”

“ปิ่นขอคิดดูอีกทีก็แล้วกันนะคะ”

“ผมไม่ได้ให้เวลาคิดนะ แต่ผมให้เวลาคุณไปเคลียร์งานแล้วลาออกให้เร็วที่สุด” สั่งแล้วผละไป

ปิ่นปักทำได้แค่ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย

แล้วก็มีเรื่องให้เป็นปัญหาอีกจนได้ เมื่อเพรียวให้แม่ทำแกงเลียงกับยำตำลึงกุ้งฝอยอาหารบำรุงคนท้องใส่ปิ่นโตเถาเล็กมาให้ปิ่นปัก ปดเธอว่าคุณแม่ฝากมา ปิ่นปักฝากขอบคุณคุณแม่ แต่วันหลังไม่ต้องทำตนเกรงใจ

จู่ๆปิ่นปักก็คลื่นไส้ต้องวิ่งไปอาเจียนใส่ถังขยะ เพรียวดูแลอย่างดี แต่ครู่เดียวตัวเองก็อาเจียนไปอีกคนเพราะเขาเห็นคนอาเจียนไม่ได้ กลายเป็นปิ่นปักต้องมาลูบหลังให้แทน

ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาพนักงานปากหอยปากปู เลยซุบซิบกันเรื่องเมียท้อง ผัวแพ้ท้องแทนกันเมามัน ถึงขั้นท้ากันว่า

“ไม่เชื่อฉันใช่ไหม ไม่เป็นไร รอให้หลักฐานปรากฏบนใบหน้าของเด็กแล้วกัน ฉันมั่นใจว่าเด็กจะต้องไม่หน้าฝรั่งแบบคุณศก แต่จะหน้าไทยดึกดำบรรพ์แบบเพรียว รับรอง!”

“รับรองอะไรหรือคะ” เสียงปิ่นปักถามขึ้น พนักงานคนนี้เม้าท์แตกไม่ทันคิดตอบทันทีว่า

“ก็รับรองว่าคุณปิ่นได้ฉาว” พอหันเห็นปิ่นปักก็หน้าเหลือสองนิ้ว ปิ่นปักสั่งให้เธอไปที่ห้อง ตนจะเขียนใบไล่ออกไว้ให้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเก็บของ พนักงานคนนั้นหน้าเบ้ร้องไห้โฮที่ตกงานไม่ทันตั้งตัว

ปิ่นปักกลับไปนั่งในห้องทำงาน คิดเรื่องที่พนักงานนินทากันแล้วถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม เธอตัดสินใจไปบอกศกว่าจะลาออกจากงาน ศกถามว่าทำไมอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจ

“เพราะว่าปิ่นควรจะรักลูกรักคุณมากกว่ารัก งานไงคะ”

“ว่าง่ายแบบนี้สิ ถึงจะน่ารัก” ศกยิ้มกว้าง กอดปิ่นปักไว้ เธอยิ้มอย่างมีความสุข

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น