วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อ่านละคร เลื่อมสลับลาย ตอนที่ 7


ปิ่นปักกลับจากสัมมนาแล้ว ขณะเดินเข้าบ้าน แม่มายถือกระเป๋าเดินทางตามหลัง ศกก็เดินยิ้มออกมาจากในบ้าน ปิ่นปักดีใจมากเดินเข้าไปกอดกับศก บอกว่า คิดว่าเขาออกไปทำงานแล้ว

“คิดถึงคุณใจจะขาด จะเอาสติที่ไหนไปทำงาน” ศกกอดเธอไว้แน่น ปิ่นปักหัวเราะชอบใจ แม่มายถือกระเป๋าเดินเข้าไป ใจก็อดคิดอย่างรังเกียจไม่ได้กับคำหวานของศกที่ว่า “คิดถึงคุณใจจะขาด”

“คุณยังไม่ได้บอกปิ่นเลย คุณชอบรูปที่ปิ่นส่งมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไหมคะ”

“ชอบ ว่าแต่ใครถ่ายให้”

ปิ่นปักไม่กล้าบอกว่าเพรียวเพราะเคยมีเรื่องกับเขา เธอบอกว่าลูกน้องถ่ายให้

“ลูกน้อง!? คุณคิดยังไงถึงไปทำท่าชูสองนิ้วปัญญาอ่อนกับลูกน้อง! เสียภาพลักษณ์หมด คราวหลังระวังบ้างนะปิ่น” เขาตำหนิเรียบๆ แต่ปิ่นปักยิ้มเจื่อน ใจที่รอคำชมกลับถูกตำหนิ “คุณไปอาบน้ำเปลี่ยน

เสื้อผ้าเถอะ จะได้ออกไปทานข้าวกัน ผมจองโต๊ะไว้แล้ว”

ฝนอยู่ที่ล็อบบี้บริษัทของศก เธอควานหาลิปสติกในกระเป๋าสะพาย บ่นอุบอิบ

“ลิปสติกหายไปไหนแท่งนึงวะ...หรือว่า!!!” ฝนนึกได้ตกใจ

ปิ่นปักอาบน้ำแต่งตัวหรูเรียบจะออกไปดินเนอร์กับศก เห็นลิปสติกวางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งเอะใจไปหยิบดู พึมพำสงสัย “ของใคร??” พอดีแม่มายเอาเสื้อผ้าที่ซักแล้วจะมาแขวน เธอถามว่านี่ลิปสติกของใครหรือ

“ป้าเห็นมันตกอยู่ใต้เตียง ป้าคิดว่าของคุณปิ่นก็เลยเอามาวางบนโต๊ะ”

พอปิ่นปักบอกว่าไม่ใช่ของตน แม่มายก็คิดถึงคืนนั้นทันที แต่อึกอักไม่กล้าบอก ปิ่นปักเห็นพิรุธคาดคั้นถามว่าเป็นของใคร ทำไมแม่มายไม่บอก มีอะไรที่ตนยังไม่รู้หรือเปล่า ปิ่นปักยิ่งคาดคั้นแม่มายก็ยิ่งตื่นตกใจ พอตัดสินใจจะบอก เสียงศกก็ตอบมาจากที่ประตู

“ของเพื่อนผม!”

ศกสั่งแม่มายให้ไปทำงานตนจะคุยกับปิ่นปักเอง แม่มายก้มหน้าเดินไปใจก็คิดว่า อยากรู้นักว่าจะแก้ตัวยังไง?

ooooooo

ศกเล่าว่า วันก่อนเดโชกับเพื่อนนัดกันมาดื่มเลี้ยงวันเกิดตนที่นี่ เดโชพาผู้หญิงมาด้วย

“อย่าบอกนะคะว่ามีคนขึ้นไปทำอะไรกันบนห้องนอนของเรา!” ปิ่นปักตกใจมาก

“ผมไม่แน่ใจ ผมเมา”

ปิ่นปักอารมณ์พลุ่งพล่าน เรียกแม่มายมาสั่งให้เอาผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนไปซักให้หมด นึกอีกทีบอกว่าเอาไปทิ้งเลยดีกว่า ศกโมโหตวาดว่ามันไม่มากไปหรือ ของพวกนี้ซื้อจากเมืองนอกราคาไม่ใช่ถูก

“แต่ปิ่นใช้ต่อไม่ลงจริงๆค่ะ ปิ่นไม่เข้าใจพ่อแม่เพื่อนคุณเขาเลี้ยงดูกันมายังไงเรียนจบอะไรมาถึงได้

ไม่รู้จักใช้สติยับยั้งชั่งใจตัวเอง สมสู่กันไม่เลือกที่ ทำตัวไม่ต่างจากสัตว์ ถ้าเลิกคบได้ก็เลิกคบนะคะศก คนแบบนี้ คบค้าสมาคมไปชีวิตก็ไม่เจริญ”

ศกหน้าชาเพราะถูกด่า โมโหจนเผลอตะคอก “พอได้แล้ว! ผมเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปหาลูกค้า” ปิ่นปักถามว่าแล้วนัดของเราล่ะ “เอาไว้วันหลังแล้วกัน” ศกตัดบทเดินปึงปังไปเลย ปิ่นปักเหวอที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้ไป

ooooooo

ศกไปที่คอนโดของเขา ยื่นลิปสติกแท่งนั้นให้ฝน ฝนบอกว่าแท่งนี้มิ้มซื้อให้จากอังกฤษถ้าหายไปเสียดายแย่

ศกกระชากแขนฝนเข้าไปจนฝนร้องว่าเจ็บ เขาตะคอกถามว่าเธอจงใจทิ้งลิปสติกแท่งนั้นไว้ที่บ้านตนเพื่อให้ปิ่นปักมาเห็นใช่ไหม ฝนบอกตนลืมจริงๆ ถึงได้โทร.บอกให้เขาช่วยเก็บไว้ให้

“ถ้าคุณลืมไว้จริงๆก็แล้วไป จำไว้นะ...ผมไม่ชอบให้ใครมาทำให้ชีวิตผมวุ่นวาย ผมจะอยู่กับใคร จะนอนกับใคร ผมเป็นคนเลือกเท่านั้น”

ฝนที่มีความจัดเจนในเรื่องผู้ชาย ฟังแล้วรู้ว่าศกเป็นคนอย่างไรและตนควรทำตัวอย่างไร เข้าไปกอดเขาจากข้างหลัง

“ฝนไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอกค่ะ ฝนยินดีจะเป็นแค่เพื่อนแก้เหงาของคุณ...แล้วคืนนี้คุณก็เหงาแล้วใช่ไหม...ถึงต้องนัดมาคืนลิปสติกให้ฝนที่นี่ งั้น...ฝนจะทำให้คุณหายเหงาเอง”

ooooooo

ปิ่นปักยังติดใจเรื่องลิปสติกแท่งนั้น เอาอัลบั้มรูปแต่งงานของตัวเองมานั่งเปิดดูที่ห้องรับแขก เรียกแม่มายมาช่วยดูเผื่อจะจำได้ว่าคืนนั้นเพื่อนศก คนไหนพาผู้หญิงขึ้นไปนอนที่ห้องตน

แม่มายถามว่าเธออยากรู้ไปทำไม ปิ่นปักบอกว่าตนจะไปเตือนเขา

“เรื่องบางเรื่อง รู้ไปก็ไม่สบายใจ อย่ารู้จะดีกว่า

นะคะ” ปิ่นปักมองหน้าถามว่าแม่มายพูดเหมือนรู้อะไร “ป้าไม่รู้อะไรหรอกค่ะ วันนั้นป้าอยู่แต่ในครัว ป้าขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ”

แม่มายขอตัวไปทำงานแล้ว ปิ่นปักยิ่งอยากรู้ให้ได้ว่าคืนนั้นใครขึ้นไปบนห้องตน

ooooooo

คืนนี้...เมื่อศกจะกลับบ้าน ฝนช่วยติดกระดุมเสื้อให้ เขาเปรยๆว่าถ้าปิ่นเอาใจแบบนี้บ้างก็น่าจะดี

พอดีมือถือฝนดังขึ้น เขาบอกให้ไปรับสายเสียตนติดกระดุมเองได้ ฝนไปรับสายใจคอไม่ดีเพราะเป็นสายจากพาไล ฝนพูดเบาๆว่า “โทษทีลืมบอกว่าวันนี้จะไม่ไปที่ห้องแกแล้ว แค่นี้นะ”

ศกถามว่าพาไลรู้เรื่องของเราหรือยัง ฝนบอกว่ายัง เล่าว่าพาไลกำลังคบกับนครินทร์อยู่ ตนไม่อยากทำให้เพื่อนลำบากใจ ศกพูดอย่างเจ็บใจว่า

“นึกแล้วเจ็บใจ ถ้าคืนนั้นไอ้รินทร์ไม่เข้ามา ผมกับพาไลไปไหนถึงไหนกันแล้ว”

“ฝนไม่รู้ว่าคืนนั้นพาไลทำอะไรคุณ แต่อยากให้คุณรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะไอ้จำรูญใส่ยาปลุกเซ็กซ์ให้พาไลกิน” ศกตกใจ ฝนยืนยันว่า “ใช่ค่ะ พาไลไม่เคยปรารถนาคุณเหมือนอย่างที่ฝนรู้สึก คุณทำให้ฝนหลงใหลใจแทบขาด”

ศกแทบไม่ได้ยินที่ฝนพูด เขาโมโหพลุงพล่านเรื่องที่จำรูญวางยาพาไล เอามือปัดของบนโต๊ะตกกระจายจนฝนตกใจ

ooooooo

เช้านี้ พาไลไปวิ่งจ็อกกิ้งอารมณ์แจ่มใส ที่หน้าผากยังมีปลาสเตอร์ติดอยู่ป้าแสงไปซื้ออาหารหิ้วมาเต็มสองมือ พาไลเข้าไปจะช่วยถือให้

“ไม่เป็นไรค่ะป้าว่าจะหาวินมอเตอร์ไซค์นั่งกลับ”

“เช้าๆแบบนี้ไม่ค่อยมีวินว่างหรอกค่ะ ลูกค้าเยอะ ให้ไลช่วยเถอะนะคะ” ป้าแสงจึงส่งของให้ช่วยถือ เธอกุลีกุจอรับไป ป้าแสงแอบมองปลาสเตอร์บนหน้าผากพาไลอย่างสงสัย

ooooooo

นครินทร์กลับมาถึงบ้านแต่งตัวเตรียมไปทำงาน ลงมาที่โต๊ะอาหารป้าแสงมองปลาสเตอร์ที่หน้าผากเขาอย่างสงสัยป้าแสงจัดอาหารไว้ให้พร้อมแล้ว เขาถามว่า คุณพ่อคุณแม่ไปไหน

“ไปทำบุญที่วัดค่ะ ฝากบอกคุณพาไลด้วยนะคะ ว่าให้รีบเอายาทาแผลที่หน้าผากให้หายก่อนที่นังจุ้นจะเห็นเข้า เพราะถ้ามันเห็นว่าคุณรินทร์กับคุณพาไลมีแผลที่เดียวกัน นังจุ้นจะเอาไปมโนได้ละครน้ำเน่าฉากนึงเลยค่ะ”

“ป้าแสงไม่ถามผมหรือครับว่าทำไมผมกับพาไลถึงมีแผลเหมือนกัน”

“เรื่องหนุ่มๆสาวป้าไม่อยากรู้หรอกค่ะ แค่คิดว่าแต่ละวันจะต้องทำกับข้าวอะไรให้คุณๆทาน ป้าก็ปวดหัวจะแย่แล้ว แต่ป้าว่าคุณพาไลน่ารักดีนะคะ ป้าว่า...แววตาเขาจริงใจดี”

“นั่นแหละครับ เสน่ห์ของพาไล จริงใจ ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพให้คนอื่นมองว่าตัวเองดี” ป้าแสงเห็นแววตาเป็นประกายของนครินทร์เมื่อพูดถึงพาไลก็แซวว่าคงไม่ใช่แค่ป้ากระมังที่ชอบพาไล “ถ้าการอยากอยู่ใกล้...อยากช่วยเหลือเขาให้เขามีชีวิตดี แปลว่าชอบ ผมก็ชอบครับ”

“ถึงป้าจะชอบ แต่ป้าก็ไม่เชียร์นะคะ”

“อ้าว...”

“สังคมสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนค่ะ ที่เจ้าขุนมูลนายจะมีเมียเป็นบ่าวใช้ก็ไม่มีใครถือสา คุณรินทร์เป็นด็อกเตอร์ หน้าที่การงานยังไปอีกไกล เรื่องของคุณรินทร์กับคุณพาไลเป็นไปได้ยาก หรือไม่ก็เป็นไปไม่ได้เลย”

“ผมก็ยังไม่ได้คิดกับพาไลไปไกลหรอกครับ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของผมคนเดียว มันขึ้นอยู่ที่พาไลด้วย ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เราสองคน ว่าสุดท้ายแล้วเราจะลงเอยกันยังไง”

ooooooo

จำรูญเข้าไปหาศกที่ห้องทำงานในสภาพที่มีผ้าพันแผลพันรอบหน้าผากปิดรอยสักที่ฝนให้ชายหน้าเหี้ยมสักไว้

ศกด่าจำรูญอย่างโกรธจัดว่าดูถูกตนมากที่ต้องวางยาพาไล คิดว่าคนอย่างตนไม่มีปัญญาทำให้พาไลมาสยบแทบเท้าได้หรือ ศกยื่นซองขาวให้ จำรูญดีใจนึกว่าเป็นรางวัล แต่พอเปิดซองดูก็ตกใจหน้าซีด

“ใบลาออก! คุณศกให้ผมลาออกทำไม” ศกบอกว่าเขาไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะทำงานในบริษัท “เพราะนังฝนใช่ไหม นังฝนมันสั่งให้คุณไล่ผมออกใช่ไหม คุณอย่าไปเชื่อมันนะ นังนี่มันร้ายกาจ คุณรู้ไหมว่ามันทำอะไรผม คุณอย่าตกเป็นเหยื่อของมันนะครับ”

“คุณกำลังดูถูกผมอีกครั้งนะคุณจำรูญ ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจเป็นไล่คุณออก!”

จำรูญพูดไม่ออก ซ้ำเมื่อออกมายังเจอฝนเอาบัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิตมาคืน บอกว่าตั้งแต่คืนนั้นตนยังไม่ได้รูดบัตรเลยสักบาท สมเพชคนตกงาน เอาเงินไปเลี้ยงลูกเมียเสีย

ขณะส่งบัตรคืน ฝนแกล้งทำหลุดมือ พอจำรูญก้มเก็บ เธอกระชากผ้าพันแผลที่หน้าผากออก พนักงานที่ดูอยู่อ่านกันเสียงดัง

“มี-เมีย-แล้ว คุณจำรูญสักได้เท่มากค่ะ ขอถ่ายรูปไปแชร์หน่อยนะคะ รับรองคุณดังแน่” พอพนักงานคนนั้นยกมือถือจะถ่ายรูป จำรูญก็ห้ามวุ่นวาย หันเห็นฝนยืนยิ้มแล้วเดินไป จำรูญเดินตามไปอย่างเจ็บใจ

จำรูญตามมาบีบคอฝน ฝนโวยวายให้ปล่อย พลางร้องขอความช่วยเหลือ พนักงานที่เห็นพากันเข้าไปดึงจำรูญออกมา จำรูญถูกจับไว้ก็ดิ้นตะโกนอาฆาต “กูจะฆ่ามัน!” ส่วนฝนก็ตะเกียกตะกายหนี จำรูญสะบัดหลุดก็ตามไปคว้าฝนไว้อีก บรรยากาศชุลมุนเสียงเอะอะโวยวายลั่นไปหมด

ooooooo

ปิ่นปักเดินเข้ามาในบริษัท ได้ยินเสียงและเห็นความชุลมุนวุ่นวาย ถามสมรเลขาของศกว่าเกิดอะไรขึ้น สมรจึงวิ่งไปตะโกนให้หยุดเดี๋ยวนี้ บอกจำรูญว่าศกเรียกให้ไปพบที่ห้อง

“ผมไม่ไป เพราะไม่ได้เป็นพนักงานที่นี่อีกแล้ว!” พลางตะโกนใส่ฝน “ฝากไว้ก่อน ชีวิตมึงไม่สงบสุขแน่!” แล้วเดินออกไป ฝนมองตามอย่างเจ็บใจ

ปิ่นปักเข้าไปบอกศกว่าพนักงานของเขาทะเลาะกันอยู่ข้างนอก ตนสั่งให้เรียกมาหาเขาแล้ว บอกให้เขาลงโทษอย่างหนักเลย พอรู้ว่าจำรูญกับฝนทะเลาะกัน ศกพูดเยาะว่า เรื่องผัวๆเมียๆ สองคนนั้นคบกัน แต่ผู้หญิงเพิ่งรู้ว่าผู้ชายมีเมียมีลูกแล้ว ปิ่นปักถามว่าเป็นไปได้ยังไง คนเราคบกันอยู่ด้วยกันจะไม่มีอะไรระแคะระคายบ้างเลยหรือ

“คุณจำรูญใช้เงินปิดตาไง”

“นั่นไง! ปิ่นว่าแล้วเชียว”

ระหว่างนั้นฝนมาที่หน้าห้องทำงานศกที่ประตูแง้มๆอยู่ ฝนได้ยินเสียงปิ่นปักด่าอยู่ในห้อง

“ฝนเป็นเพื่อนกับพาไล นิสัยก็คงไม่ต่างกันถึงคบหากันได้ ปิ่นไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนี้เลย เขาไม่นึกรังเกียจตัวเองบ้างหรือไงที่ถูกผู้ชายใช้เงินหลอก ปิ่นอยากให้คุณพิจารณาฝนว่าควรจะทำงานต่อหรือไม่” ศกบอกว่ามันเรื่องส่วนตัวของเขาไม่เกี่ยวกับงาน “เกี่ยวสิคะ คนโง่ที่ยอมให้ตัณหาบดบังสติปัญญา ยอมให้ตัวเองเป็นที่น่ารังเกียจของคนอื่น อยู่ที่ไหนก็จะสร้างแต่ปัญหา”

ฝนขบฟันแน่น คำรามในคอ “คนโง่อย่างฉันนี่แหละ ที่จะสร้างปัญหาให้แก!”

ooooooo

นครินทร์กับพาไลไปดูบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่ว่างเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลยสักชิ้น พาไลดูแล้วบอกว่าตนโอเคเพราะดูกว้างขวางดี นครินทร์ติงว่าเธออยู่คนเดียว อยู่อพาร์ตเมนต์จะปลอดภัยกว่าไหม

พาไลบอกว่าตนเสียดาย เพราะเพื่อนมิ้มที่เป็นเจ้าของบ้านคิดค่าเช่าแค่เดือนละห้าพัน ค่าน้ำค่าไฟต่างหากถือว่าคุ้มมาก พูดแล้วหยุดนิดหนึ่ง แอบหยอดว่า

“แล้วอีกอย่าง...คุณทำให้ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่าอยู่ห้อง” นครินทร์ทำไก๋ถามว่าหมายความว่ายังไง “ก็หมายความว่า...” พาไลทิ้งสายตาให้นครินทร์รอคำตอบ พลันก็เปลี่ยนเป็นยิ้มทะเล้นพูดต่อ “ว่า...กำลังใจจากคุณทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเหมือนสมัยที่ฉันเคยอยู่บ้านคุณพ่อไงคะ เอ...ทำไมคุณต้องหน้าแดง คิดว่าฉันจะหมายความว่ายังไงเหรอ?”

นครินทร์หัวเราะโขกหน้าผากพาไลเบาๆ พาไลหัวเราะไปด้วย พอดีมือถือของนครินทร์ดังขึ้น เขาดูหน้าจอบอกว่านักศึกษาโทร.มาคงจะปรึกษาเรื่องวิทยานิพนธ์ พาไลจึงเดินออกไปดูรอบๆให้เขาคุยโดยสะดวกใจ

ออกไปเดินดูครู่เดียวก็เจอลุงขี้เมาท่าทางน่ากลัวมาอยู่ในบริเวณบ้าน พาไลถามว่าเข้ามาได้ยังไง ลุงคนนั้นพูดเมาๆว่าบ้านตนอยู่ข้างๆนี่เอง มีหญิงสาวสวยมาเป็นเพื่อนบ้านค่อยเจริญหูเจริญตาหน่อย ขณะลุงคนนั้นกำลังลวนลามพาไลด้วยสายตาและคำพูดนั่นเอง นครินทร์เดินออกมา แกพูดอย่างผิดหวังก่อนเดินไปว่า “มากับผัวก็ไม่บอก ไม่ยุ่งก็ได้วะ”

นครินทร์มองตามลุงคนนั้นไปด้วยสีหน้าไม่สบายใจ พอเดินออกมาเขาถามพาไลว่า

“เห็นเพื่อนบ้านแล้วยังอยากจะเช่าที่นี่อยู่อีกไหม”

“แต่ถ้าฉันไม่ย้ายออกจากคอนโดก่อนสิ้นเดือน ฉันจะต้องเสียเงินค่าเช่าห้องเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเลยนะคะ นี่ก็เหลืออีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้วด้วย”

นครินทร์ฟังแล้วไม่สบายใจ เพราะเวลากระชั้นและบ้านที่ดูก็ไม่น่าให้เธออยู่ตามลำพัง

ooooooo

พอนครินทร์กลับถึงบ้าน ป้าแสงก็กระหืดกระหอบมาบอกให้รีบไปช่วยคุณผู้หญิงเร็ว เขาตกใจรีบเดินไปที่บ้านสวน พบคุณโปรยกำลังโวยวายกับหญิงคนหนึ่ง

หญิงคนนั้นคือศรี ในวัย 50 ปี เป็นคนที่เช่าบ้านที่อยู่ท้ายสวนหลังบ้านคุณโปรยนั่นเอง คุณโปรยโวยวายเพราะผู้เช่าจะออกจากบ้านโดยไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย ทั้งหลอดไฟแตก ชักโครกพัง หนังโซฟาหลุด ลูกบิดหาย หญิงคนนั้นอ้างว่าสิ่งเหล่านั้นมันพังตั้งแต่ตนเข้ามาอยู่แล้ว

คุณโปรยย้อนถามว่าแล้วทำไมไม่แจ้งแต่แรก ทนอยู่มาได้ตั้งห้าปีได้ไง หญิงคนนั้นไม่ตอบแต่บอกว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอาก็แล้วกัน แล้วจะออกไปเลย

“จะไปไหน! กลับมาเดี๋ยวนี้ จุ้น! จับไว้!” คุณโปรยโมโหสุดขีด จุ้นวิ่งไปขวางหญิงคนนั้นทันที

“จุ้น หยุดเดี๋ยวนี้!” นครินทร์สั่ง จุ้นชะงักทันทีเช่นกัน

ooooooo

เมื่อพากันกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่นที่บ้าน คุณโปรยบ่นนครินทร์ว่าไม่น่าห้ามตนเลย คนนิสัยอย่างนี้ต้องจัดการให้เข็ดหลาบ จะได้ไม่ไปเที่ยวเอาเปรียบคนอื่นอีก

นครินทร์บอกว่าเขาคงไม่มีเงิน ให้ถือเสียว่าทำทานไปก็แล้วกัน คุณโปรยถามว่ารู้ได้ยังไงว่าเขาไม่มีเงิน

“ถ้าแกมี แกจะทำอย่างนี้เหรอครับ” คุณโปรยแย้งว่าเพราะแกวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะโกง “แกมาอยู่กับเรามาตั้งห้าปี ยังไม่มากพอที่คุณแม่จะรู้จักนิสัยป้าศรีอีกเหรอครับ”

คุณยอดนั่งฟังอยู่นาน ถามขัดขึ้นว่าแล้วบ้านเช่าจะเอาอย่างไร ให้ติดประกาศหาคนเช่าใหม่เลยไหม

“ไม่เอาล่ะ คนสมัยนี้ก็ไว้ใจยาก ฉันไม่อยากมานั่งเหนื่อยใจอีก บ้านหลังนั้นแม่ตั้งใจยกให้เป็นของรินทร์ รินทร์กลับมาแล้วก็แล้วแต่รินร์จะจัดการแล้วกัน”

นครินทร์นึกถึงพาไลทันที บอกคุณโปรยว่างั้นตนหาคนมาเช่าต่อแล้วกัน คุณโปรยตอบอย่างเหนื่อยหน่ายถามว่า

“ตามใจ จะเอาใครมาเช่าล่ะ”

นครินทร์เพียงแต่ยิ้มๆ แต่ไม่ตอบ

ooooooo

เป็นปัญหาทันทีเมื่อคุณโปรยรู้ว่านครินทร์ให้พาไลเช่า คุณโปรยคิดไม่ตกจนปิ่นปักต้องโทรศัพท์มาปลอบใจว่า

“คุณแม่ไม่ต้องคิดมากไปนะคะ ปิ่นจะไปพูดกับพี่รินทร์ให้เองค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” ศกได้ยินถามว่ามีอะไรหรือ “พี่รินทร์ให้พาไลไปเช่าบ้านสวน คุณแม่ห้ามก็ไม่ฟัง”

ศกตีขลุมว่า มิน่าพาไลถึงได้ลาออกจากงาน ที่แท้ก็มีงานอื่นทำ ปิ่นปักถามว่างานอะไร ศกตอบด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า งานที่สบายกว่า ง่ายกว่า แล้วก็รวยเร็วกว่า

“ปิ่นไม่เข้าใจค่ะ”

“คุณนี่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยจริงๆ ผมหมายถึงพาไลกำลังจับพี่ชายคุณไงล่ะ อีกไม่นานคุณได้พาไลเป็นพี่สะใภ้แน่”

ฟังศกแล้วปิ่นปักเครียด

พอคุณเชื่อมรู้ว่าพาไลจะไปเช่าบ้านนครินทร์อยู่ก็เป็นห่วงถามว่าราคาไม่แพงหรือ ขนาดแค่ห้องเล็กๆ ที่เช่าอยู่นั่นก็ตั้งหลายหมื่น พาไลบอกว่านครินทร์คิดราคาพิเศษให้ตน พิสมัยติงว่าแล้วพ่อแม่เขาไม่ว่าเอาหรือ

“ว่าค่ะ คุณรินทร์บอกว่าแม่อาละวาดบ้านแตกไปรอบนึงแล้ว แต่คุณรินทร์จะช่วยพูดกับคุณแม่เขาให้เอง คุณรินทร์เขาเก่งเรื่องโน้มน้าวใจคนค่ะ” คุณเชื่อมติงว่าเดี๋ยวนี้ลูกพ่อพูดถึงคุณรินทร์บ่อยเหลือเกิน พาไลยิ้มสดชื่นบอกคุณเชื่อมว่า “ไลชอบเขาค่ะ” ทั้งคุณเชื่อมและพิสมัยอึ้ง เธอบอกว่า “ไลบอกแล้วไงคะ ว่าไลจะบอกความจริงกับคุณพ่อคุณแม่ทุกเรื่อง”

“แล้วเขาล่ะ คิดยังไงกับไล เขาชอบไลหรือเปล่า” คุณเชื่อมถาม พาไลนิ่งไปอึดใจ ตอบอย่างไตร่ตรองว่า

“ไลว่า... เขาไม่ได้คิดอะไรกับไลหรอกค่ะ ที่เขาช่วยเหลือไลก็เพราะว่าเขาเป็นคนดี เขาอยากเห็นไลเป็นคนใหม่ เขาเป็นคนที่อยู่ข้างๆไล คอยให้กำลังใจไล ที่สำคัญ เขาทำให้ไลรู้ว่ามิตรภาพของชายหญิงจะมีคุณค่าและงดงามมาก ถ้าไม่ได้คิดจะสิ้นสุดลงตรงเตียงนอน”

“พ่อชักจะอยากรู้จักคุณรินทร์ของไลให้มากขึ้นแล้วสิ เผื่อว่าพ่อเป็นอะไรไป พ่อจะได้ฝากเขาให้ดูแลลูกสาวพ่อ”

ooooooo

ปิ่นปักร้อนใจรีบไปหานครินทร์ถึงมหาวิทยาลัย บอกว่าคุณแม่เครียดเรื่องเขากับพาไลจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว นครินทร์ถามว่าจะคิดมากไปทำไมบ้านเช่าว่างอยู่ตนก็ให้พาไลเช่าเท่านั้นเอง

“แต่คุณแม่เป็นห่วงกลัวว่าจากบ้านเช่าจะกลายเป็นเรือนหอของพี่รินทร์กับพาไลน่ะสิคะ”

“ทำใจให้สบายเถอะน้องรัก พี่กับพาไลเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ พี่ช่วยเหลือเขาเพราะว่าเขากำลังลำบาก” ปิ่นปักย้ำว่า เขาไม่คิดอะไรกับพาไลแน่นะ “เอาเป็นว่าพี่ยังไม่คิดรวบหัวรวบหางเขาตอนนี้ก็แล้วกันถ้าพี่จะรักใครสักคน ต่อให้คนคนนั้นเป็นพาไล พี่ก็จะต้องใช้เวลาดูเขาไปอีกนาน”

คำชี้แจงและยืนยันของนครินทร์ทำให้ปิ่นปักสบายใจขึ้น

ขณะนั้นเองมิตราถือเอกสารจะกลับบ้าน เห็นปิ่นปักคุยอยู่กับนครินทร์สงสัยว่าเป็นใครจึงเดินใกล้เข้าไป พอเห็นหน้าชัดๆมิตราจำได้ว่าเป็นปิ่นปัก ต่างดีใจมากที่ได้เจอกัน เพราะนับแต่เรียนจบและแยกย้ายกันไปแล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย

ปิ่นปักเพิ่งรู้ว่ามิตราเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่เหมือนกัน มิตราถามปิ่นปักว่าแต่งงานกับแฟนหรือยัง พอรู้ว่าแต่งแล้วก็แสดงความยินดีกับเพื่อนและขอโทษที่ไม่ได้ไปงานแต่งเพราะตนไม่ได้ติดตามข่าวสาร เฟซบุ๊กอะไรก็ไม่ค่อยได้เล่น วันๆแค่เตรียมการสอนก็ยุ่งมากแล้ว

“พูดถึงเตรียมการสอนแล้วนึกขึ้นได้ ผมทำไฟล์เอกสารสรุปทฤษฎีของจอห์น รอลส์ หายกู้คืนยังไม่ได้เลย คุณมินพอจะมีเอกสารเกี่ยวกับเขาบ้างไหมครับ” นครินทร์นึกขึ้นได้

มิตราบอกว่ามีและให้เขาเอาไปใช้ได้เลย ระหว่างนั้นปิ่นปักสังเกตความสัมพันธ์ของนครินทร์กับมิตราอย่างสนใจ

ooooooo

วันนี้คุณเศียรและคุณขจีไปที่บริษัท ถูกพนักงานคนหนึ่งมัวแต่ก้มหน้ากดแชร์มือถือเดินชนคุณขจีเข้าอย่างจังน้ำในแก้วหกรดตรงหน้าคุณขจี พนักงาน คนนั้นตกใจรีบขอโทษบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ

คุณขจีโกรธมากถามว่าเธอชื่ออะไร ทำงานแผนกไหน จะต้องให้ศกอบรมสั่งสอนมัวแต่เดินก้มหน้าจิ้มมือถือไม่รู้จักระวังทำรองเท้าตนเปื้อนหมด

ฝนเห็นเหตุการณ์และฟังอยู่ นึกอะไรได้รีบลุกไปเอาผ้าเช็ดหน้าจะเช็ดรองเท้าให้ คุณขจีบอกว่าไม่ต้อง

“เถอะนะคะ รองเท้าใหม่ๆ ถ้าถูกน้ำกาแฟนานๆ อาจจะเสียหาย” ฝนพูดอ่อนน้อม คุณขจีจึงยอมให้เช็ดรองเท้าให้ด้วยความพอใจ ถามว่าเธอชื่ออะไร ฝนยิ้มใสซื่อบอกว่าชื่อฝน

พอคุณขจีเดินไป ฝนกลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์ เพื่อนที่เดินตามมาชมฝนว่า “ฝน เธอนี่รู้งานนะ”

ฝนยิ้มกว้างอย่างมั่นใจ

ooooooo

คุณขจีเข้าไปในห้องทำงานศก ทันทีที่นั่งลงก็เอ่ยชมว่าเด็กที่อยู่เคาน์เตอร์ข้างหน้าที่ชื่อฝนน่ารักดีนะ

ศกที่กำลังเซ็นเอกสารเงยหน้าถามว่า “น่ารักยังไงครับ”

“ก็รู้จักดูแลใส่ใจคนอื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส ดีกว่าคนหน้าหงิกหน้างออย่างเมียใครบางคน” ศกติงว่าไม่เห็นปิ่นปักจะหน้างอตรงไหน เขาน่ารักออก “เขาดีกับศกคนเดียวน่ะสิ เห็นแม่เป็นแค่หัวหลักหัวตอ”

“เถอะน่าคุณ...หนูปิ่นกับตาศกรักกันดีต่อกันแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้รีบมีหลานออกมาให้เราอุ้มเร็วๆ” คุณเศียรติง ทำให้คุณขจีเย็นลงเพราะอยากอุ้มหลาน ศกถามว่าคุณพ่อคุณแม่มาที่นี่มีธุระอะไรหรือ ทั้งคุณเศียรและคุณขจีไม่ตอบ

ooooooo

คุณเชื่อมกับพิสมัยมาที่บ้านสวน พาไลเปิดประตูออกมารับ ไหว้พ่อกับแม่เชิญเข้าข้างใน พิสมัยบอกให้พาไลพาคุณพ่อชมบ้านก่อน ตนจะไปเอายาที่โรงพยาบาลให้คุณพ่อแล้วจะรีบกลับมาให้ทันก่อนรถติด

จุ้นกำลังรดน้ำต้นไม้ สายตาซอกแซกไปเห็นพาไลประคองกอดคุณเชื่อมลงจากรถพาเข้าบ้านก็ตาลุก วิ่งแจ้นกลับเข้าบ้านทันที

ในบ้าน คุณโปรยกำลังคุยโทรศัพท์กับปิ่นปักสีหน้าอารมณ์ดี

“หนูมิตรานามสกุลอะไรนะ...นามสกุลนายทหารใหญ่นี่...แม่จำได้ การศึกษาดี ตระกูลเยี่ยม น่าสนใจมากปิ่น...วันหลังปิ่นชวนหนูมิตรามากินข้าวที่บ้านเรานะ มาทำความรู้จักกันเอาไว้ เผื่อหนูมิตราจะเป็นนางฟ้าช่วยกันให้ตารินทร์เลิกยุ่งกับพาไล”

“คุณผู้หญิงขา!! คุณผู้หญิง เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ” นังจุ้นแจ๋นเข้ามาฟ้องฉอดๆ พอคุณโปรยฟังนังจุ้นก็อุทานตกใจ

“พาไล พาเสี่ยมาดูบ้าน!!”

นังจุ้นบอกว่าตนเห็นกับตาเลยว่าพาไลโอบกอดกันอย่างกับหนุ่มสาวพาเข้าบ้าน คุณยอดถามว่าแล้วพาไลเข้าไปในบ้านได้อย่างไร ประตูล็อกอยู่ไม่ใช่หรือ คุณโปรยสะบัดเสียงใส่ว่าลูกชายเขาคงเอากุญแจให้ไป แล้วบ่น

“ฉันไม่น่าพูดยกบ้านให้ตารินทร์เลย มันกลับไปหรือยัง” จุ้นบอกว่ายัง ตั้งแต่มาถึงก็หายเข้าไปในบ้านเลย ไม่รู้ไปทำกิจกรรมในที่ร่มเอาฤกษ์เอาชัยกันหรือเปล่า

คุณโปรยทนฟังไม่ได้ตวาด “หยุดพูดได้แล้ว! ฉันจะไม่ยอมให้บ้านฉันกลายเป็นฮาเร็มของผู้หญิงคนนั้น!”

คุณโปรยเดินอ้าวไปที่บ้านสวนทันที นังจุ้นระริกระรี้ตามไป ป้าแสงถามคุณยอดว่าไม่ไปช่วยคุณโปรยไล่แขกหรือ

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวหน้าแตก ใครจะพิเรนทร์ทำกิจกรรมในร่มกันที่บ้านคนอื่นกลางวันแสกๆ เป็นหนุ่มๆวัยกลัดมันก็ว่าไปอย่าง”

คุณโปรยไปถึงหน้าบ้านสวน ก็ตะโกนเรียกพาไลอย่างเกรี้ยวกราดให้ออกมา พาไลได้ยินเสียงคุณโปรย บอกคุณเชื่อมว่าเสียงแม่คุณรินทร์

“ไลรีบออกไปหาเขาก่อนเถอะ พ่อขอล้างมือก่อน บอกเขาด้วยนะว่าท่อในห้องส้วมแตกส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมด”

พาไลออกไปพบคุณโปรยถามว่ามีอะไรหรือคะ คุณโปรยโพล่งไปทันทีว่า

“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเช่าบ้านของฉัน” พาไลอ้างชื่อนครินทร์ ก็ถูกขัดขึ้นทันทีว่า “ตารินทร์จะบอกเธอยังไงก็ช่าง แต่บ้านนี้ยังเป็นชื่อของฉัน ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ใครอยู่ เพราะฉะนั้นจงรีบพาคู่ขาของเธอออกไปซะ”

พาไลถามงงๆ ว่าใครคือคู่ขา? ก็พอดีคุณเชื่อมล้างมือเสร็จเดินออกมาได้ยินเสียงโต้ตอบกันจึงหยุดฟัง ได้ยิน

คุณโปรยบอกว่า “ผู้ชายที่อยู่ในครัวกับเธอไง” นังจุ้นสาระแนด่าพาไลว่าหน้าด้านหน้าทน พาไลตวาดว่ามันจะมากไปแล้ว นังจุ้นท้าเหยงๆ ว่าทำไม จะตบตนหรือ คุณเชื่อมจึงเดินออกมา คุณโปรยเห็นถึงกับอุทานเบาๆ “คุณเชื่อม...” แต่นังจุ้น จุ้นไม่ลืมหูลืมตายังตั้งหน้าตั้งตาด่าพาไล คุณโปรยคว้าแขนเรียกปราม นังจุ้นยังไม่หยุด จนคุณโปรยต้องเอ็ด

“จุ้น! หยุด!!”

ooooooo

คุณโปรยจำคุณเชื่อมได้เพราะเคยเป็นนักการเงินที่มีชื่อเสียง จึงเชิญไปนั่งคุยกันที่บ้าน คุณโปรยขอโทษคุณเชื่อมที่คนของตนพูดจาล่วงเกิน

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือสา ตกลงว่าทำไมคุณถึงไม่ให้พาไลเช่าบ้านคุณ ถ้าเป็นเรื่องเงินละก็ ผมจะเซ็นเช็คจ่ายให้คุณล่วงหน้าหนึ่งปีเดี๋ยวนี้เลย” คุณโปรยบอกว่าไม่ใช่เรื่องเงิน “ถ้าอย่างนั้นเป็นเรื่องอะไร?”

คุณโปรยพูดออกตัวว่าไหนๆก็พูดแล้วขอพูดตรงๆเลย ถามว่าคุณเชื่อมรู้ไหมว่าพาไลมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีนัก คุณเชื่อมบอกว่าทราบดีว่าพาไล “เคย” ทำตัวไม่รักดี คุณโปรยเกรงว่าพาไลจะมาสร้างปัญหา ถูกคุณเชื่อมสวนไปทันทีว่า

“ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่พาไล แต่อยู่ที่อคติของคุณ” คุณโปรยโมโหถามว่าจะไม่มากไปหน่อยหรือ “คุณกล่าวหาผมกับพาไลทำอะไรกันที่บ้านหลังโน้น ผมว่ามันมากกว่าอีกนะ”

บรรยากาศเริ่มคุกรุ่น คุณยอดบอกให้ใจเย็นๆ แล้วบอกคุณเชื่อมว่าเรื่องพาไลมาเช่าบ้าน ก็ต้องเป็นไปตามความเห็นของนครินทร์ลูกชายตน คุณโปรยไม่พอใจ ถูกคุณยอดตัดบทว่า “เราต้องเคารพการตัดสินใจของลูกนะคุณ”

“ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติลูกสาวผมอยู่บ้านคุณ และคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมขอใช้เกียรติของตัวเองรับประกันว่าลูกสาวผมจะไม่สร้างปัญหาให้พวกคุณ เพราะว่าพาไลได้เปลี่ยนไปแล้ว”

ฟังคุณเชื่อมแล้ว คุณยอดยิ้มแต่คุณโปรยนั่งปึ่งคอแข็งไม่พอใจ

ooooooo

ระหว่างที่คุณเชื่อมคุยกับคุณโปรยและคุณยอดอยู่ในบ้านนั้น พาไลมานั่งรอที่สนามหน้าบ้าน ศกขับรถเอาของที่คุณแม่เขาซื้อมาฝากคุณโปรยเห็นเข้าพูดประชดว่า

“ได้เข้ามานั่งชมวิวอยู่ในบ้านนี้แล้ว พัฒนาเร็วดีนี่”

พาไลไม่อยากมีเรื่องจึงลุกเดินหนี ศกตามไปหาเรื่องว่าตนพูดด้วยทำไมถึงเดินหนี พาไลย้อนถามว่าพูดกับตนหรือ นึกว่าพูดกับนกกับกา ศกโมโหตวาด “อย่ามากวนผมนะ”

“คุณจะทำไมคะ” เธอเดินเข้าประชิดพูดเบาๆ “อย่าบอกนะว่าจะปล้ำฉันเหมือนคืนวันนั้นอีก”

“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณจำรูญใส่ยาให้คุณกิน ผมคิดว่าคุณจะเสนอให้ผมเอง ผมก็เลยสนอง”

พาไลดักคอว่าอย่าบอกนะว่าเขาไม่รู้เรื่องแผนสร้อยข้อมือเพชรหายของเพื่อนเขา ศกตะแบงให้หาหลักฐานมา พาไลตัดบทว่าเอาเป็นว่าตนให้อภัยและต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่ แล้วเดินผละไป ศกจิกตาพึมพำอย่างเจ็บใจ

“เราต่างคนต่างอยู่ไม่ได้อีกแล้วพาไล”

เมื่อคุณเชื่อมออกมา พาไลถามว่าคุณพ่อคุยอะไรกับพ่อแม่นครินทร์ คุณเชื่อมบอกว่าขอให้เขายอมให้เธออยู่ที่นี่ พาไลบอกว่าตนไม่อยากอยู่แล้ว เพราะอยู่ไปก็ทำให้เจ้าของบ้านอึดอัดใจ

“ไลต้องอยู่ เพราะถ้าไลวิ่งหนี ไลก็ต้องวิ่งไปตลอดชีวิต เพราะชีวิตนี้ไลต้องเจอคนที่ตัดสินไลจากอดีตอีกมากมาย ไลต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ตัวให้เขาเห็นว่า ไลไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด”

พาไลยิ้มให้พ่อ แต่แอบไม่สบายใจ ฝ่ายคุณเชื่อมกลับถึงบ้านอาการโรคหัวใจกำเริบ เขาบอกพิสมัยว่าสงสารพาไล ตนคงอยู่ได้อีกไม่นานแต่ก่อนที่ตนจะเป็นอะไร ก็อยากแน่ใจว่า พาไลจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ บอกพิศมัยให้โทร.บอกทนายพรุ่งนี้ให้มาหาตน พิสมัยถามว่าจะทำอะไร?

“ผมจะทำพินัยกรรมยกสมบัติของผมให้พาไล”

พิสมัยอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง

ooooooo

แล้วก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับเพรียว เช้านี้เขาไปถึงหน้าสำนักงานเจอปิ่นปักพอดี เขารีบเข้าไปช่วยถือของ หลังจากนั้นก็มีเสียงซุบซิบกันว่าเขากำลังคิดจะปีนต้นงิ้ว

เพรียวไม่สบายใจ พอเจอนครินทร์เขาปรารภว่ากลุ้มใจถูกพนักงานที่บริษัทหาว่าเป็นกิ๊กกับปิ่นปัก กลัวเธอจะเสียหายจะถูกหาว่านอกใจสามี พอดีนครินทร์นัดพาไลมาด้วย เพรียวรีบบอกว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้พาไลฟัง

แต่พอพาไลมาเห็นทั้งสองหน้าเครียดๆ เธอบอกว่าถ้ายังคุยกันไม่เสร็จตนรอได้

“ไม่มีอะไรหรอกครับ เพรียวเพื่อนผมปรึกษาเรื่องที่มันตกเป็นข่าวว่ากิ๊กกับปิ่น”

เพรียวตกใจทำหน้าไม่ถูก แต่นครินทร์บอกว่าเรื่องสยบข่าวลือต้องปรึกษาผู้มีประสบการณ์อย่างพาไล แล้วพาไลก็หาทางสยบข่าวลือช่วยเพรียวได้จริงๆ

รุ่งขึ้นพอหมดเวลาทำงานเพรียวก็รีบเก็บของ ถูกพวกปากหอยปากปูกระแนะกระแหนว่าเลิกงานปุ๊บก็เก็บของ ปั๊บ จะรีบไปไหนหรือ อีกคนสอดปากมาว่าเมื่อกี๊ก็เห็นปิ่นปักเก็บของเหมือนจะรีบกลับเหมือนกัน นัดกันหรือเปล่า

“เปล่า...ผมไม่ได้นัดกับคุณปิ่น ผมนัดกับแฟน” เพรียวบอกยิ้มอารมณ์ดี ทำเอาพวกนั้นงงไปตามกัน

พาไลในชุดสวยเปรี้ยวมารอเพรียวที่หน้าที่ทำงานปิ่นปัก แล้วเดินควงกันกะหนุงกะหนิงที่ลานจอดรถ พวกพนักงานพากันชะเง้อมองอย่างไม่อยากเชื่อว่าหน้าจืดๆ อย่างเพรียวจะมีแฟนสวยเปรี้ยวขนาดนี้

ปิ่นปักลงมาเห็นพวกพนักงานซุบซิบกันถามว่าดูอะไรกัน พอรู้ว่าดูแฟนเพรียว เธอเดินตามไปที่ลานจอดรถอย่างอยากรู้ว่าแฟนเพรียวคือใคร เลยเข้าแผนพาไล เพราะพอใกล้ถึงรถเพรียวบอกว่าลืมเอกสารแล้วย้อนกลับไป พาไลเลยแกล้งยืนถ่ายเซลฟี่อยู่แถวรถ เห็นปิ่นปักก็ทำทีถามว่าจะกลับแล้วหรือ

“ค่ะ...ฉันต้องขอแสดงความยินดีเรื่องเธอกับพี่เพรียวด้วย เธอโชคดีมากที่ได้คบกับพี่เพรียว พี่เพรียวเป็นคนดี จริงใจ เธอควรจะมอบความรักที่จริงใจให้กับ พี่เพรียวเหมือนกัน”

“คุณก็รู้นี่ว่าคุณเพรียวเป็นคนดี ทำไมคุณไม่มองเขาบ้าง คุณอาจจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขมากกว่านี้” ปิ่นปักสะบัดเสียงใส่ว่าตนมีความสุขอยู่แล้ว “แต่สายตาคุณมันฟ้องว่าไม่ใช่ อึดอัดมากใช่ไหมที่ต้องเป็นฝ่ายยอมคนเอาแต่ใจอย่างคุณศก ผู้ชายส่วนใหญ่ก็แบบนี้แหละ บ้าอำนาจ คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่”

“คุณศกไม่ใช่ผู้ชายส่วนใหญ่ของเธอ”

พาไลถามว่าแน่ใจหรือว่าไม่ใช่ เธอหลงตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า ถูกเย้ยสวนมาว่ายังดีกว่าหลงเงินผู้ชาย! พาไลสวนไปอย่างไม่สะทกสะท้านว่าเธอก็เลือกผู้ชายเพราะเงินเหมือนกัน ถ้าศกไม่รวยเธอก็คงไม่แต่งงานกับเขา ปิ่นปักเถียงไม่ออก ตะแบงว่าตนเลือกก็ไม่แปลกเพราะตนมีสิทธิ์เลือก

“รู้ไหมว่าชีวิตฉันที่ผ่านมามันล้มเหลวเพราะอะไร เพราะฉันประมาทเหมือนคุณตอนนี้ไง” ปิ่นปักตวาดว่าอย่าเอาตนไปเปรียบเทียบกับตัวเอง “ฉันกำลังเตือนสติคุณ อย่าประมาทคิดว่าตัวเองอยู่เหนือทุกอย่าง เพราะถ้าวันหนึ่งคุณพลาดพลั้งตกลงมา คุณจะได้ไม่โดนคนอื่นเหยียบซ้ำเหมือนฉันตอนนี้”

“ถ้าฉันพลาด ฉันก็ไม่มีวันตกลงมาต่ำเท่าที่เธออยู่ตอนนี้หรอกพาไล”

“งั้นคอยดูต่อไปแล้วกัน ว่าชีวิตใครจะอยู่ต่ำอยู่สูงกว่ากัน!” พูดแล้วจ้องหน้ากันอย่างท้าทาย

ooooooo

เมื่อสามสาวมาเจอกันคืนนี้ มิ้มหงุดหงิดเมื่อฟังพาไลเล่าว่าถูกปิ่นปักด่าเสียๆหายๆ ถามว่าทำไมไม่บอกปิ่นปักไปเลยล่ะว่าสามีที่เธอคิดว่าแสนดีนั้นเคยวางแผนจะเคลมเธอ

พาไลบอกว่าพูดไปเขาก็หาว่าตนโกหกเพราะท่าทางปิ่นปักหลงศกน่าดู แต่มิ้มเชื่อว่าปิ่นปักไม่ได้หลงผัวแต่เธอหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองจับผัวได้อยู่ ระหว่างนั้นฝนด่าปิ่นปักว่านอกจากหน้าจืดแล้วเรื่องบนเตียงก็จืดสนิทศกถึงได้หิวโหย

มิ้มกับพาไลมองฝนขวับ มิ้มถามว่ารู้เรื่องบนเตียงของเขาได้ยังไง เคยไปนอนกับเขามาแล้วหรือ ฝนปฏิเสธเสียงสูงทำให้ยิ่งมีพิรุธ พอดีมือถือฝนดังขึ้น ที่หน้าจอมีข้อความว่า “รออยู่ที่คอนโด” ฝนบอกเพื่อนทั้งสองว่า

“ไปก่อนนะแก แม่โทร.มาให้รีบกลับบ้าน” คว้ากระเป๋าได้ก็ออกไปเลย

“ฉันว่านังฝนมันต้องแอบกิ๊กกับใครอยู่ แต่ไม่บอกเรา” มิ้มมั่นใจ พาไลพยักหน้าเห็นด้วย

แต่พอฝนลงมาถึงหน้าคอนโดก็รู้สึกว่ามีใครตามตนอยู่ หันไปมองก็ไม่เห็นใคร ทั้งที่มีสายตาลึกลับคู่หนึ่งมองตามฝนอยู่ทุกฝีก้าว

คืนนี้ ปิ่นปักจึงรอศกจนหลับไปที่โซฟา แม่มายมาปลุก พอรู้สึกตัวก็ถามทันทีว่า

“คุณศกกลับมาแล้วเหรอคะ”

“ยังค่ะ คุณปิ่นขึ้นไปนอนบนห้องเถอะนะคะ วันนี้คุณปิ่นเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“ไม่เป็นไรค่ะ ปิ่นอยากรอ คุณศกบอกว่าออกไปหาลูกค้าเดี๋ยวเดียว สักพักก็คงจะกลับมาแล้ว ขอกาแฟให้ปิ่นแก้วนึงนะคะ ปิ่นจะทำงานรอ”

“ค่ะ” แม่มายได้แต่มองเธอด้วยความสงสาร

รุ่งขึ้น ปิ่นปักไปนั่งหลับที่ห้องทำงาน เพรียวเอาเอกสารมาให้เธอตกใจกลัวว่าเขาจะเห็นภาพตนไม่งามถามว่าเข้ามาตอนไหน เพรียวบอกว่าเพิ่งมาถึง เธอถามว่าเห็นตนทำอะไรอยู่ เพรียวปดว่าเห็นเธอนั่งทำงานอยู่แต่ยิ้มๆ จนปิ่นปักถามว่ายิ้มอะไร เพรียวโมเมว่ายิ้มประสาคนมีความรัก

“ปิ่นแสดงความยินดีเรื่องพี่เพรียวกับพาไลด้วยนะคะ แต่ปิ่นขอถามหน่อย ทำไมพี่เพรียวถึงคบกับพาไล”

“เพราะเราคุยกันถูกคอ ก็เลยถูกใจ”

“แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเลือกคบถูกคน”

“ถูกคนหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ทำถูกที่สุดแล้ว” เพรียวพยายามบอกเธอด้วยสายตาแต่ปิ่นปักก็ไม่เข้าใจ

ooooooo

วันนี้ทนายมาพบคุณเชื่อม เพ็ญถามว่ามาที่นี่มีธุระอะไรหรือ ทนายบอกว่าคุณเชื่อมนัดให้มาทำพินัยกรรมเพ็ญมองตามทนายไปอย่างแปลกใจ

เย็นนี้เอง บัวทองปรี๊ดแตกเมื่อฟังเพ็ญเล่าสิ่งที่ตนแอบฟังคุณเชื่อมคุยกับทนายความ แผดเสียงอย่างโกรธจัด

“คุณลุงจะยกสมบัติทั้งหมดให้พาไล! แล้วเราล่ะคะคุณแม่ เราได้อะไรบ้างหรือเปล่า”

“คงไม่มีเหลือตกมาถึงเราหรอก ไม่รู้ว่ามันมาทำอะไรให้คุณพี่ คุณพี่ถึงได้หลงกลยกสมบัติให้มันหมดเลย”

“บัวจะไม่ยอมให้มันมาชุบมือเปิบเอาของเราไป” บัวทองประกาศอย่างเจ็บใจ

ooooooo



ที่มา ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น